อานิสงส์ถวายดอกอ้อ

อานิสงส์ถวายดอกอ้อ (นางกินนรีถวายดอกอ้อแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ชาติสุดท้ายเป็นพระอรหันต์ ปุณณาเถรี)

     พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย พระองค์ได้สร้างบารมีมายาวนาน กว่าที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงมีจิตใจเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่จะทำความดีอย่างยิ่งยวด ไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ท่านสร้างบารมีจนกระทั่งบารมีเต็มเปี่ยมครบถ้วนบริบูรณ์ พวกเราทั้งหลายควรจะดูแบบอย่างของพระบรมครูของพวกเรา แล้วตั้งใจดำเนินตามรอยบาทพระศาสดาให้เต็มที่ โดยเฉพาะการนำใจของเรา ให้เข้าสู่เส้นทางสายกลาง อันเป็นเส้นทางเอกสายเดียวของพระอริยเจ้า ด้วยการหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ซึ่งเป็นฐานสำเร็จของชีวิต ที่จะนำพาชีวิตของเราให้เข้าถึงพระนิพพานได้อย่างแท้จริง

* มีวาระแห่งภาษิตที่ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย เถรีคาถา ความว่า
     “ดูก่อนนางปุณณา เธอจงเต็มไปด้วยธรรมทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์เพ็ญวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เธอจงทำลายกองแห่งความมืด ด้วยปัญญาอันบริบูรณ์เถิด”

     การเกิดมาในสังสารวัฏเป็นชีวิตที่ต้องอาศัยปัญญา เพราะหนทางแห่งชีวิตนั้นมีแต่อันตรายต่างๆ นานัปการ โดยเฉพาะอันตรายจากอบายภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถ่วงให้เราเสียเวลาอย่างมาก ในการที่จะเข้าถึงพระนิพพาน เพราะเมื่อสรรพสัตว์ทั้งหลายพลัดตกลงไปสู่อบาย ชีวิตต้องตกอยู่ท่ามกลางความมืดที่ทุกข์ทรมาน ต้องก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรมต่อไปจนกว่าผลแห่งบาปอกุศลนั้นจะหมดสิ้น

     การทำตนให้เต็มเปี่ยมด้วยกุศลธรรมซึ่งเป็นธรรมที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ในการที่จะประคับประคองตนเองให้เข้าถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน เหมือนพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเตือน นางสิกขมานาท่านหนึ่ง ที่มีนามว่า ปุณณา ผู้ที่เตรียมตัวสละเพศฆราวาสออกบวช มาถือศีล ฝึกตัว ปฏิบัติธรรม ทำกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์พร้อมอยู่เสมอ ในฝ่ายของภิกษุณีนั้น เรียกว่า สิกขมานา

     พระผู้มีพระภาคตรัสเตือนสิกขมานาท่านนี้ เพราะมีพุทธประสงค์ให้ตั้งใจปฏิบัติธรรม บำเพ็ญเพียรเพื่อให้หลุดพ้นจากทุกข์โดยเร็วพลัน แต่กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้ ชีวิตทุกคนมีเบื้องหลังที่สนับสนุนให้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต ชีวิตของนางปุณณาก็มีเบื้องหลังที่น่าศึกษา และจะเป็นกำลังใจในการสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

     ย้อนไปในอดีตชาติ หลายภพหลายชาติที่ผ่านมา นางสิกขมานาปุณณา ก็เคยได้สั่งสมบุญบารมีไว้ในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาหลายครั้งหลายครา บุญนั้นยังไม่ทันเต็มเปี่ยมพอที่จะทำให้บรรลุธรรมในภพชาตินั้นๆ ได้  แต่สิ่งที่ติดตัวมาในภพชาติต่อๆ มาก็คือ ได้มีโอกาสสั่งสมบุญอย่างต่อเนื่อง มีอุปนิสัยที่น้อมไปในพระนิพพาน จนกระทั่งมาถึงยุคหนึ่ง  นางได้เกิดเป็นกินนรี อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ในแต่ละวันก็จะเที่ยวไปอยู่ที่ริมฝั่งน้ำนั้น พักผ่อน เล่นน้ำดำหัวไปตามประสากินนรีที่รักความสะอาด มีอยู่วันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งจาริกไปถึงริมฝั่งแม่น้ำนั้น และก็ได้ประทับนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์อยู่ที่ริมฝั่ง

     เหล่ากินนรีทั้งหลายพากันไปที่แม่น้ำตามปกติ  ส่วนกินนรีตัวนี้มองเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า  ก็ฉุกคิดว่า ผ้ากาสาวพัสตร์ที่ห่อหุ้มร่างกายของสมณะนี้ ผู้มีบุญมากเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง สถานที่แห่งนี้ก็เป็นที่เร้นลับจากสายตาของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป  หากนักบวชท่านนี้เป็นคนธรรมดา ก็คงไม่มีโอกาสมาถึงที่แห่งนี้แน่นอน จะดูผิวพรรณท่านก็ช่างผุดผ่องเหลือเกิน  สมณะรูปนี้ ต้องเป็นพระอรหันต์อย่างแน่นอน

     เมื่อนางคิดอย่างนี้ ในใจก็เกิดความปีติเลื่อมใส ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ได้เคยสั่งสมไว้กับหมู่สงฆ์ในอดีต ทำให้คุ้นเคยกับผ้ากาสาวพัสตร์ ฉับพลันทันใดกินนรีก็คิดว่า ไทยธรรมที่ควรถวายในมือของเราก็ไม่มี  หากเราจะไม่สั่งสมบุญอะไรเลย ก็จะทำให้เราคลาดจากบุญนี้ไป เราจะทำอย่างไรดีหนอ  เมื่อคิดอย่างนี้กินนรีผู้มีบุญก็มองไปรอบๆ อาณาบริเวณ ขณะที่ในใจของนางนั้นเต็มเปี่ยมด้วยความปีติอันไม่มีประมาณ ก็มองไปเห็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง ออกดอกงามสะพรั่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำก็ดำริว่า

     แม้ในมือของเราไม่มีไทยธรรม เราก็จะเอาดอกอ้อนี่แหละบูชาสมณะรูปนี้ แล้วนางกินนรีก็มุ่งตรงไปที่กอไม้อ้อ นำดอกอ้อเหล่านั้นไปกราบบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความเลื่อมใส  เมื่อบูชาเสร็จแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ให้ศีลให้พร  กินนรีก็ยิ่งเกิดมหาปีติ พอพระท่านให้พรเสร็จและหลีกไป กินนรีก็ยืนประคองอัญชลีด้วยใจที่เบิกบาน  เหตุการณ์ในวันนั้น ได้ฝังอยู่ในใจของกินนรีไปจนตลอดชีวิต  ด้วยบุญกรรมนั้น ส่งผลให้นางท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภูมิ ชีวิตไม่ได้พลัดตกไปในอบายเลย

     จนกระทั่งมาถึงสมัยพุทธกาล  นางได้มาบังเกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาลกรุงสาวัตถี เมื่อคลอดออกจากครรภ์มารดา ด้วยความที่เป็นผู้มีบุญ จึงเป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ญาติๆ ได้พากันขนานนามว่า ปุณณา แม้นางจะเป็นเด็กก็เป็นเด็กที่สอนตนเองได้ ว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ พอเติบโตเป็นวัยรุ่น ก็ไม่เคยทำความเดือดเนื้อร้อนใจให้มารดาบิดา

     จนกระทั่งมีอายุได้ ๒๐ ปี วันหนึ่งได้ฟังธรรมในสำนักของพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ทำให้เกิดความสลดสังเวชในชีวิตการอยู่ครองเรือน ไม่ปรารถนาที่จะเวียนว่ายตายเกิดอีก จึงตัดสินใจลามารดาบิดาออกบวชเป็นบรรพชิต ในตอนแรก ท่านทั้งสองก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วย  แต่เมื่อได้รับคำชี้แจงว่า ไม่ต้องการที่จะเวียนวนอยู่ในกองทุกข์อีกต่อไป  ชีวิตนักบวชเป็นชีวิตที่ประเสริฐ สามารถบำเพ็ญเพียรเพื่อความหลุดพ้นได้ เมื่อฟังเหตุผลอย่างนี้ ท่านทั้งสองก็อนุญาต เธอจึงได้ไปขอบรรพชาเป็นสิกขมานาในสำนักพระมหาปชาบดีโคตมีเถรี

     เมื่อบรรพชาเป็นสิกขมานาแล้ว ก็ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมไม่ขาดเลยแม้แต่วันเดียว จนกระทั่งจิตเริ่มละเอียดไปตามลำดับ และได้เข้าไปในข่ายพระญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระบรมศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎี ทรงเปล่งพระรัศมีประหนึ่งว่าปรากฏอยู่ต่อหน้าของเธอแล้วทรงตรัสว่า “ดูก่อนปุณณา เธอจงเต็มไปด้วยธรรมทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เธอจงทำลายกองแห่งความมืด ด้วยปัญญาอันบริบูรณ์เถิด”

     ใจที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว พอได้ฟังคำแนะนำที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะ จิตก็ยิ่งนิ่ง ดิ่งเข้ากลางของกลางไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ด้วยความโสมนัส ท่านได้ย้อนอดีตกลับไปดูผลแห่งบุญกรรมของตน ก็เกิดความปีติโสมนัสยิ่งขึ้น จึงเปล่งอุทานออกมาว่า

     “ผลแห่งบุญนี้ น่าอัศจรรย์จริงหนอ ในกาลนั้น เราเป็นกินรีที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี เรามีจิตเลื่อมใสมีใจยินดีปลื้มใจ ได้กระทำอัญชลี และถือเอาดอกอ้อบูชาพระสยัมภู  ด้วยบุญกรรมที่ทำดีนั้น และด้วยความตั้งใจมั่นในกุศลธรรม พอละจากอัตภาพนั้น ได้ไปสู่หมู่เทวดาชั้นไตรทศ ได้เป็นมเหสีของท้าวสักกเทวราช ๓๖ พระองค์ ได้เป็นมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๐ พระองค์ และกุศลผลบุญนั้นได้หนุนนำให้มาบวชเป็นบรรพชิต เราได้เผากิเลสแล้ว  ภพทั้งหลายเราถอนได้แล้ว จากนี้ไป ๙๔ กัป เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ผลบุญนี้น่าอัศจรรย์เหลือเกิน ผู้มีปัญญาจึงควรสั่งสมบุญ อย่าได้ประมาทเลย”

     จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ผลแห่งบุญยิ่งใหญ่ไพศาลยิ่งนัก แม้เพียงถวายดอกอ้อด้วยจิตอันเลื่อมใส บุญที่เกิดขึ้นก็ยังตามปกปักรักษาให้ชีวิตปลอดภัยในสังสารวัฏถึง ๙๔ กัป  ได้พบแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล และท้ายที่สุดก็ได้เข้าถึงพระนิพพาน เพราะฉะนั้นบุญนี้แหละคือเพื่อนแท้ในการเดินทางไกลในสังสารวัฏ  ไม่มีสิ่งอื่นใดที่มั่นคง และซื่อตรงเหมือนบุญที่เราได้ทำไว้  ให้ตระหนักกันอย่างนี้  หมั่นเตือนตนเองบ่อยๆ เราจะได้ไม่ประมาทในการสร้างบุญ  หากเราขวนขวายในบุญกุศลกันอย่างเต็มที่ตลอดเวลา ชีวิตของเราก็จะสมปรารถนาได้เข้าถึงพระนิพพานโดยเร็ววัน

* มก. เล่ม ๕๔ หน้า ๑๕

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/12027
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *