๗-๑ เหมือนขว้างความสุข…ไปข้างหน้า

หลวงพ่อนั่งคุยกับเศรษฐี
อย่านึกว่าเศรษฐีเขามีความสุขนะ
เศรษฐีคุ้นกับการลงทุน เหมือนนักมวยต้องต่อยมวย นักลงทุนต้องลงทุน
ได้โครงการนี้มาอิ่มใจได้หน่อยเดียว ทนไม่ไหวต้องเอาไปลงทุนใหม่อีกแล้ว
เขาจะกลัวอยู่อย่างคือ กลัวเงินอยู่เฉยๆ
เม็ดเงินแต่ละเม็ด ถ้าลงไปแล้วต้องมีเม็ดเงินงอกต่อมา
เพราะฉะนั้นสิ่งอะไรที่มองไม่เห็นเป็นรูปธรรม เป็นเม็ดเงินขึ้นมา เขาไม่เอา
พอลงทุนไปแล้วไม่ใช่ว่าหมูนะ
เมื่อขยายงาน ก็ต้องขยายทีม พอขยายทีมก็ต้องขยายทุน
ขยายทุนก็ขยายที่ ขยายที่ก็ต้องขยายดอก ขยายดอกขยายปัญหา ขยายปัญหาขยายความเครียด ขยายความกดดันไปเรื่อยๆ
เป็นอย่างนี้จนหมดเวลาของชีวิต

หลวงพ่อคุยกับเศรษฐีทีไรเห็นเขากลุ้มใจทุกที
หลวงพ่อเคยถามมหาเศรษฐีว่า หาเงินเยอะๆ ไปทำไม
แปลกจัง เขาตอบไม่ค่อยได้ แต่ถ้าถามว่าหาเงินอย่างไร ตอบเก่งมาก คล่องมาก
แต่พูดไปก็บ่นไป กลุ้มไป ดูปนทุกข์อย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนขว้างความสุขไปข้างหน้า ในที่สุดก็หมดเวลากันไป ไม่ได้อะไร

เมื่อ ๑๐ ปีที่แล้ว มีเศรษฐีระดับหมื่นล้านบอกกับหลวงพ่อว่า ให้แก่ๆ ก่อน แล้วจะเข้าวัดปฏิบัติธรรม
ตอนนี้ตายไปแล้ว ไม่รู้ว่าแก่หรือยัง ยังไม่ทันได้นั่งสมาธิเลย
ชีวิตมันก็แค่นี้ แป๊บเดียวเท่านั้นเอง

หลวงพ่อก็เจออย่างนี้ มันสู้การศึกษาวิชชาธรรมกายไม่ได้
เพราะฉะนั้นอย่าให้มีความคิดว่า จะสึกดีหรือจะอยู่ดี
สึกไปอย่างมากก็ไปมีเมีย แล้วก็มีลูก แล้วก็ได้เลี้ยงลูก ได้กลุ้มกับลูก ได้ดูหลาน ก็เพลินกับหลาน แล้วก็กลุ้มกันไปอย่างนั้น
จนกระทั่งหมดเวลากันไป มันก็ได้แค่นี้เอง

หลวงปู่วัดปากน้ำท่านก็ยืนยันว่า ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะต่อสู้กับพญามารได้ นอกจากหยุดกับนิ่ง
เราจะไปขนรถถัง ปืนใหญ่ หรือนำขีปนาวุธมาสู้กันก็ไม่ได้ จะเอาเงินไปซื้อก็ไม่ได้
มีวิธีเดียวที่จะสู้กับเขาได้คือ หยุดกับนิ่ง
เพราะฉะนั้นเรามาถึงจุดสูงสุดของวิชชาแล้ว พยายามรักษาตรงนี้ไว้ให้ได้ยิ่งกว่าชีวิตนะลูกนะ

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
วันที่ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๙
ที่มา
หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย
อ่านในรูปแบบ EBook ที่นี่

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *