ไม่ใช่ของขลัง แต่เป็นของศักดิ์สิทธิ์
ไม่ใช่ของขลัง แต่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ (เรียบเรียงจากโอวาทคุณครูไม่ใหญ่) เรื่องดวงแก้วเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ คุณยายเคยเล่าให้ฟังว่า มีดวงแก้วอยู่ดวงหนึ่งเป็นของคุณยายทองสุข สำแดงปั้น เดิมทีดวงแก้วดวงนี้มีมาตั้งแต่สมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นดวงแก้วขนาดใหญ่ที่มีอานุภาพมาก สามารถกลิ้งตัวเองเข้าไปใต้รัตนบัลลังก์เพื่อฟังธรรมได้ ต่อมาเมื่อเขารู้ว่าผู้มีบุญที่จะได้ครอบครองดวงแก้วมาเกิดแล้ว เขาจึงย้ายมาอยู่ด้วย แต่เนื่องจากไม่สามารถนำพาเอาเรือนเดิมซึ่งมีขนาดใหญ่มาด้วยได้ จึงย้ายมาอยู่ในเรือนเล็กแทน ฟังแล้วก็รู้สึกอัศจรรย์ใจว่า กายสิทธิ์ในดวงแก้วสามารถย้ายเรือนได้ เพราะเหตุที่ดวงแก้วมีความสำคัญและมีอานุภาพมากขนาดนี้ คุณยายท่านจึงชอบใช้ดวงแก้ว ซึ่งต่อมาก็มีคนเอามาถวายท่านเรื่อย ๆ ท่านบอกว่า “บางดวงก็มีตัว บางดวงไม่มีตัว บางดวงตัวอ่อน บางดวง ตัวแก่” ความอ่อนความแก่ในที่นี้ หมายถึง บุญบารมีของกายสิทธิ์ที่นั่งสมาธิอยู่ภายในดวงแก้ว โดยมีดวงแก้วเป็นเรือน ถ้าตัวยิ่งแก่บารมี ยิ่งมาก ก็ยิ่งสว่าง สุกสดใส ยิ่งสวย ยิ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมาก ตัวอ่อนก็หย่อนลงมา ส่วนดวงแก้วที่ไม่มีตัว ก็ต้องไปอัญเชิญมาใส่ ดวงแก้วที่คุณยายได้มา แม้ตอนแรกไม่ค่อยใส แต่หลายเดือนผ่านไป พอแกะห่อผ้าออกดู น่าอัศจรรย์ใจว่า ดวงแก้วกลับใสขึ้น และไม่ใช่ความใสแบบด้าน ๆ อย่างแก้วเจียระไนธรรมดา แต่เป็นความผ่องใสเหมือนนวลผักคะน้าหรือนวลมะม่วง ดวงแก้วจะเปล่งประกาย มีเสน่ห์ มีพลังแผ่ออกมา เป็นเพราะคุณยายท่านนำมากลั่นแก้และฝึกงานด้วยอานุภาพพระธรรมกาย ดวงแก้วเหล่านี้ …