ฉลาดในการแสวงบุญ

เกิดมาสร้างบารมี เราก็จะต้องสร้างบารมี ซึ่งมาทั้งหมด 10 ทาง ข้อที่ 1 คือ ทานบารมี ทานบารมีต้องทำไว้ เพราะเป็นบ่อเกิดแห่งโภคทรัพย์สมบัติ ซึ่งจะเป็นฐานในการรองรับการสร้างบารมีข้ออื่นๆ เป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีของเราด้วย เราจะได้สร้างทานบารมีต่อไป เรื่องทานบารมีนี้ อย่าขาด นี่เป็นเรื่องที่สำคัญทีเดียว พระบรมโพธิสัตว์ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เริ่มต้นสร้างบารมีด้วยทานบารมี พระเดชพระคุณหลวงปู่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายท่านก็ สอนอบรมสั่งสอนอยู่เสมอว่า บารมีอะไรก็ทำไปเถิด แต่อย่าขาดทานบารมี นี่เป็นเรื่องสำคัญๆ

คือช่วงนี้ผลหมากรากไม้ ไม่ทราบเป็นอย่างไร เขาเอาไปเททิ้งกัน เพราะขายไม่ออก อย่าเอาไปเททิ้งกันนะจ๊ะ เอาไปถวายพระ ตามวัดต่างๆ บุญในตัวเราจะได้เกิดขึ้น ไปทิ้งก็สูญเปล่า เสียเปล่า เป็นแค่อาหารของจุลินทรีย์ แล้วก็เกลื่อนกลาดกันไปอย่างนั้น เลอะเทอะ เอาไปถวายพระสิจ๊ะ จะเป็นลองกอง ลำไย มังคุด อะไรต่างๆ เหล่านี้ เป็นต้น อย่าไปทิ้ง ไว้ถวายพระ มี 30,000 กว่าวัด ถ้าวัดไหนไม่สะดวก ก็มาถวายวัดพระธรรมกาย บุญในตัวเราจะได้เกิด ดวงทานบารมีเราไงละ

หรือแทนที่เราจะทิ้งเปล่า ขายถูกๆ ก็ได้นี่นา แล้วเราก็มีทรัพย์ส่วนหนึ่งที่พอมีบ้าง แล้วก็ลองนึกว่า ส่วนที่เราควรจะได้ในยามปกติ ก็นึกว่าทำทานไปสิ คิดอย่างนี้บุญในตัวจะได้เกิด สมมุติว่า ปกติเราขายกิโลกรัม 25 บาทบ้าง 30 บาทบ้าง เขาบอกขอซื้อ 5 บาท เราตัดใจเลยว่า ส่วนที่เหลืออีก 20 บาทเราทำทาน เป็นส่วนที่เราจำเป็นเพื่อเลี้ยงชีพเรา 5 บาท ขายก็ไปเถิด ถ้าทิ้งเปล่าเราก็ไม่ได้ 5 บาท แล้วก็ไม่มีโอกาสทำทุนอีก 20 บาท ก็แปลว่าเราก็ได้สงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วย เขาจะได้รับประทานอาหารถูกๆ เพราะเขาก็ไม่ค่อยมีเงินมาซื้อ แล้วเราก็จะได้มีของขาย มันก็จะเกิดการซื้อขาย ยังงี้บุญในตัวเราก็เกิด

เขาซื้อแล้วเอาไปถวายวัด แล้วเราก็ไปถวายวัดด้วย พุทธบุตรก็นานๆจะได้ปรีเปรมย์สักทีนึง จะได้นึกถึงผู้ที่นำมาถวาย เวลาสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญภาวนา ได้อธิษฐานจิต ขอให้ผู้ที่มาถวายนี้ จงเจริญๆๆ รวยเร็วรวยแรงรวยรวด อะไรอย่างนี้

แปลว่าเราจะได้เชื่อมบุญซึ่งกันและกัน และผลไม้ที่มาถวาย ก็จะเป็นกำลัง เป็นพลังงานให้ท่านไปแสวงหาความบริสุทธิ์ภายใน เป็นพลังงานเบื้องต้นเพื่อไปแสวงหาพลังงานบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นเราต้องฉลาดในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ รู้จักทำทาน และก็ได้ทรัพย์ส่วนหนึ่งมา อันนี้มันเป็นวิกฤตของสิ่งแวดล้อมนี่ เอาเถอะ มันพอมีบ้างก็เอา เหมือนเราเดินทางกลางทะเลทราย น้ำสักหยด 2 หยดก็พอประทังชีวิต

มีฝรั่งเขาเอาหินมาให้ครูไม่ใหญ่ก้อนหนึ่งนะ เขาบอกเขาเก็บได้ในกลางทะเลทราย เขาเขย่าๆ มันมีน้ำอยู่ข้างใน เขาบอกว่าไอ้น้ำตัวนี้แหละ ทำให้เขามีชีวิตข้ามทะเลทรายมาได้ เขาทุบก้อนหินออก แล้วเอาน้ำนั้นดื่ม น้ำมันเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร นั่นก็แปลก เขย่าก็ก๊อกแก๊กๆ นี่ไง คือขอให้เราได้ข้ามทะเลทรายไปก่อน เมื่อความทุรกันดารเกิดขึ้น ในช่วงใดของจังหวะชีวิต อะไรที่เราจำเป็นต้องยอม ก็ยอมกัน อย่าไปทิ้ง สูญเปล่า เสียเปล่า ให้ฉลาดในการแสวงบุญ

เรามีวิบากกรรมกับทุกคน อย่างคุณยายพูด มีแต่เรื่องบุญกับบาป ในชีวิตแต่ละชีวิตที่เกิดมา ช่วงใดที่บุญส่งผล คนป่วยก็จะหาย คนหน่ายก็จะรัก คนจนก็จะรวย แต่ถ้าหากว่า บาปหรือวิบากกรรมส่งผล มันจะตรงกันข้าม คนรวยจะจน คนแข็งแรงก็จะป่วย คนที่เคยรักเราก็จะหน่าย เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราจะต้องเจอ เพราะเราก็ทำให้เรามาเองนะ เรายังไม่ชนะพญามาร เขาก็เอาความโลภ ความโกรธ ความหลง ความไม่รู้จริงๆอะไรต่างๆ หลงผิด เข้าใจผิด ก็มาบังคับ บังคับแบบเราไม่เห็นตัวเลย และถ้าเราขาดสติ ปัญญา ที่จะยับยั้งสิ่งเหล่านี้ ก็จะเผลอ พลาดพลั้ง ให้กระทำด้วยความคิด คำพูด ทางกาย ทางวาจา และทางใจ จะมีวิบากเป็นผล

ฉะนั้น พึงสั่งสมบุญไว้เถิดประเสริฐนัก บุญเท่านั้นจึงจะล้างบาปได้ ไม่มีใครล้างให้เราได้ เพราะมันไม่เหมือนล้างถ้วยล้างชาม ยังวานหรือจะจ้างให้คนอื่นล้างได้ บาปอยู่ในตัว มันอยู่ในใจ ใครจะมาล้างได้ ต้องทำเอง ล้างด้วยตัวเอง มันไม่เหมือนกับภายนอก ใครก็อาบน้ำให้เราได้ แต่ถ้าภายในต้องอาบเองล้างเอง ด้วยบุญกุศลนี้แหละที่เราจะต้องทำ เพราะฉะนั้น ต้องพร้อมเสมอสำหรับการเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ ปัญหามีก็แก้กันไป บุญก็สร้างไว้ งานก็ทำ ธรรมะก็นั่งกันไปอย่างนี้ วันที่ 3 กันยายน 2550

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *