มงคลที่ ๓๔ ทำพระนิพพานให้แจ้ง – ๓๐ ปีที่รอคอย

มงคลที่ ๓๔ ทำพระนิพพานให้แจ้ง – ๓๐ ปีที่รอคอย

นรชนเหล่าใด ประพฤติตนอยู่ในโอวาทที่ผู้รู้บอกแล้ว
นรชนเหล่านั้น จักถึงฝั่งอย่างปลอดภัย
ดุจพ่อค้าทั้งหลาย ทำตามถ้อยคำของม้าวลาหก

สิ่งที่เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข และความสำเร็จ ในชีวิตของเรา คือ บุญกุศลที่เราได้ทำไว้อย่างดีแล้ว จะเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราได้บรรลุจุดประสงค์ของชีวิต เราจะเข้าถึงความเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี จะเข้าถึงความเป็นพระราชา เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพระอริยเจ้า เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือแม้ที่สุดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ก็เพราะบุญนั่นเอง เพราะฉะนั้น บุญจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราได้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต คือ พระนิพพาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า

อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ เย ชนา ปารคามิโน
อถายํ อิตรา ปชา ตีรเมวานุธาวติ
เย จ โข สมฺมทกฺขาเต ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน
เต ชนา ปารเมสฺสนฺติ มจฺจุเธยฺยํ สุทุตฺตรํ

บรรดามนุษย์ในโลกนี้ บุคคลผู้ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย
ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้ เลาะไปตามฝั่งอย่างเดียว
ก็บุคคลเหล่าใด ประพฤติสมควรแก่ธรรมที่เรากล่าวชอบแล้ว
บุคคลเหล่านั้น ข้ามพ้นบ่วงแห่งมารที่ข้ามได้โดยยาก ก็จักถึงฝั่ง คือ นิพพาน

อายตนนิพพาน เป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง ต้องเป็นผู้ที่มีใจหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น จึงจะเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ปัจจุบันนี้แม้หลายท่านจะมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับเรื่องนิพพาน แต่ไม่ว่าจะมีความเข้าใจอย่างไร อายตนนิพพานซึ่งเป็นเครื่องรองรับพระนิพพานก็มีอยู่ พระนิพพาน หรือธรรมกายของพระพุทธเจ้า ก็ยังคงมีอยู่เป็นอมตะ และเป็นบรมสุขที่เที่ยงแท้ถาวร ซึ่งผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม

การไปสู่อายตนนิพพาน เป็นวิสัยของผู้มีใจหยุดที่ละเอียดมาก พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ผู้ไปถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน มีจำนวนน้อย ส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึง เพราะมัวติดอยู่ในกามคุณทั้ง๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ดังนั้น เราจึงไม่ควรเสียเวลามาถกเถียงกัน ควรจะลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ด้วยตนเอง เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงเช่นเดียวกับผู้รู้ทั้งหลาย

* ในสมัยหนึ่ง มีพระมหาเถระชื่อ พระมหาสิวะ เป็นพระที่มีชื่อเสียงทางด้านปริยัติธรรมมาก ท่านมีปัญญาแตกฉานในพระไตรปิฎก จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ สั่งสอน ธรรมะให้กับพระภิกษุสามเณร เป็นจำนวนถึง ๓๐,๐๐๐รูปด้วยกัน เมื่อพระภิกษุสามเณรศึกษาปริยัติธรรมจากท่านแล้ว ก็กราบลาไปปฏิบัติกัมมัฏฐาน ทำสมถวิปัสสนา จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์กันมากมาย

มีศิษย์ของท่านองค์หนึ่ง เมื่อได้บรรลุอรหัตผลแล้ว ก็ระลึกถึงคุณของพระอาจารย์ จึงตรวจดูว่าอาจารย์ได้บรรลุธรรมขั้นไหนแล้ว ก็ทราบว่าท่านยังเป็นปุถุชนอยู่ จะหาคุณวิเศษสักอย่างหนึ่งก็ไม่มี เพราะมัวแต่สอนปริยัติธรรม แต่ไม่ยอมลงมือปฏิบัติ แม้จะมีความรู้มากมายก่ายกอง เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎก แต่ยังไม่ได้รับรสแห่งพระธรรมที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร พระอรหันต์ผู้เป็นศิษย์ จึงคิดจะช่วยสงเคราะห์พระอาจารย์

เย็นวันหนึ่ง ท่านได้เหาะไปยังกุฏิของพระมหาเถระ ทำเป็นว่าจะไปขอเรียนอนุโมทนาคาถา พระมหาเถระจำศิษย์ไม่ได้เนื่องจากท่านมีลูกศิษย์มาก จึงปฏิเสธว่าตนไม่มีเวลาว่าง เพราะต้องไปสอนพระไตรปิฎกทุกวัน พระอรหันต์จึงเตือนสติพระอาจารย์ว่า…

“ท่านอาจารย์ผู้ว่างเปล่า อย่าทำตนเป็นผู้ไม่ว่างอยู่เลย ท่านไม่รู้ตัวหรือว่าขณะนี้ท่านเป็นผู้ที่ประมาทแล้ว ตัวของท่านเป็นเสมือนแผ่นกระดานสำหรับให้คนทั้งหลายเดินข้ามไป ท่านเป็นที่พึ่งให้แก่คนอื่นก็จริงอยู่ แต่ท่านไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้กับตนเองได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ท่านได้แต่สอนคนอื่น ไม่ได้สอนตนเองเลย แม้ท่านจะแตกฉานในพระไตรปิฎก แต่ถ้าไม่นำความรู้ที่ศึกษามาปฏิบัติแล้ว ท่านก็จะไม่พ้นจากอบายภูมิแน่นอน”

เมื่อพระอรหันต์เตือนสติให้อาจารย์ได้สำนึกแล้ว ก็เหาะขึ้นสู่อากาศ ต่อหน้าพระอาจารย์ พระมหาเถระคิดว่าตนเองเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎก สอนให้ผู้อื่นได้บรรลุธรรมมากมาย ถ้าตั้งใจลงมือปฏิบัติคงไม่เกิน ๓วันก็จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์อย่างง่ายดาย

ก่อนเข้าพรรษา ๓วัน ท่านได้เดินทางเข้าไปในป่าใหญ่ เพื่อแสวงหาสถานที่ที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม ได้ปัดกวาดสถานที่ให้น่าอยู่ แล้วเริ่มบำเพ็ญภาวนาตามหลักปริยัติที่เคยศึกษามา หนึ่งวันผ่านไป ใจก็ยังไม่รวม สองวันผ่านไปก็แล้ว สามวันล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว แม้จะใช้ความเพียรอย่างยิ่งยวด แต่ก็ไม่สามารถทำจิตให้หยุดนิ่งได้

ท่านเกิดมานะขึ้นในใจว่า “ลูกศิษย์ของเราต่างบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์กันมากมาย ตัวเราเป็นถึงพระอาจารย์ใหญ่ ทำไมจะทำไม่ได้” จึงอธิษฐานพรรษาอยู่ในป่าแต่ผู้เดียว ทำสมาธิ เจริญภาวนา ตลอดทั้งวันทั้งคืน แม้เวลาจะผ่านไป ๑เดือน ๒เดือน จนครบไตรมาส ออกพรรษาแล้ว ก็ยังไม่บรรลุ ท่านจึงเพิ่มความวิริยะ อุตสาหะ ด้วยการบำเพ็ญตบะอย่างแรงกล้า อธิษฐานจิตไม่นอนจนกว่าจะเป็นพระอรหันต์

กาลเวลาได้ผ่านไป จาก ๓เดือนเป็น ๓ปี จนกระทั่งล่วงเลยมาถึง ๓๐ปี นักบวชวัยชราผู้ปรารภความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ ก็ยังไม่ได้บรรลุธรรมอะไรเลย ในคืนหนึ่ง ท่านได้รำพึงรำพันน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง รู้สึกเสียใจจนมิอาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ จึงร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร และในที่ใกล้นั้นได้มีหญิงสาวคนหนึ่งมายืนร้องไห้อยู่ ท่านจึงเข้าไปถามด้วยความห่วงใย

หญิงสาวได้บอกกับพระมหาเถระว่า ตนเป็นเทพธิดาอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้มานาน ได้เห็นพระมหาเถระปรารภความเพียร จึงเกิดความเลื่อมใส ปรารถนาจะบรรลุคุณวิเศษบ้าง เห็นท่านร้องไห้จึงร้องไห้ตาม เผื่อว่าจะได้บรรลุธรรมตามท่านไปด้วย

พระมหาเถระเป็นผู้มีปัญญา ทราบว่าเทพธิดามาเตือนสติ ท่านจึงกลับมาพิจารณาตนเอง ทบทวนวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง และในคืนนั้น ท่านได้นั่งทำภาวนาด้วยใจที่สงบเยือกเย็น จิตใจผ่องแผ้ว อารมณ์ดี อารมณ์สบายกว่าทุกๆวัน ในที่สุดได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวง

เราจะเห็นว่า การจะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะนั้น จะต้องลงมือปฏิบัติอย่างเดียวเท่านั้น จะมัวร้องไห้ หรืออ้อนวอนอย่างไร ก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ หรือแม้จะมีความรู้ในทางทฤษฎี หรือปริยัติธรรมมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมให้ถูกต้องตามพุทธวิธี จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เราได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

ดังนั้น การศึกษาทั้งทางด้านปริยัติและปฏิบัติ จึงเป็นสิ่งที่จะต้องศึกษาควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้งในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะการศึกษาและการถ่ายทอดความรู้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ เป็นการรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ต่อไปได้ยาวนาน

พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ มีความตั้งใจที่จะศึกษาพระธรรมวินัย ให้ถึงพร้อมทั้ง ๓ ป. คือ ปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ รวมทั้งศึกษาวิชาทางโลกเพิ่มเติมด้วย ที่เรียกว่า ปริยัติสามัญ เพื่อให้มีความรู้แตกฉานทั้งทางโลกและทางธรรม เนื่องจากท่านขัดสนด้านทุนทรัพย์ แต่เปี่ยมด้วยอริยทรัพย์ภายใน พรั่งพร้อมด้วยบุญบารมี เราจึงน่าจะให้การสนับสนุน เพราะท่านเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นทั้งอายุพระศาสนาและเป็นเนื้อนาบุญของโลก

หลวงพ่อเห็นความสำคัญของงานพระพุทธศาสนาตรงนี้ จึงตั้งใจถวายทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ โดยนิมนต์พระภิกษุสามเณรจากทั่วประเทศ อย่างน้อยก็ ๕๐,๐๐๐รูปขึ้นไป ถ้าท่านไม่ติดขัดอะไร ก็จะมากันเป็นเรือนแสน เพื่อมารับทุนการศึกษาใน วันคุ้มครองโลก

วันคุ้มครองโลก ตรงกับวันที่ ๒๒ เมษายน ของทุกปี ทั่วโลกได้กำหนดขึ้น เพื่อร่วมมือกันปรับปรุงโลกนี้ให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ เนื่องจากปัจจุบันโลกถูกกระแสกิเลสครอบงำ ทำให้มนุษย์มีความคิด คำพูดและการกระทำ ที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์ ความไม่บริสุทธิ์ทำให้โลกเสื่อมลง แต่ถ้าทุกคนมีจิตใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ จะทำให้โลกเจริญขึ้น เพราะโลกจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับใจของเราทุกคน

* มก. สักกปัญหสูตร เล่ม ๑๔ หน้า ๑๘๗

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/5116
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๖

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *