อานิสงส์ถวายน้ำผึ้ง

อานิสงส์ถวายน้ำผึ้ง (พระสิวลี เอตทัคคะทางเลิศด้วยลาภ)

     การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะจะต้องมีบุญที่ได้สั่งสมมาดีแล้ว  เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะดำรงตนอยู่ได้อย่างมีความสุขกันทุกคน  เพราะการได้อัตภาพเป็นมนุษย์ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากแสนยากแล้ว  แต่การดำรงชีวิตให้ทรงคุณค่า ก็ยากหนักยิ่งขึ้นไปอีก  เพราะเกิดมาจะต้องทำมาหากิน ทำมาหาเก็บ ทำมาหาใช้ แต่จะมีสักกี่คน ที่ทำงานควบคู่กับการสร้างบารมี ทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา ทำสองอย่างควบคู่กันไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตราบใดที่เรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ เราต้องไม่ประมาทในการสั่งสมบุญ แสวงหาทรัพย์ด้วย ขวนขวายเอาบุญควบคู่กันไปด้วย  เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้ ก็ควรเลือกเอาแต่กุศลความดีล้วนๆ เก็บเกี่ยวเอาบุญให้ได้มากที่สุด  แล้วชีวิตของเราจะทรงคุณค่าและมีความหมาย

สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสไว้ใน นิธิกัณฑสูตร ว่า
“เอส เทวมนุสฺสานํ    สพฺพกามทโท  นิธิ
ยํ ยํ เทวาภิปฏฺเฐนฺติ    สพฺพเมเตน  ลพฺภติ
     ขุมทรัพย์ คือบุญนี้ ให้สมบัติน่าใคร่ทุกอย่างแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้ เหล่าเทวาและมนุษย์ทั้งหลาย ปรารถนาผลใดๆ ผลนั้นๆ ทั้งหมด สำเร็จได้ด้วยบุญนิธินั่น”

     ขุมทรัพย์ต่างๆ ที่มีอยู่ในโลก ที่เป็นของหยาบๆ แม้จะมีมากมายเพียงไรก็ตาม ก็ตามเราไปสู่ปรโลกไม่ได้ เราเกิดมาเพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์  สมบัติภายนอกเป็นเพียงเครื่องอำนวยประโยชน์ในบางครั้งบางคราว มีไว้เพื่อช่วยให้เราสร้างบารมีได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น  ไม่ใช่มีไว้เพื่อหวงแหน ทำให้จิตใจวิตกกังวล  ไม่ใช่มีไว้ตระหนี่ แต่มีไว้เพื่อเพิ่มบุญบารมี ไล่ความตระหนี่ออกจากใจ แล้วเปลี่ยนทรัพย์หยาบๆ นั้นให้เป็นขุมทรัพย์คือบุญ  เพราะบุญนี่แหละ เป็นเหมือนเงาที่ติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ

     เราปรารถนาสิ่งใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าต้องการจะเป็นผู้ที่มีรูปงาม มีรูปร่างที่ดึงดูดตาดึงดูดใจ มีเสียงไพเราะชวนฟัง มีผิวพรรณวรรณะเปล่งปลั่งผ่องใส ได้ทั้งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข บุญที่เราทำเอาไว้ดีแล้วนี้ จะส่งผลให้เป็นผู้สมบูรณ์ บริบูรณ์ด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านี้  กระทั่งสมบัติที่เป็นของมนุษย์ทุกอย่าง สวรรค์สมบัติในเทวโลก หรือนิพพานสมบัติ  คือทั้งวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔  ก็บังเกิดขึ้นมาเพราะอาศัยบุญ  ที่เราทำไว้ดีแล้วเท่านั้น

     นักสร้างบารมีทั้งหลาย มองสมบัติภายนอกเหมือนเป็นอุปกรณ์ช่วยทำให้ได้สร้างความดี เพื่อกลายเป็นสมบัติอันเป็นโลกุตตระเท่านั้น ฉะนั้นเวลาพวกเราทำบุญอะไรเอาไว้ ก็ให้รู้จักตั้งความปราถนาให้ดี ทำบุญได้ก็ใช้บุญให้เป็น ด้วยการปรารถนาในสิ่งที่ชอบ ประกอบด้วยกุศล ปรารถนาสมบัติคือนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายของมนุษย์ทุกคน

     เหมือนการสร้างบารมีของพระอริยสาวกในอดีต เมื่อท่านเกิดแรงบันดาลใจที่ได้เห็นแบบอย่างของนักสร้างบารมีในยุคนั้น ก็เจริญรอยตามทันที เพราะรู้ว่า สิ่งนั้นจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนเอง และไม่ใช่แค่ชาติเดียวเท่านั้น แต่จะตามไปคอยอุปภัมภ์ค้ำชูในทุกภพทุกชาติ คนมีปัญญานี่  แค่ดูก็เป็นครูได้ ไม่ต้องมาเสียเวลาพรํ่าสอน

     * ตอนนั้นนักสร้างบารมีท่านนี้ เกิดในยุคของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับฟังกิตติศัพท์ที่ดีงามของพระองค์ท่านว่า แสดงธรรมไพเราะทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและเบื้องปลาย แสดงธรรมได้แจ่มแจ้ง เหมือนหงายของที่ควํ่า เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง จึงไปฟังธรรมที่มหาวิหาร  ในสมัยนั้น เนื่องจากมีคนไปวัดกันมากมาย หาที่นั่งไม่ได้ ต้องยืนฟังธรรมที่ท้ายบริษัท  ฟังด้วยจิตใจที่ปีติเบิกบาน บอกกับตัวเองว่า  เราโชคดีจริงๆ ที่ได้มาฟังธรรมในวันนี้  

     ในขณะนั้นเอง พระบรมศาสดาทรงแต่งตั้งภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ผู้เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายทางด้านมีลาภ  ชายหนุ่มท่านนี้คิดอยากได้ตำแหน่งนั้นบ้าง  จึงเข้าไปนิมนต์พระศาสดาเพื่อมารับทานอยู่ ๗ วัน แล้วก็ขอพรว่า “การทำบุญใหญ่ครั้งนี้ ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสมบัติอย่างอื่นเลย  แต่ว่าอยากเป็นผู้เลิศด้วยลาภ”  พระศาสดาตรวจดูด้วยอนาคตังสญาณ เมื่อเห็นว่าจะสำเร็จ จึงพยากรณ์ว่า “ความปรารถนาของเธอจะสำเร็จในยุคของพระสมณโคดม” ชายหนุ่มเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็ปีติใจมาก หลังจากวันนั้นก็สั่งสมบุญตลอดชีวิต เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในเทวดาและมนุษย์เรื่อยมา

     จนกระทั่ง มาเกิดในสมัยของพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ลงมาเกิดในหมู่บ้านเล็กๆ ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก  สมัยนั้น ชาวเมืองกำลังช่วยกันถวายทานกับพระตถาคต ขณะจัดแจงทานอยู่นั้น ก็พบว่ายังไม่มีนํ้าผึ้งและนมส้ม จึงส่งตัวแทนไปแสวงหานํ้าผึ้งและนมส้ม  ฝ่ายชายหนุ่มท่านนี้ถือเอากระบอกเนยแข็งมาจากบ้าน ถือเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงพระนครก็หยุดพักผ่อนตามสบาย พอดีเงยหน้าขึ้นไปบนต้นไม้ เห็นรวงผึ้งที่ไม่มีตัว ขนาดเท่างอนไถ จึงถือเดินเข้าไปในพระนคร ด้วยตั้งใจว่าจะเอาไปขายในพระนคร

     ในขณะนั้น ตัวแทนชาวเมืองเห็นหนุ่มบ้านนอกเดินถือนํ้าผึ้งเข้ามา จึงเข้าไปขอซื้อด้วยราคาแพง  ชายหนุ่มนั้นเกิดความสงสัยว่า นํ้าผึ้งราคาก็ไม่มาก แต่ทำไมคนเหล่านี้ต้องยอมเสียเงินจำนวนมาก  จึงถามว่า “พวกท่านจะเอาไปทำอะไร”  เมื่อทราบเรื่องข่าวบุญทั้งหมด ก็บังเกิดปิติโสมนัส อยากจะทำบุญใหญ่ในครั้งนี้บ้าง จึงบอกกับชาวเมืองว่า  ไม่อยากขายนํ้าผึ้ง แต่ต้องการร่วมบุญด้วยการได้ไปถวายกับมือของตัวเอง

     ชาวเมืองดีใจมากที่มาพบผู้มีหัวใจของนักสร้างบารมี เห็นบุญมีค่ามากกว่าเงินและผลประโยชน์ส่วนตัวอีก  จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นประธานใหญ่ในการถวายทาน  ชายหนุ่มเอาเงินที่ตัวเองเก็บสะสมมายาวนานมีไม่กี่มาสก เงินมีน้อยแต่มีใจใหญ่สมกับเป็นนักสร้างบารมี ใช้เงินที่เกิดขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงกาย ไปซื้อของมา ๕ อย่าง บดจนละเอียด กรองคั้นเอาน้ำส้มจากนมส้ม แล้วคั้นรวงผึ้งลงไปปรุงกับเครื่องปรุง ใส่ไว้บนใบบัวใบหนึ่ง  

     เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง ก็น้อมถวายด้วยความเคารพเลื่อมใส แล้วกราบทูลความตั้งใจของตัวเองว่า “ข้าพระองค์ได้ถวายทานด้วยความเลื่อมใสอันไม่มีประมาณ  ในพระรัตนตรัยครั้งนี้  ด้วยอานิสงส์นี้ ขอให้ข้าพระองค์ พึงเป็นผู้ที่ถึงความเป็นผู้ที่เลิศด้วยลาภ ไปทุกภพทุกชาติด้วยเถิด”  พระบรมศาสดาก็ตรัสอนุโมทนา  ตั้งแต่บัดนั้นมา กุลบุตรนี้เกิดกี่ภพกี่ชาติ ก็ไม่รู้จักความอดอยากยากแค้นเลย  จนมาถึงสมัยพุทธกาล ได้มาเกิดในท้องของพระมเหสีพระนามว่า สุปวาสา  ด้วยอานุภาพบุญที่ทำไว้ดีแล้ว เพียงแค่ปฏิสนธิ เสด็จแม่ก็ได้รับเครื่องบรรณาการ แสดงความยินดีวันละ ๕๐๐ ทั้งเช้าทั้งเย็น

     จนกระทั่งออกบวชได้นามว่าพระสิวลี บุญในตัวเต็มเปี่ยมปลงผมบนศีรษะหมด  ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไม่ว่าท่านจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็จะได้รับการต้อนรับทั้งจากเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พระพุทธองค์ทรงยกย่องท่าน บางครั้ง ก็พาท่านไปในที่ทุรกันดาร ถึงหนทางจะลำบากทุรกันดารเพียงไร เทวดาก็จะเนรมิตสถานที่พักให้สะดวกสบาย พระบรมศาสดาจึงทรงแต่งตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะทางเลิศด้วยลาภ  

     บุญที่เราทำด้วยความเลื่อมใสอันไม่มีประมาณ เมื่อมาประมวลรวมกันเข้ากับความปรารถนาอันแรงกล้านี่ จะก่อเกิดเป็นดวงบุญที่สุกใสสว่าง ติดอยู่ในกลางกายฐานที่ ๗ ของตัวเราเองนี่แหละ  เมื่อมีอานุภาพแห่งบุญหล่อเลี้ยงมากเข้า จะทำให้ได้รับผลแห่งบุญเป็นอัศจรรย์กันเลยทีเดียว  เพราะฉะนั้น เวลาทำบุญอะไร ก็ควรมีจิตประกอบด้วยความเลื่อมใส มีใจศรัทธา เห็นคุณค่าของทานที่ได้ทำไป แล้วก็อธิษฐานจิตให้มั่นกันเลย อธิษฐานให้เป็นผู้ถึงพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ มรรคผลนิพพานกันอย่างงั้น  อะไรก็ตามที่เราหมั่นทำ หมั่นตอกยํ้าบ่อยๆ สักวันหนึ่งก็จะสมหวังดังใจปรารถนา

     บุญที่เราได้ทำกันเอาไว้ ไม่ได้หายไปไหนเลย แม้มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ  แต่สัมผัสได้ด้วยใจ เมื่อเราเข้าถึงพระธรรมกาย ได้ศึกษาวิชชาธรรมกายแล้ว จะเห็นว่ากระแสธารแห่งบุญจากอายตนนิพพาน ที่ไหลผ่านกายของเราแต่ละกายนั้น ตั้งแต่กายธรรมอรหัต ไหลผ่านกายธรรมต่างๆ ลงมาจนถึงกายอรูปพรหม กายรูปพรหม กายทิพย์ กายมนุษย์ละเอียด แล้วมาจรดที่ศูนย์กลางกายของกายมนุษย์ เป็นดวงบุญที่สุกใสสว่างติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ คอยหล่อเลี้ยงรักษาให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการงานและสิ่งที่พึ่งปรารถนา

     ยิ่งถ้าเราเอาใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ได้มาก  กระแสธารแห่งบุญก็จะหล่อเลี้ยงเพิ่มพูนความสุขให้กับเรามากยิ่งขึ้น  แม้ละโลกไปแล้ว บุญยังติดศูนย์กลางกายของกายทิพย์ ทำให้เราถึงพร้อมด้วยสวรรค์สมบัติทุกอย่าง  เพราะฉะนั้น เมื่อจะทำทานหรือสั่งสมบุญอะไรก็ตาม ก็ควรทำจิตให้เลื่อมใส ทำใจให้หยุดนิ่ง ทำตอนที่ใจใสสะอาดบริสุทธิ์  เมื่อปรารถนาสิ่งใด ก็จะสำเร็จอย่างง่ายดายเป็นอัศจรรย์  ฉะนั้น ให้หมั่นฝึกใจให้ใสบริสุทธิ์หยุดนิ่ง จนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน

* มก. เล่ม ๗๒ หน้า ๓๓๒

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11936
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *