๖ คิดไกล มองไกล

ชีวิตชาวโลกไม่มีอะไร
ถ้าลูกเณรอยู่ในวัยนี้ อดทนอดกลั้นต่อความสนุกสนานในทางโลก เอาชนะการปวดกามได้ จะเป็นวัยที่สร้างบารมีได้ดีที่สุด เพราะเป็นวัยที่แข็งแรง
วัยนี้นั่งสมาธิไม่ค่อยปวดเมื่อย สร้างบารมีก็เต็มที่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทรงมอบราชสมบัติให้พระราหุล พระองค์ก็มอบเพศสามเณรให้เป็นเพศสุดท้าย เป็นภาพสุดท้ายของชีวิตมนุษย์ที่เวียนว่ายตายเกิด
เพราะฉะนั้นลูกเณรต้องพยายามรักษาสถานะนี้ให้ได้ ต้องเอาชนะมันให้ได้ ทั้งความกำหนัดยินดีในกาม ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ความสะดวกสบาย ความอยากเป็นนั่นเป็นนี่
เพราะความรู้สึกว่าเราขาดแคลนทรัพย์ ขาดแคลนลาภ ยศ สรรเสริญ คนยกย่องชื่นชม
ถ้าเมื่อไรเรารู้สึกขาดแคลน เมื่อนั้นเรายังยากจนอยู่
แต่เมื่อไรเรามีความรู้สึกว่า ไม่ต้องการอะไรเลย
ต้องการแค่ปัจจัย ๔ อันควรแก่สมณบริโภค
มีอาหารพอเลี้ยงสังขาร
มีจีวรไม่กี่ผืนไว้ปกปิดร่างกายป้องกันความละอาย ไว้ให้ความอบอุ่น ป้องกันลม แดด ฝน สัตว์ร้ายต่างๆ
มีที่อาศัยเล็กๆ จะได้ไม่ต้องดูแลมาก จะได้มีเวลาทำสมาธิภาวนาได้เต็มที่
มีหยูกยาพอจะรักษาสังขารซึ่งมีความเจ็บเป็นธรรมดา ให้ร่างกายพอทนที่จะสืบอายุต่อไปเพื่อการบำเพ็ญสมณธรรม
ถ้าหากว่า ใครมีอยู่แค่นี้แล้วรู้สึกว่าเต็มเปี่ยม ไม่ได้ขาดแคลนอะไรเลย รู้สึกสดชื่นเบิกบาน อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า ไม่จน ไม่ขาดแคลน สามารถเป็นอยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง
จะเป็นผู้ใกล้ต่อหนทางพระนิพพาน ใกล้ต่อที่สุดแห่งธรรม เป็นผู้ควรแก่การเคารพสักการบูชาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
หลวงพ่ออยากให้ลูกเณรเป็นอย่างนี้จังเลย
วัยที่เหมือนดอกไม้บานในยามเช้า กำลังสดชื่นแข็งแรง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเรียกว่า ทหระ คือ วัยหนุ่ม
มีความแข็งแรงที่จะต่อสู้ทุกสิ่งได้ ถ้าทนปวดกามได้ ทนความสนุกสนานเพลิดเพลินได้ เว้นการติดต่อจากหมู่ญาติ เพื่อนฝูง สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ วิทยุ ทีวี ที่จะทำให้ใจเร่าร้อน หรือสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์
แล้วตั้งใจศึกษาภาคปริยัติ ปฏิบัติ อย่างเต็มที่
หลวงพ่อเคยกล่าวไว้ ให้เรียนปริยัติด้วยความกระหาย
อยากจะรู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สร้างบารมีมา ๒๐ อสงไขยแสนมหากัป ทั้งคิดในใจ เปล่งวาจา กระทั่งได้รับพุทธพยากรณ์เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ตรัสรู้เรื่องอะไร มีธรรมอะไรที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า
ศึกษาให้เข้าใจแจ่มแจ้ง แล้วน้อมนำมาปฏิบัติเพื่อเป็นอย่างพระองค์ ไม่ใช่หวังเพียงแค่สอบให้ได้พอเป็นเกียรติยศชื่อเสียงของตัวเองเท่านั้น
อย่าคิดเพียงแค่นั้น ต้องคิดให้ไกลไปกว่านั้น อย่ามองแบบคนสายตาสั้น ต้องมองแบบคนที่มีสายตายาวไกลที่ไร้ขอบเขตจำกัด
ลูกเณรต้องหัดมองลึกๆ อย่าไปมองแบบตื้นๆ
นั่นคือ สิ่งที่หลวงพ่อพยายามปลูกฝังให้ทุกคนหัดมองทีเดียวให้ทะลุ มองไกลๆ มองให้ครอบคลุม
ถ้าเรามองคลุมอย่างนี้ไม่ได้ เราจะมองภาพถึงที่สุดแห่งธรรมได้อย่างไร
ต้องมองเห็นโลกใบเล็กเท่ากับผลมะขามป้อมอยู่ในฝ่ามือ หรือจักรวาลที่ไม่มีประมาณเอามาใส่ในฝ่ามือได้
อย่างนี้จึงจะศึกษาวิชชาธรรมกายได้ หัดมองไกลๆ อย่างนี้สิ อย่าไปมองตื้นๆ แล้วมองอะไรหัดมองให้ครบวงจร

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
วันที่ วันพุธที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙
ที่มา
หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย
อ่านในรูปแบบ EBook ที่นี่

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *