หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

พ่อแม่เป็นห่วงลูกมากเกินไปหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อครับ ผมและเพื่อนๆ ชอบเล่นสเก็ตน้ำแข็งมาก แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยยอมอนุญาต บอกว่าห่วง ผมไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเลยครับ? คำตอบ: ลูกพูดอย่างนี้ หลวงพ่อขอเป็นตัวแทนของลูก พูดไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทางบ้านหน่อยนะ แล้วในเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นตัวแทนของคุณพ่อคุณแม่ ตอบคำถามของลูกด้วยว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านห่วงทำไม หลวงพ่อจะทำตัวเป็นกลางที่สุดนะ ขอเป็นตัวแทนคุณพ่อคุณแม่อธิบายให้คุณลูกฟังก่อนว่าทำไมต้องห่วง ทำไมไม่อยากอนุญาตในเรื่องบางเรื่อง สิ่งที่อยากให้คุณลูกได้รับรู้ไว้มี 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ         เรื่องที่หนึ่ง การที่ลูกจะไปเล่นอะไรที่ไหนก็ตาม จะเป็นสเก็ตหรือสกีอะไรอีกก็ตามทีเถอะ การเที่ยวเล่นลักษณะนี้ที่แน่ๆ เลยคือ ค่าใช้จ่ายสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องควักกระเป๋าแน่นอน ถ้าอนุญาต ลูกลองคิดดูซิว่ามันคุ้มกันไหม คุณพ่อคุณแม่เหนื่อยแทบตายกว่าจะหาเงินมาได้เป็นกอบเป็นกำ เสร็จแล้วเงินนั่นกลับกลายเป็นค่าความสนุกของเราไป เดี๋ยวนี้เงินทองก็ไม่ใช่หาง่ายๆ มันหายากนะ หรือแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูจะมีฐานะดี เงินทองหาง่าย แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ขอให้ลูกๆ วัยรุ่นทั้งหลายมองเรื่องนี้ให้กว้างๆ จะได้เข้าใจหัวอกคุณแม่คุณพ่อว่าเป็นธรรมดาที่ท่านต้องคิดว่าท่านต้องแก่ ต้องตายจากลูกไปแน่ๆ จะช้าจะเร็วไม่รู้ อะไรที่จะเป็นสมบัติทิ้งไว้ให้ลูกทุกคนได้ ท่านก็ยินดีจะเก็บสมบัตินั้นไว้มากกว่าที่จะปล่อยให้มันละลายไป เพราะตามใจลูกเรื่องเที่ยว เรื่องเล่น         คุณหนูอาจจะแย้งว่า การเล่นสเก็ตน้ำแข็งเป็นการออกกำลังกาย ข้อนี้หลวงพ่อไม่เถียง แต่ว่าการออกกำลังกายนี่ ยังมีวิธีอื่นอีกตั้งมากที่จะทำให้ได้เรี่ยวแรง แล้วก็ได้สุขภาพพลานามัยดี ไม่น้อยหน้ากว่าเจ้าสเก็ตน้ำแข็งนี้ และวิธีนั้นก็ไม่ต้องใช้เงินอะไรเลย         …

พ่อแม่เป็นห่วงลูกมากเกินไปหรือไม่ Read More »

พ่อแม่จะฝึกลูกให้มีนิสัยประหยัดได้อย่างไร?

คำถาม: พ่อแม่จะฝึกลูกให้มีนิสัยประหยัดได้อย่างไร? คำตอบ: ลูกจะมีนิสัยประหยัดได้ พ่อแม่ต้องประหยัดเป็นแบบอย่างให้ลูกดูเสียก่อน การเพาะนิสัยประหยัดให้ลูก ทำได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก คือ         1. ฝึกลูกให้รู้จักคุณค่าของเงิน เมื่อลูกขอเงินต้องซักถามให้ละเอียดก่อนว่า จะเอาเงินนี้ไปทำอะไร มีความจำเป็นแค่ไหนจึงต้องใช้เงิน ถ้าลูกขอโดยไม่มีเหตุผล ก็ไม่ควรให้ ต้องชี้แจงให้ลูกทราบด้วยว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ให้ แม้ลูกจะไม่พอใจก็ต้องทำใจแข็งไว้ อย่าให้เงินลูกเพียงเพื่อตัดความรำคาญ อย่าให้ลูกมีความคิดว่าเงินได้มาอย่างง่ายๆ ต้องสอนให้ลูกรู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อแม่หามาได้หมายถึงหยาดเหงื่อแรงกายของพ่อแม่ ลูกจะได้รู้คุณค่าของเงินและใช้เงินอย่างคุ้มค่า         2. ฝึกให้งดเว้นของฟุ่มเฟือย สิ่งใดที่เห็นว่าเป็นของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น พ่อแม่อย่าซื้อหาให้ลูก ถ้าขัดไม่ได้ ก็หาอย่างอื่นที่ราคาไม่แพง แต่ใช้ทดแทนกันได้มาให้ หาวิธีอธิบายให้ลูกรู้ว่าของดีไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง ฝึกให้ลูกรู้จักใช้ของอย่างคุ้มค่า ให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ไม่ใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ เมื่อของเสียหาย ต้องสอนให้รู้จักซ่อมแซมของนั้นด้วยตัวเอง         3. ฝึกให้ลูกรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สอนลูกให้รู้จักทำของใช้เอง เป็นการเสริมสร้างปัญญาให้ลูก โดยเฉพาะของเล่น ให้ลูกรู้จักประดิษฐ์ขึ้นเอง หรือประกอบจากชิ้นส่วนเอง ลูกจะได้รู้จักช่วยตัวเองเป็น และมีความภาคภูมิใจในความสำเร็จ มีกำลังใจสูงขึ้น นอกจากนั้น ควรฝึกให้ลูกรู้จักวิธีตัดทอนงบประมาณค่าใช้จ่ายของลูกเองเพื่อลูกจะได้รู้จักวิธีอดออม และรู้จักทำงานให้ได้เงินด้วยตัวเอง         4. ฝึกลูกให้รู้จักเก็บออมทรัพย์ หากระป๋องออมสินให้ลูกสำหรับเก็บเงินที่เหลือจากค่าขนม หรือค่าใช้จ่ายประจำ พาลูกหรือสอนลูกให้เอาเงินที่เก็บออมได้ไปฝากเข้าบัญชีในธนาคาร เมื่อลูกได้เงินพิเศษ จากญาติผู้ใหญ่ในวันสำคัญของลูก เช่น วันเกิด …

พ่อแม่จะฝึกลูกให้มีนิสัยประหยัดได้อย่างไร? Read More »

หน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่มีอะไรบ้าง

คำถาม: หน้าที่ของบุตรที่มีต่อบิดามารดา มีอะไรบ้างคะ? คำตอบ: พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณอย่างที่สุดของลูก นับตั้งแต่เป็นต้นแบบที่ดีของลูก คือเป็นผู้ให้รูปร่างมนุษย์ที่เหมาะสมในการสร้างความดีทุกรูปแบบ ดังนั้นแม้พ่อแม่จะไม่เลี้ยงดูบุตร ก็ได้ชื่อว่ามีพระคุณอยู่แล้ว และถ้าท่านเลี้ยงดู ทำหน้าที่ของพ่อแม่ดีที่สุดอย่างสมบูรณ์แบบ พระคุณของท่านก็จะยิ่งมากมายสุดจะนับจะประมาณได้         พ่อแม่เป็นผู้ให้อภัยแก่ลูกอยู่เสมอ ไม่ผูกโกรธ แม้จะดุด่าว่ากล่าวหรือเฆี่ยนตีลูกบ้าง ก็เป็นเพราะความรัก ความห่วงใย ต้องการสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี ทุกครั้งที่ไม้เรียวกระทบเนื้อลูก เชื่อเถอะว่ามันเหมือนมีมีดกรีดลงบนหัวใจของพ่อแม่ด้วย ในโลกนี้ไม่มีใครที่รักลูกเป็นมิตรแท้ต่อลูกเหมือนพ่อแม่ เพราะท่านคิดแต่จะให้เพียงอย่างเดียว ลูกๆ ไม่ต้องหวาดระแวงเลยว่าพ่อแม่จะทรยศหักหลังเหมือนคนอื่น         พระคุณของพ่อแม่มีมากมายเกินกว่าจะตอบแทนได้หมด ลูกที่ดีต้องสำนึกในพระคุณของพ่อแม่ให้เปี่ยมล้นในใจอยู่เสมอ ปฏิบัติต่อท่านให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ท่านเป็นพระในบ้าน หน้าที่ของลูกที่ควรปฏิบัติต่อพ่อแม่ กล่าวโดยย่อ คือ         1. คอยดูแลท่านให้ดี ตั้งแต่เรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยามเจ็บป่วย ก็ช่วยพยาบาลรักษาให้ดีที่สุด ทำให้สม่ำเสมอตราบจนวาระสุดท้ายของท่าน         2. ประพฤติตนเป็นคนดี สร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูล ให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ         3. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับการที่จะเป็นผู้รับมรดก         4. ทำกิจการงานแทนท่านไม่ให้บกพร่อง         5. ชักชวนหรืออำนวยความสะดวก สนับสนุนให้ท่านได้มีโอกาสทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา จะได้เป็นบุญติดตัวท่านไปในภพเบื้องหน้า เป็นการถากถางหนทางไปสู่พระนิพพานของท่านเอง หน้าที่นี้เป็นหน้าที่สำคัญที่สุดที่ลูกทุกคนต้องปฏิบัติต่อพ่อแม่ …

หน้าที่ของลูกที่มีต่อพ่อแม่มีอะไรบ้าง Read More »

จะทำอย่างไรเมื่อโดนเพื่อนบ้านเอาเปรียบ

คำถาม: เพื่อนบ้านบางคนชอบเอาเปรียบ เช่น กวาดขยะมาทิ้งหน้าบ้านเราทุกวัน จะทำอย่างไรดีคะ? คำตอบ: ที่เขากวาดขยะมาใส่บ้านเราทุกวัน เพราะเราเคยไปทำแบบนั้นกับเขาก่อนหรือเปล่า ถ้าเราไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่เขายังมาทำกับเรา เราก็หาถังอะไรมาวางตรงที่ทิ้งขยะของเขาและของเรา อย่าเพิ่งไปทำอะไร หรืออย่าเพิ่งพูดอะไรมาก เริ่มทำตัวให้เขาทั้งรักทั้งเกรงเสียก่อน แล้วจึงค่อยไปพูดขอร้องกัน         ถ้าเราไปทำ จะให้เขาเกรงโดยไม่ต้องรัก เราก็เป็นอันธพาลประจำซอย เดี๋ยวก็ได้เรื่อง เขาอาจไม่กล้าเอาขยะมาทิ้งอีก แต่อย่าเลย ลูก..อย่าเป็นพาลเสียเอง เพราะมันแค่ทำให้เขาเกรงกลัว จะเป็นการเพาะศัตรูเพาะเวรภัยในภายหลัง         ทำให้เขารัก ดีกว่าทำให้เขาเกลียดกลัว การทำตัวให้น่ารักอาจจะเสียเวลาบ้าง แต่อดทนเถอะ ทนไปสักพัก พอชนะได้ครั้งหนึ่งแล้ว จะชนะได้ตลอด แล้วจากที่ชาวบ้านเรียกเราว่า “นายนั่น นายนี่” นักเลงโตประจำซอย ก็อาจเปลี่ยนเป็น “คุณพ่อ คุณแม่” ประจำซอยไปก็ได้ ซึ่งก็เป็นด้วยความที่เรามีคุณธรรม โดยเฉพาะมีขันติ อดทนต่อความไม่เข้าท่าเข้าทางของเพื่อนบ้านได้         เพื่อนบ้านนั้นหากผูกมิตรไว้ดีแล้ว เขาจะเป็นเสมือนญาติสนิทที่คอยเอื้ออาทร คอยปกป้องภัยอันตรายให้เรา รั้วน้ำใจนั้นดีกว่ารั้วเหล็กหลายเท่า เราควรทำให้บุคคลที่อยู่รอบบ้านเป็นเพื่อนของเรา อย่าให้เขาเป็น “คนอื่น” สำหรับเรา เพราะมิฉะนั้นเราก็จะเป็น “คนอื่น” สำหรับเขาเหมือนกัน โอวาท …

จะทำอย่างไรเมื่อโดนเพื่อนบ้านเอาเปรียบ Read More »

บิดาป่วยหนัก แต่ท่านไม่เชื่อเรื่องบุญบาป จะช่วยได้อย่างไร ทำบุญให้ตอนมีชีวิต ท่านจะได้บุญไหม

คำถาม: บิดาของดิฉันป่วยหนัก 2 เดือนแล้ว อาการของท่านทรมานมากบ่นและร้องโวยวายตลอดเวลา ไม่ทราบว่าจะช่วยได้อย่างไร ดิฉันสงสารท่านมาก ปกติท่านไม่ยอมเชื่อเรื่องบุญบาป ถ้าหากลูกๆ ทำบุญให้ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านจะได้รับไหมคะ เผื่อว่าจะทุเลาอาการทรมานได้บ้าง? คำตอบ: ก็ได้เหมือนกัน ถ้าท่านอนุโมทนาบุญกับเรา แต่ได้น้อย ต้องให้ท่านทำเอง คนที่ไม่เชื่อเรื่องบุญ บาป ไม่เชื่อเรื่องนรก สวรรค์ แต่เชื่อว่าชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ พวกนี้พอบาปตามมาทัน ก่อนตายก็ต้องได้รับทุกข์ทรมานมากกันทุกคน         ในฐานะที่เราเป็นลูก ก็ควรเฝ้าดูแลอยู่ใกล้ๆ ได้โอกาสก็ชวนท่านคุยเรื่องธรรมะบ้าง นำดอกไม้ธูปเทียนมาให้ท่านบูชาพระตอนเช้า ตอนเย็น และก่อนนอน แรกๆ ท่านอาจจะไม่ยอมทำตาม แต่เราก็ต้องค่อยๆ พูดให้ท่านเข้าใจเรื่องบุญบาป บอกให้พ่อไหว้พระและสวดมนต์ทุกวันๆ เท่าที่จะทำได้         ถ้าลุกไม่ขึ้นก็ให้นอนสวดบนที่นอนนั้นแหละ เมื่อก่อนตอนสบายดีอาจจะไม่เชื่อ แต่พอเจ็บหนักใกล้ตายเข้า ลูกบอกให้ขอให้พระช่วยอาจจะยอมเชื่อ หรืออาจจะเตรียมหาข้าวปลาอาหาร ผลไม้ ดอกไม้ไว้ให้ท่านใส่บาตร ถ้าเรานิมนต์พระมารับถึงห้องได้เลยก็ดี แต่ถ้าพระมาไม่ได้หรือแถวนั้นไม่มีพระ เราก็ไปตักบาตรแทนท่าน แล้วกลับมาเล่าให้ท่านฟังว่า ได้ไปทำบุญทำทานมาให้ท่านอย่างนี้ๆ         ถ้าท่านยังพอมีบุญอยู่บ้างก็จะคล้อยตาม อาการป่วยที่ทุรนทุรายก็จะลดลง หากท่านไม่ยอมสักอย่าง ก็จนปัญญา ก็ขอไปทดแทนคุณกันชาติหน้าก็แล้วกัน …

บิดาป่วยหนัก แต่ท่านไม่เชื่อเรื่องบุญบาป จะช่วยได้อย่างไร ทำบุญให้ตอนมีชีวิต ท่านจะได้บุญไหม Read More »

พ่อแม่ควรปลีกเวลาอยู่กับลูกตอนไหนอย่างไรครับ?

คำถาม: พ่อแม่ควรปลีกเวลาอยู่กับลูกตอนไหนอย่างไรครับ? คำตอบ: พ่อแม่ ควรจะทราบก่อนว่าธรรมชาติของเด็กที่เด่นๆ มี 2 ประการ คือ         ประการแรก เด็กเป็นเสมือนผ้าขาวสะอาด เด็กต้องการตัวอย่างหรือต้นแบบในการคิด การพูดและการกระทำ สิ่งใดมาถึงก่อนเด็กจะรับสิ่งนั้นไว้เป็นแบบอย่าง ดังนั้นถ้าเด็กได้รับแต่สิ่งที่ดีก่อน ก็ก็จะมีโอกาสทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป และมีฐานกำลังความดีไว้ต่อต้านความชั่วที่เข้ามาภายหลัง ทำให้เอาตัวรอดได้ง่าย         ประการที่สอง เมื่อเด็กทำอะไรผิด ในระยะ 2-3 ครั้งแรก เด็กจะมีพิรุธให้เห็นได้ชัด ทำให้เราหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที ถ้าผู้ใหญ่ไม่รู้ หรือปล่อยปละละเลย เด็กก็จะเกิดความเคยชิน ทำผิดเป็นนิสัย โดยไม่มีพิรุธให้ผู้ใหญ่จับได้ ทำให้เสียนิสัยที่ดีงามไปในที่สุด         ในการอบรมเด็ก ผู้ใหญ่จึงควรจะต้องทำในสิ่งต่อไปนี้ คือ         1. พยายามหาโอกาสอยู่ใกล้ชิดเด็กให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เช่น ทุกๆ วัน ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะมีงานยุ่งอย่างไรก็ตาม ต้องหาเวลามารับประทานอาหารร่วมกับลูกทุกคนอย่างน้อย 1 มื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อเย็น เพื่อว่าถ้าลูกทำอะไรถูกต้องดีงาม ก็จะได้ชมเชย ให้เกิดกำลังใจ ถ้าลูกทำผิดพลาด จะได้ว่ากล่าวตักเตือนแนะนำสั่งสอน หรือถ้าผิดร้ายแรง ก็ลงโทษกันได้อย่างทันทีทันควัน และที่สำคัญก็คือ จะได้มีโอกาสอบรมคุณธรรมให้ลูก …

พ่อแม่ควรปลีกเวลาอยู่กับลูกตอนไหนอย่างไรครับ? Read More »

ปัญหาสามีเจ้าชู้จะแก้อย่างไร

คำถาม: หญิงที่สามีเจ้าชู้จะแก้ปัญหาอย่างไรคะ? คำตอบ: สามีเจ้าชู้หรือคนเจ้าชู้ มีเหตุ 2 ประการ คือ     1. เจ้าชู้เพราะแม่บ้านบกพร่องต่อหน้าที่ สำหรับกรณีนี้เป็นเรื่องที่แม่บ้านต้องแก้ไขตัวเอง โดยพยายามค้นหาข้อบกพร่องของตัวเองให้พบ แล้วก็ต้องยอมรับว่าตนเป็นอย่างนั้นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยาก         การค้นหาข้อบกพร่องของตนเองมีความจำเป็นที่จะต้องทำใจให้สงบเสียก่อน ซึ่งไม่มีวิธีไหนดีเกินกว่าการนั่งสมาธิ(Meditation)เป็นประจำทุกคืน เพราะคนเรานั้นเมื่อเวลาลืมตามักเห็นแต่ข้อบกพร่องของคนอื่น ความผิดของคนอื่นแม้เล็กน้อยก็มองว่าใหญ่โตร้ายแรง ส่วนความผิดของตัวเองแม้ร้ายแรงใหญ่โตกว่าภูเขาก็ยังมองไม่เห็น แต่เมื่อหลับตานั่งสมาธิไม่เห็นใครอื่น กลับเห็นตัวเองในมโนภาพ ความบกพร่องของตัวเองก็จะค่อยๆ ลอยเด่นขึ้นมาให้เห็น ยิ่งใจสงบเท่าไร ก็ยิ่งเห็นข้อบกพร่องมากขึ้นเท่านั้น         คนเราขอให้เห็นความผิดพลาดบกพร่องของตัวเองเถิด หนทางแก้ไขจะมีมาเอง แต่มีข้อเตือนใจอยู่อย่างหนึ่งสำหรับท่านที่มีสามี คือ ห้ามไปหาหมอทำเสน่ห์เด็ดขาด และอย่าทำอะไรรุนแรงเป็นการประชดประชัน เพราะนั่นมิใช่เป็นการแก้ปัญหา แต่จะยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาไม่รู้จบ         นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีประกอบ คือให้ปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขาเป็นคนดีมีศีลธรรม และมีความสำเร็จในการครองเรือน ซึ่งอาจจะไม่ใช่พ่อแม่ หรือญาติของเราก็ได้     2. เจ้าชู้โดยนิสัย สำหรับกรณีนี้แก้ยากสักหน่อย ก็ต้องทนเอาก็แล้วกัน นึกว่าเป็นกรรมของเราที่ดูคนไม่เป็น ไปเลือกคนอย่างนี้มาเป็นสามี ก็ให้เราตั้งใจทำหน้าที่ภรรยา หน้าที่แม่บ้านให้ดี ไม่ให้บกพร่อง ทำบ้านให้เย็น คือไม่เอาเรื่องร้อนหูร้อนใจเข้าบ้าน ไม่ด่าว่าให้สามีอับอายแค้นเคืองใจ         ถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ก็แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าเป็นเรื่องๆ …

ปัญหาสามีเจ้าชู้จะแก้อย่างไร Read More »

พ่อแม่ควรจะมีหลักเกณฑ์การวางบทบาทของตัวเอง ให้เหมาะสมในการปกครองลูกได้อย่างไร?

คำถาม: พ่อแม่ควรจะมีหลักเกณฑ์การวางบทบาทของตัวเอง ให้เหมาะสมในการปกครองลูกได้อย่างไร? คำตอบ: พ่อแม่ที่ดีต้องเข้าใจสภาวะจิตใจของลูก รู้ว่าความรู้สึกนึกคิดของลูกจะเปลี่ยนแปลงตามวัยและสิ่งแวดล้อม เมื่อลูกยังเล็กอยู่ พ่อแม่จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ครั้นโตขึ้นเพื่อนจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด พอลูกเข้าสู่วัยหนุ่มวัยสาว ความสำคัญของพ่อแม่จะลดลง และเมื่อลูกเป็นผู้ใหญ่ ลูกจะเป็นตัวของตัวเอง ต้องการความอิสระมาก ต้องการเหตุผลมากขึ้น ดังนั้นพ่อแม่จำเป็นจะต้องปรับตัวเองให้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของลูก         การเป็นพ่อแม่ที่ดี นอกจากจะต้องทำหน้าที่ของพ่อแม่ที่ดีให้ครบถ้วนแล้ว ยังต้องเล่นบทบาทต่อไปนี้ให้ได้ดีอีกด้วย คือ     1. บทบาทของความเป็นครู พ่อแม่ต้องอบรมสั่งสอนลูกชี้แจงให้ลูกรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรควร และอะไรไม่ควร ถ้าลูกยังเล็กนัก สอนกันด้วยเหตุผลยังไม่ได้ พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกดูเป็นแบบอย่าง การอบรมสั่งสอนจะต้องนุ่มนวล ค่อยพูดจาปราศรัย ไม่เอาแต่อารมณ์ การสั่งสอนด้วยไม้เรียว ควรเก็บไว้ใช้ในคราวที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น ต้องปลูกฝังนิสัยรักความสะอาดให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก ฝึกให้รู้จักดูแลความสะอาดของตัวเอง ตั้งแต่เรื่องเสื้อผ้า การอาบน้ำถูตัว แม้ที่สุดเรื่องนิสัยในการกินอาหาร อย่าปล่อยปละละเลย อย่าคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกดูเป็นแบบอย่าง พ่อแม่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกดูเป็นแบบอย่าง         เนื่องจากพ่อแม่เป็นครูคนแรกของลูก ใกล้ชิดลูกตั้งแต่แรกเกิด การระมัดระวังปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องดีงามให้เป็นพื้นฐานความประพฤติของลูกก่อน เมื่อโตขึ้นจะทำให้เขาสามารถรองรับความดีมาใส่ตัวได้เร็ว และมักรังเกียจความไม่เข้าท่าเข้าทางต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาได้เองโดยอัตโนมัติ     2. บทบาทเทวดา พ่อแม่ต้องมีพื้นฐานทางธรรมที่ดี จึงจะเล่นบทนี้ได้ เพราะต้องฝึกลูกให้รู้จักรักบุญกลัวบาป …

พ่อแม่ควรจะมีหลักเกณฑ์การวางบทบาทของตัวเอง ให้เหมาะสมในการปกครองลูกได้อย่างไร? Read More »

ทำอย่างไรให้เมืองไทยสะอาด

คำถาม: ทำอย่างไร เมืองไทยจึงจะสะอาดครับ? คำตอบ: ความสะอาดความเป็นระเบียบ จะต้องเริ่มต้นทำกันที่บ้าน ฝึกกันตั้งแต่เล็ก พ่อแม่ต้องฝึกฝนอบรมลูกให้เป็นคนรักความสะอาด รักความเป็นระเบียบและมีวินัย ทั้งนี้พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกดูด้วย พ่อแม่ต้องฝึกลูกให้รักความสะอาดของตัวเองก่อน จนเป็นนิสัย         เริ่มตั้งแต่การอาบน้ำแปรงฟัน ฝึกลูกไว้ตั้งแต่ยังเล็ก จากนั้นฝึกให้ลูกรู้จักทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาด เช็ดถูบ้านเรือน เห็นอะไรรกหูรกตา ต้องให้รีบเก็บกวาดให้เป็นระเบียบ ทุกบ้านทุกครอบครัวต้องปลูกฝังนิสัยรักความสะอาด รักความเป็นระเบียบให้กับเด็กในบ้านทุกคน แม้ที่สุดของเล่น เมื่อเลิกเล่นแล้วต้องสอนให้รู้จักเก็บเข้าที่เข้าทาง         พ่อแม่ต้องฝึกฝนทั้งตัวเองและฝึกฝนอบรมลูก ให้คุณธรรมข้อนี้ฝังอยู่ในใจให้ดี เมื่อทุกๆ บ้านต่างมีคุณธรรมประจำใจ ก็จะส่งผลไปถึงสังคม บ้านเมืองไทยก็จะสะอาดเป็นระเบียบไปเอง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีวัดกันที่ตรงไหน

คำถาม: คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เขาวัดกันที่ตรงไหนคะ? เป็นคนที่ดื่มเหล้าเข้ากับใครๆ ได้หมด หรือเป็นคนที่สามารถสรวลเสเฮฮากับพรรคพวกเพื่อนฝูงหรือคนทั่วไปได้ ใช่ไหมคะ? คำตอบ: อย่าไปเชื่อนะ ว่าคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี คือคนที่ต้องดื่มเหล้าหรือสามารถสรวลเสเฮฮา เข้ากับใครได้หมด นั่นเป็นได้แค่ตลกบริโภคเท่านั้น         คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี คือคนที่เมื่อถึงคราวจะทำงานอะไรก็ตาม เพื่อนๆ มักรี่เข้ามาหา มาออกปากว่าอยากจะทำด้วย ประชาชนเชื่อถืออยากเข้ามาปรึกษาหารือด้วย แม้คนนั้นไม่เคยเฮฮากับใครก็ตาม         ความมีมนุษย์สัมพันธ์ดี เขาวัดกันตรงที่ ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ อยากมาร่วมทำความดีด้วย ไม่ใช่วัดกันที่ถึงเวลาสนุกก็สนุกด้วย แล้วก็เฮๆ อยู่ตรงกลางวง แต่เวลาจะทำงาน เวลาตกทุกข์ได้ยาก กลับไม่มีใครเหลียวแล อย่างนี้ถือว่ามนุษย์สัมพันธ์ไม่ดี ขอให้ตีค่าคำว่ามนุษยสัมพันธ์ให้ถูกต้องนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ถ้านักเรียนทำผิด แล้วครูตีให้หลาบจำ จนเป็นแผลจะผิดหรือเป็นบาปหรือไม่

คำถาม: ถ้านักเรียนทำผิด แล้วครูตีให้หลาบจำ จนเป็นแผลจะผิดหรือเป็นบาปไหมคะ? คำตอบ: เอาแล้วไหมล่ะ รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี แต่ผสมความโกรธความเจ้าโทสะไปด้วย เลยตีก้นซะเหวอะเลย นั่นจะฆ่าให้ตายแล้ว         การตี ก็ควรตีแต่พอให้เจ็บ พอให้หลาบจำ ตีด้วยความเมตตา เพื่อให้เด็กกลัว ไม่กล้าทำความผิดอีก หรือเพื่อให้ละทิ้งนิสัยไม่ดีๆ เสีย มีผู้ใหญ่หลายๆ คนที่ได้ดิบได้ดี เพราะไม้เรียวของหลวงปู่ หลวงตา ของครูบาอาจารย์ที่ท่านเฆี่ยนตีด้วยความเมตตา         เพราะฉะนั้น ก่อนจะตีใครลงโทษใคร ให้ตั้งจิตเมตตาไว้ก่อน จิตเมตตานั้นจะเป็นตัวเบรกเอง ก่อนจะเกิดกรณีทำอะไรที่รุนแรงเกินกว่าเหตุลงไปนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จะเรียกตำรวจจัดการเลยดีไหม ถ้าพวกวัยรุ่นชอบมาจับกลุ่มส่งเสียงร้องเพลงเอะอะโวยวาย

คำถาม: จะเรียกตำรวจจัดการเลยดีไหม ถ้าพวกวัยรุ่นชอบมาจับกลุ่มส่งเสียงร้องเพลงเอะอะโวยวาย หรือเปิดเพลงเสียงดังหนวกหูบ่อยๆ ในเวลาค่ำคืน? คำตอบ: เรื่องอย่างนี้อย่าใจร้อนเรียกตำรวจ ไม่จนใจอย่าเพิ่งใช้วิธีนี้ ยังมีวิธีอื่นซึ่งแม้จะดูว่าใจเย็นเกินไป แต่ก็มีคนเคยใช้ได้ผลมาแล้ว คือค่อยๆ ทำให้เป็นที่รัก เป็นที่เกรงใจ อาจจะเสียเวลาหน่อยก็ค่อยๆ ทำไปเถอะ เราจะชนะแบบเย็นๆ ยิ่งวัยรุ่นด้วยแล้ว อย่าเพิ่งไปทำรุนแรง ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก วัยรุ่นมีนิสัยอยากดังเท่านั้นเอง         หลวงพ่อเคยรู้จักหมออยู่คนหนึ่ง เป็นหมอจีนอายุมากแล้ว ที่บ้านแกก็มีแต่ลูกสาว 3-4 คน ความจริงหมอไม่มีพิษสงอะไร แต่ว่าคนทั้งซอย เขาเรียกแกว่า “เตี่ย” ใกล้ๆ บ้านคุณหมอตอนกลางคืน เด็กวัยรุ่นชอบไปชุมนุมเล่นกีตาร์ เล่นอะไรกันส่งเสียงดัง         ถามว่าหนวกหูไหม คุณหมอตอบว่าหนวกหู แต่ก็ทนๆ กันไปไม่ไปว่าอะไรเขาหรอก ถือว่าเป็นคนซอยเดียวกัน แล้วถ้าคนไหนเจ็บไข้ได้ป่วยมาหา ดูท่าว่าไม่มีเงิน ก็รักษาให้ฟรีๆ ไป พวกนี้เลยเรียกคุณหมอว่า “เตี่ย” ทั้งซอย แล้วก็ช่วยกันคุ้มครองบ้านให้เป็นอย่างดี เวลาใครไปยุ่งกับบ้านคุณหมอ หรือไปยุ่งกับลูกสาว เจ้าเด็กพวกนี้จะจัดการให้หมด         สิ่งละอันพันละน้อยเหล่านี้ หลวงพ่อพูดมา เพียงต้องการเตือนสติว่า จะทำอะไรก็ตามขอให้เริ่มต้นแก้ไขที่ตัวเราเองเสียก่อน อย่างเพิ่งไปดูว่าเขาเลวอย่างนั้น …

จะเรียกตำรวจจัดการเลยดีไหม ถ้าพวกวัยรุ่นชอบมาจับกลุ่มส่งเสียงร้องเพลงเอะอะโวยวาย Read More »

ทำอย่างไรลูกจ้างกับนายจ้างจึงจะพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

คำถาม: ลูกจ้างกับนายจ้าง ปกติจะมีเรื่องกระทบกระทั่งและขัดแข้งกันอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็รุนแรงจนถึงขั้นเดินขบวน ทำอย่างไรลูกจ้างกับนายจ้าง จึงจะอยู่อย่างพอใจกันด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ? คำตอบ: เรื่องลูกจ้างกับนายจ้างนี่นะ ที่จะให้อยู่กันอย่างราบรื่นโดยไม่กระทบกันเลยน่ะ ขอบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่เฉพาะลูกจ้างกับนายจ้างหรอก แม้สามีกับภรรยาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่หนุ่มสาว ตอนนี้อายุห้าหกสิบ แก่จะย่ำแย่แล้ว ยังไม่วายกระทบกันเลย ลิ้นกับฟันอยู่ในปากเราเองแท้ๆ ก็ยังไม่วายกระทบกัน         จำไว้เถอะ ถ้าของตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป มาอยู่ในที่เดียวกันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา เพียงแต่ว่าทำอย่างไรการกระทบกระทั่งนั้นจึงจะไม่รุนแรง ที่ว่าธรรมดาต้องกระทบกระทั่งกัน ก็เพราะว่ายังมีกิเลสด้วยกันทั้งคู่นั่นเอง ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า ทำอย่างไรเมื่อมีการกระทบกระทั่งกันแล้ว ทั้งนายจ้างและลูกจ้างจะไม่ก่อเหตุการณ์รุนแรงกัน วิธีง่ายๆ คือ เมื่อเกิดเรื่องกระทบกระทั่งกันแล้ว ขอให้ทั้ง 2 ฝ่าย กำหนดในใจไว้ 3 อย่างต่อไปนี้         1. นึกว่าเรื่องกระทบกระทั่งกันนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องช่วยกันแก้ไข         2. อย่าคิดว่าใครผิดฝ่ายเดียว อย่าไปหาเลยว่าใครเป็นผู้ผิดเหมือนจะไปหาว่า ลิ้นผิดหรือฟันผิดที่ไปกระทบกระทั่งกัน จำไว้ว่า “อย่าไปค้นหาว่าใครผิด”         3. ให้พิจารณาว่าเรามีส่วนก่อให้เกิดความผิดพลาดครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน         พูดง่ายๆ อย่าไปหาตัวว่าใครผิด แต่ให้ไปหาว่าความผิดคืออะไร เรามาช่วยกันหาความผิด แล้วช่วยกันแก้ไข …

ทำอย่างไรลูกจ้างกับนายจ้างจึงจะพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย Read More »

เป็นทหารเพราะผลกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติใช่หรือไม่

คำถาม: ผู้ที่เข้ารับการคัดเลือกทหารแล้วปรากฏว่าถูกทหาร แสดงว่าเป็นเพราะผลกรรมที่กระทำไว้ในอดีตชาติใช่หรือไม่? คำตอบ: ใครเป็นคนบอกคุณ หลวงพ่อว่าคุณมองมุมผิดแล้วนะ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นทหารนับว่าเป็นคนโชคดี ที่จะได้รับการฝึกวินัย หลวงพ่อจะเล่าให้ฟัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงบันทึกความเห็นส่งไปให้ด๊อกเตอร์ฟรานซิสปีส์แยสส์หรือพระยากัลยาณไมตรี ซึ่งเป็นทูตอเมริกันประจำประเทศไทยในยุคนั้นทรงปรารภไว้ในบันทึกว่า ในสมัยรัชกาลของพระองค์นั้น คนไทยทั้งประเทศ ซึ่งขณะนั้นมีประมาณ 6 หรือ 8 ล้าน แต่ทั้งประเทศมีชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย อ่านเผินๆ แล้ว นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจว่า เอ๊ะ…เป็นไปได้อย่างไร?         พระองค์ทรงอธิบายว่า สมัยนั้นคนที่อยู่ตั้งแต่จังหวัดพิษณุโลกขึ้นไปจนกระทั่งถึงเชียงใหม่ เขามีความรู้สึกว่าเขาเป็นชาวล้านนา เป็นชาวเหนือ เป็นคนเมือง ไม่ใช่คนไทย ส่วนคนที่อยู่ตั้งแต่จังหวัดนครราชสีมา ไปจนกระทั่งจรดฝั่งโขง เขาก็มีความรู้สึกว่าเขาเป็นคนลาว ไม่ใช่คนไทย และตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป เขาก็บอกว่าเขาเป็นคนปักษ์ใต้ ไม่ใช่คนไทย ตกลงคนที่มีความรู้สึกว่าเป็นคนไทยจะอยู่แถวๆ กรุงเทพฯ กับรอบๆ กรุงเทพฯ อีกไม่กี่จังหวัด ยิ่งกว่านั้นจังหวัดที่อยู่รอบๆ กรุงเทพฯ นี่ก็เป็นชาวจีนต่างด้าวเสียอีกตั้งมาก ตกลงเป็นอันว่าคนที่มีความรู้สึกว่า ตนเป็นคนไทยมีน้อยกว่าคนที่รู้สึกว่าตนเป็นคนต่างชาติ จากบันทึกนี้แสดงว่า พระองค์ท่านทรงปริวิตกถึงความรู้สำนึกในความเป็นคนไทยของคนไทยมาก         ต่อมาไม่นานก็ทรงดำริว่า ถ้าหากขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปในขณะที่ลัทธิล่าเมืองขึ้นกำลังระบาด ความพินาศจะเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย จึงทรงดำเนินนโยบาย …

เป็นทหารเพราะผลกรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติใช่หรือไม่ Read More »

บวชเป็นพระวัดพระธรรมกายทำไมจึงบวชให้แต่เฉพาะผู้มีปริญญา

คำถาม: เพื่อนเขาว่า ถ้าวัดนี้ดีจริงทำไมจึงบวชให้แก่เฉพาะผู้มีปริญญา ผมพยายามใช้ภูมิปัญญาเอาเหตุผลไปพูดกับเขา แต่ในที่สุดผมหมดปัญญาจริงๆ เลยได้แต่นั่งฟังเขาพูดไปก็พยายามข่มความโกรธเอาไว้ ผลสุดท้ายเขาก็ลงเอยด้วยการจะไม่พูดกับผม หลวงพ่อครับผมจะทำอย่างไรดี ผมทำผิดหรือเปล่า คือผมบอกเขาว่า “นายนี่สอนยากจังเลย” เขาก็เลยไม่พูดกับผม อีกคนหนึ่งบอกว่าให้ผมระวังจะโดนล้างสมอง ผมก็นึกในใจว่า เอ้า…ถ้าจะโดนล้างก็ขอให้ล้างความชั่วออกจากตัวเรา ออกจากสมองเราให้หมด ก็พอใจแล้ว คำตอบ: ไม่ว่าวัดไหนๆ ก็ถูกคนว่าเสียดสีทั้งนั้น แม้แต่ในสมัยพุทธกาลถามว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีจริงไหม? ดีจริง แล้วทรงสอนทุกคนไหม? ไม่ใช่สอนทุกคนนะ บางคนที่พระองค์สอนไม่ได้ ก็ทรงปล่อยวางเอาไว้ก่อน แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาจะสอนใครก็ทรงคัดคนเหมือนกัน ขอเล่าเรื่องที่ทรงคัดเลือกคนให้พวกเราฟังเอาไว้สักเรื่อง คนในโลกนี้ ถ้าจะแบ่งตามความสามารถในการเรียนรู้แล้ว ท่านว่ามี 3 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ         พวกที่ 1 ดอกบัวพ้นน้ำ คือไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบังเกิดหรือไม่ก็ตาม เขาสามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว เขาจะไม่ทำชั่วอีก เพราะธาตุของเขา ขันธ์ 5 ของเขา ได้บริสุทธิ์ถึง 60-70% ขึ้นมาแล้ว ถึงแม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่บังเกิดขึ้น เขาก็สามารถเอาตัวรอดได้ในวันหนึ่งข้างหน้า การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เกิดประโยชน์แก่เขามากนัก เพราะเขาเอาตัวรอดเองได้แล้ว ท่านอุปมาคนประเภทนี้ว่าเป็นดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว พร้อมจะแย้มกลีบบานในไม่ช้า         พวกที่ …

บวชเป็นพระวัดพระธรรมกายทำไมจึงบวชให้แต่เฉพาะผู้มีปริญญา Read More »