สังคมบริสุทธิ์
9. สังคมบริสุทธิ์ วันนี้เป็นวันมหาปวารณา ซึ่งเราทุกคนได้พร้อมใจกันกล่าว คำปวารณาตามพระธรรมวินัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัตถุประสงค์จริง ๆ ของการกล่าวคำปวารณา ก็เพื่อให้ท่านอาวุโสภันเตเป็นกัลยาณมิตรให้กันและกัน เพราะว่าพวกเราทุกรูปที่บวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนานี้ล้วนมีจุดหมายเดียวกัน นั่นคือหวังที่จะไปสู่อายตนนิพพาน การที่จะไปสู่อายตนนิพพานได้นั้นต้องอาศัยความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ และพระธรรมวินัยนี่แหละจะเป็นเครื่องกลั่นกรองให้กายวาจาใจของเราผ่องใสสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากอาสวกิเลสทั้งหลาย ให้เป็นใจที่เหมาะสมที่จะไปอายตนนิพพาน การที่ได้มีการปวารณากันนั้นก็เพื่อให้เป็นกัลยาณมิตรคอยแนะนำตักเตือนกัน ในกรณีที่บางครั้งบางคราวเราอาจจะพลาดพลั้ง ผิดพลาดในพระธรรมวินัยข้อใดข้อหนึ่ง พลอยเป็นเหตุให้กายวาจาใจนั้นไม่สะอาดไม่บริสุทธิ์ อันเป็นต้นเหตุทำให้หลุดจากเป้าหมายปลายทางของพระนิพพาน การตักเตือนกันนั้น ท่านให้หลักเอาไว้ว่า ถ้าหากได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยว่า เพื่อนสหธรรมมิกท่านใดประพฤติผิดพลาดจากพระธรรมวินัย จะด้วยความประมาทชะล่าใจ หรือด้วยความจงใจก็ตามก็ให้แนะนำตักเตือนกันได้ การตักเตือนกันจะทำให้เรารู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเองว่า เราได้ทำผิดพลาดอย่างไรบ้าง เนื่องจากว่าผู้ที่ตั้งใจจะมาบวชล้วนเป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอาสวะอยู่ทั้งสิ้น จึงทำให้บางครั้งเราเผลอพลาดพลั้งกระทำผิดไปได้ ในสมัยพุทธกาลจึงได้กำหนดให้มีพิธีปวารณาขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่พ้นแล้วหรือผู้ที่มีกิเลสเบาบางจะได้ตักเตือนผู้ที่ยังมีกิเลสหนา เพื่อจะได้จูงมือกันไปสู่อายตนนิพพานด้วยกัน พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงกำหนดให้มีการปวารณาขึ้นมาก็ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อลูก ๆ ของพระองค์อย่างแท้จริง และประเพณีนี้ก็สืบทอดกันเรื่อยมาจนกระทั่งถึงยุคของเรา ๒,๕๔๑ ปีแล้ว มหาปวารณา ใช่เป็นเพียงธรรมเนียม การทำปวารณาได้กำหนดวันก่อนออกพรรษาหนึ่งวันเป็นวันมหาปวารณา คือ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปบำเพ็ญสมณธรรมตามป่า ตามเขา ตามห้วยหนองคลองบึง ตามสถานที่ชอบใจต่าง ๆ ก็ให้ปวารณากันเอาไว้ เราต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการปวารณาให้ดี ถ้าไม่เข้าใจ การปวารณาก็จะเป็นแต่เพียงธรรมเนียม …