มงคลที่ ๒๖ ฟังธรรมตลอดกาล – นางยักษิณี ผู้ใคร่ในธรรม

มงคลที่ ๒๖ ฟังธรรมตลอดกาล – นางยักษิณี ผู้ใคร่ในธรรม

บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังเกี่ยวข้องด้วยกาม คลุกคลีด้วยอกุศลธรรม เขาฟังธรรมของพระอริยเจ้า พิจารณาโดยแยบคาย แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เขาอาศัยการฟังธรรม และการพิจารณาโดยแยบคาย ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม ไม่คลุกคลีด้วยอกุศลธรรม สุขย่อมเกิดแก่เขา

การประพฤติปฏิบัติธรรมทำใจให้หยุดนิ่ง เป็นหลักของการบำเพ็ญกุศล เพราะเป็นสิ่งที่จะอำนวยผลให้ผู้ปฏิบัติได้ อานิสงส์ไพบูลย์ การฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้เท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันแท้จริงของพวกเราทั้งหลาย ดังนั้นเราทุกคนต้องตั้งใจปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงจุดนี้ให้ได้ จึงจะได้ชื่อว่า เป็นชาวพุทธที่แท้จริงตามพุทธประสงค์

เมื่อเราปรารถนาอยากจะเข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ ก็จะต้องเอาใจของเราที่โลดแล่นคิดไปในเรื่องราวต่างๆ นำมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เมื่อวางใจพอเหมาะพอดีถูกส่วนเข้า ไม่ช้าก็จะเห็นธรรมภายในไปตามลำดับ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกของเราได้อย่างแท้จริง

มีวาระพระบาลีที่มาใน ทีฆนิกาย มหาวรรค ว่า

ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังเกี่ยวข้องด้วยกาม คลุกคลีด้วยอกุศลธรรม เขาฟังธรรมของพระอริยเจ้า พิจารณาโดยแยบคาย แล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เขาอาศัยการฟังธรรม และการพิจารณาโดยแยบคาย ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม ไม่คลุกคลีด้วยอกุศลธรรม สุขย่อมเกิดแก่เขา ผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยกาม ไม่คลุกคลีด้วยอกุศลธรรม โสมนัสอันยิ่งกว่าสุขก็เกิดขึ้น ความบันเทิงใจ ความปราโมทย์ใจก็เกิดขึ้น ท่านผู้เจริญทั้งหลาย การบรรลุโอกาสนี้เป็นประการแรก ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ พึงบรรลุ

ธรรมชาติของดอกบัว แม้จะต้องอาศัยโคลนตมเป็นที่เกิด แต่เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ย่อมชูดอกขึ้นเหนือน้ำ ส่งกลิ่นหอมชื่นใจแก่ผู้ผ่านไปผ่านมา สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะมาจากชาติตระกูลไหน หรือเคยทำบาปอกุศลทางกาย ทางวาจาหรือทางใจไว้มากมายเพียงไร แม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติก็ตาม

ถ้าหากว่าในปัจจุบันชาติ ได้อยู่ในเพศภาวะที่เป็น ภัพพบุคคล คือ เป็นผู้ที่ปราศจากอกุศลกรรมอันแรงกล้ามาตัดรอน หากมีโอกาสได้ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือฟังธรรมจากผู้รู้แจ้งเห็นจริง และตั้งใจประพฤติปฏิบัติตาม คำสอนของท่าน ก็สามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ แล้วอานิสงส์นี้ยังส่งผลไปถึงหมู่ญาติ และคนรอบข้าง ให้ได้กุศลผลบุญ กระทั่งพ้นจากอัตภาพที่ต้องทนทุกข์ทรมานได้อีกด้วย เหมือนเรื่องของนาง ยักษิณีตนหนึ่ง

*สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีในกรุงสาวัตถี เมื่อพระพุทธองค์แสดงธรรมแก่มหาชน ภายหลังเสวยพระกระยาหาร เสร็จแล้ว ก็ประทับนั่งผินพระพักตร์ไปในทางทิศตะวันออก บนบวรพุทธอาสน์ ในบริเวณพระคันธกุฎี ตรวจดูโลกธาตุ

ในสมัยนั้นพวกภิกษุผู้ถือผ้าบังสุกุล และบิณฑบาตเป็นวัตร ได้ออกจากที่พักกลางวันมาถวายบังคมพระทศพล นั่งประหนึ่งแวดล้อมด้วยม่านแดง พระศาสดาทรงทราบอัธยาศัยของภิกษุแต่ละรูป จึงตรัสธรรมีกถาอันเกี่ยวด้วยเรื่องของพระนิพพาน พระภิกษุสงฆ์ก็ตั้งใจฟังธรรมด้วยความเคารพ พิจารณาธรรมโดยแยบคาย เพื่อจะได้ประพฤติปฏิบัติตาม

วันนั้น นางยักษิณีตนหนึ่ง ได้อุ้มอุตราผู้เป็นธิดา และจูงปุนัพพสุผู้เป็นลูกชายแสวงหาอาหารริมกำแพง และริมคูคลองหลังวัดพระเชตวัน เมื่อไปถึงซุ้มประตู นางก็เห็นพุทธบริษัทสงบนิ่งไม่ไหวติง ฟังธรรมด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้า เหมือนเปลวประทีปตั้งไว้ในที่ที่ไม่มีลม จึงเกิดความเลื่อมใสแล้วคิดว่า ก็ในที่นี้คงจะมีของแจกให้เรากิน เพื่อประทังชีวิตได้แน่ แล้วก็จูงลูกทั้งสองเข้าไปภายในพระวิหาร

อารักขเทวาสิงอยู่ที่ซุ้มประตู เห็นนางยักษิณีว่าไม่ได้เข้ามาทำร้ายใคร จึงไม่ได้ห้าม นางเองก็ได้ฟังพระสุรเสียงอันไพเราะของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ดังมาถึงนาง เสียงนั้นไพเราะจับใจ ประดุจแทรกเข้าไปจรดถึงเยื่อในกระดูกของนาง ประกอบกับความพร้อมเพรียงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของบริษัท ทำให้นางเกิดความเลื่อมใสในหมู่สงฆ์ จึงลืมที่จะไปแสวงหาอาหาร บุตรน้อยทั้งสองได้สะกิดนางยักษิณีผู้ยืนนิ่งไม่ไหวติง นางยักษิณี ก็ไม่สนใจ และไม่คิดที่จะแสวงหาอาหาร

นางยืนเงี่ยโสตสดับพระธรรม ส่วนอุตราผู้เป็นธิดายังเด็กเกินไป ไม่สนใจในการฟังธรรม เมื่อถูกความหิวเบียดเบียนหนักเข้า จึงเตือนมารดาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ทำไมแม่จึงยืนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนตอไม้ ไม่แสวงหาอาหารมาให้ลูก นางยักษิณีคิดว่าลูกของตนกำลังจะทำอันตรายต่อการฟังธรรม จึงปลอบโยนลูกไปว่า

นิ่งเสียเถิดลูกอุตรา เงียบๆ ไว้เถิดลูกปุนัพพสุ แม่ปรารถนาจะฟังธรรมที่หาได้ยากในโลก ลูกทั้งสองจงเงียบเถิด จนกว่าแม่จะฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจบ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเรื่องนิพพาน อันเป็นเครื่องเปลื้องตนจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวง เวลาที่มีค่าอย่างนี้ อย่าได้ล่วงเลยแม่ไปเสีย

นางดำริว่า แม้ลูกทั้งสองและสามีต่างเป็นที่รักของตน แต่ความปรารถนาในการฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่รักยิ่งกว่าลูกและสามี เพราะลูกและสามีไม่สามารถจะปลดเปลื้องตนให้ออกจากทุกข์ได้ แต่การฟังธรรมย่อมปลดเปลื้องสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ได้

แล้วนางก็กล่าวกับลูกอีกว่า แม่ปรารถนาจะฟังธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง เพื่อพ้นจากชราและมรณะ เจ้าทั้งสองจงนิ่งเสียเถิด ปุนัพพสุจึงพูดขึ้นว่า แม่จ๋า ฉันไม่รบเร้าแม่อีกแล้ว อุตราน้องสาวก็บอกว่าจะไม่รบกวนแม่อีก

ปุนัพพสุนั้นเป็นผู้มีปัญญาที่สั่งสมมาดี จึงสนับสนุนแม่ว่า ขอเชิญแม่ฟังธรรมเถิด การฟังพระสัทธรรมเป็นเหตุนำความสุขมาให้ เพราะแต่ก่อนเราไม่รู้พระสัทธรรม จึงต้องมาเสวยทุกข์มีความหิวกระหาย เที่ยวแสวงหาอาหารไปด้วยความยากลำบาก เป็นเวลายาวนาน บัดนี้ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม นำความสว่างไสวมาให้แก่เทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย ผู้หลงวนอยู่ในกระแสกิเลส ขอแม่ตั้งใจสดับพระธรรมเทศนาของพระบรมศาสดาเถิด

พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงธรรม ทรงกำหนดรู้อัธยาศัยของบริษัท ได้เห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของนางยักษิณี และลูกของนาง จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนา ยกเรื่องอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เพื่อให้นางมีดวงตาเห็นธรรม นางยักษิณีกับบุตรยืนฟังธรรมอยู่ในที่ตรงนั้น ได้ส่งใจไปตามกระแสพระธรรมเทศนา ในที่สุดก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล ส่วนธิดาของนางยักษิณี เนื่องจากเป็นเด็กเกินไป ไม่อาจจะเข้าใจพระธรรมเทศนาได้แจ่มแจ้ง แต่ก็ได้อุปนิสัยแห่งการบรรลุธรรมข้ามชาติ

เมื่อนางยักษิณีบรรลุธรรมแล้ว จึงกล่าวอนุโมทนาแก่บุตรว่า ดีแล้วลูก น่าชื่นใจนัก ลูกของแม่เป็นคนฉลาดมีดวงตาเห็นธรรม เป็นผู้ใคร่ในธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ปุนัพพสุเอ๋ย เจ้าจงมีความสุขเถิด วันนี้เราเป็นผู้ย่างก้าวขึ้นสู่หนทางพระอริยเจ้าแล้ว แม่และลูกเห็นอริยสัจ ๔ เป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา ไม่นานจักได้บรรลุนิพพานอันเกษม

ทันใดนั้นเอง ด้วยอำนาจแห่งการบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันในครั้งนั้น ทำให้นางยักษิณี ละภาวะอันหยาบกระด้างของยักษ์ กลับได้อัตภาพอันเป็นทิพย์ พร้อมทั้งได้ทิพยสมบัติเป็นอันมาก ที่บังเกิดขึ้นด้วยอำนาจพระสัทธรรม

ธรรมดาว่าเมื่อมารดาได้เข้าถึงธรรม ถึงความเป็นใหญ่ในโลก มหากุศลนั้นย่อมถึงแก่บุตรทั้งหลายผู้มีจิตอนุโมทนาด้วย เพราะฉะนั้นธิดาของนางเมื่อได้อนุโมทนา จึงได้ทิพยสมบัติ ตามนางไปด้วย แล้วด้วยอานุภาพของมารดา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นางกับลูกน้อยทั้งสอง ก็ได้อาศัยอยู่ที่วิมานในต้นไม้ที่อยู่ใกล้พระคันธกุฎีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ฟังธรรมทั้งเช้าเย็นอยู่ในพระวิหารนั้นตลอดกาล

จะเห็นได้ว่า ผู้มีบุญมีอุปนิสัยในการบรรลุธรรม ถึงแม้จะได้อัตภาพเป็นยักษ์ เสวยวิบากกรรมที่ได้ทำไว้ในอดีตก็ตาม แต่เมื่อได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นยอดกัลยาณมิตรของโลก ได้ทำใจให้หยุดนิ่งดิ่งลงในอมตธรรม เป็นผู้มีความเคารพในธรรม ฟังแล้วก็ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตาม ก็จะสามารถบรรลุธรรมได้ แล้วยังบังเกิดอานิสงส์ใหญ่ให้ได้ทิพยสมบัติเกิดขึ้นอย่างเป็นอัศจรรย์ และบุญนี้ก็ถึงกับบุคคลรอบข้างได้อีกด้วย ทำให้ได้รับความสุขไปตามๆ กัน

เราทุกคนได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถือว่าเป็นผู้โชคดีที่สุดแล้ว เพราะได้อัตภาพที่เหมาะสมในการสร้างบารมี ยิ่งได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มาศึกษาพระธรรมวินัย ได้รู้จักวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ถ้าหากเราตั้งใจปฏิบัติกันอย่างเอาจริงเอาจัง ทำให้ถูกวิธีก็สามารถเข้าถึงพระธรรมกายได้ทุกคน เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีโอกาสดีเช่นนี้แล้ว ก็อย่าได้ประมาทในชีวิตกัน ให้หมั่นฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่ง จะได้เข้าถึงพระธรรมกายกันทุกๆ คน

*มก. ปุนัพพสุสูตร เล่ม ๒๕ หน้า ๔๐๕

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/4016
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๕

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *