ผู้ขัดขวางการสร้างบารมี

ผู้ขัดขวางการสร้างบารมี

เวลาแห่งการเจริญสมาธิภาวนา เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะเราจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมนำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล เมื่อได้ฟังธรรมและปฏิบัติธรรม จึงจะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แล้วมุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุด เพื่อให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ในขุททกนิกาย ธรรมบทว่า

“ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คุหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา.

ชนเหล่าใด จักสำรวมจิต ที่ท่องไปในที่ไกลๆ เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีสรีระ มีถ้ำ(คือร่างกายนี้)เป็นที่อาศัย ชนเหล่านั้น จะพ้นจากเครื่องผูกแห่งมาร”

การฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง รักษาใจดวงนี้ให้ใส สะอาดบริสุทธิ์ อุดมไปด้วยกุศลธรรมให้ได้ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตของเรา เพราะปกติของใจที่ยังไม่ได้ฝึก มักจะแล่นไปตามอารมณ์ที่ชอบใจ คิดไปในเรื่องคน สัตว์ สิ่งของ ซึ่งเป็นเรื่องนอกตัว เมื่อใจไม่ได้อยู่ที่ต้นแหล่งของสติของปัญญา จึงทำให้ถูกกิเลสมารคอยบังคับบัญชาเราได้ คำว่ามารหรือพญามาร หมายถึง ผู้ขวางความดีนั้น เราจะได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยๆ

ในพระไตรปิฎกมีบันทึกไว้หลายแห่ง แต่ก็ไม่ได้บอกลักษณะของมารว่า มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร เราจะเห็นมารตัวจริงได้ก็ต่อเมื่อใจหยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ซึ่งปกติของมารจะคอยขัดขวางคนทำความดี ให้มีอุปสรรคต่างๆนานา แต่มารไม่สามารถบังคับผู้มีใจหยุดนิ่งดีแล้วได้ จะบังคับได้ก็เฉพาะผู้ที่มัวส่งใจไปในเรื่องไร้สาระ ส่งใจออกนอกศูนย์กลางกายเท่านั้น สอดกิเลสอาสวะเข้าไปบังคับบัญชามนุษย์ให้ทำบาปอกุศลบ้าง ให้ประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์ ด้วยวิธีการต่างๆบ้าง

* ดังเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระมหาโมคคัลลานเถระ กำลังเดินจงกรมอยู่กลางแจ้ง ท่านได้ถูกมารเข้าไปสิงอยู่ในท้อง มีความรู้สึกว่าท้องของท่านเหมือนมีถั่วหมัก หนักเหมือนหินอยู่ภายใน ท่านสงสัยจึงสอดส่องญาณเข้าไปดู ก็เห็นมารเข้าไปอยู่ในท้องของท่าน ท่านจึงกล่าวกับมารว่า “มารผู้ลามก ท่านจงออกมาเดี๋ยวนี้ ท่านอย่าเบียดเบียนเราเลย เพราะการเบียดเบียนนั้นจะเป็นทุกข์แก่ท่านตลอดไป”

ขณะที่กล่าวกับมารนั้น พระมหาโมคคัลลานะทราบว่า มารกำลังคิดว่า ท่านไม่เห็นมาร ท่านจึงกล่าวย้ำข้อความเดิมและกล่าวเสริมว่า “มารผู้ลามก เรารู้จักท่านและรู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ ท่านอย่าเข้าใจว่า เราไม่รู้จักท่านนะ” เมื่อมารได้ยินดังนั้น จึงทราบว่าพระมหาโมคคัลลานะรู้แล้ว มารจึงออกมาอยู่ที่ข้างประตูพระวิหาร พระโมคคัลลานะกล่าวว่า “มารเอ๋ย เราเห็นท่านยืนอยู่ข้างบานประตู ท่านอย่าเข้าใจว่าเราไม่เห็นท่าน เมื่อก่อนเราเคยเป็นมารชื่อทูสี มีน้องสาวชื่อกาลี ท่านเป็นบุตรน้องสาวของเรา และเป็นหลานชายของเราเอง” เมื่อท่านทักทายมารจบแล้ว ก็ได้เล่าเรื่องในอดีตให้มารฟังว่า

ในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ พระองค์มีมหาสาวกชื่อวิธุระและสัญชีวะ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระสัญชีวะนั่งเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ใต้โคนไม้ พวกคนเดินทางเห็นท่านนั่งนิ่งก็เข้าใจผิดคิดว่าท่านมรณภาพแล้ว จึงได้ช่วยกันจุดไฟเผาท่านแล้วก็จากไป พอครบกำหนดรุ่งเช้า พระสัญชีวะก็ออกจากนิโรธสมาบัติ แล้วเดินบิณฑบาตเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านเห็นท่านเดินมาด้วยผิวพรรณที่เปล่งปลั่งผ่องใส เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ที่ไฟไม่อาจทำอันตรายท่านได้ พร้อมกับได้บอกถึงการกระทำของพวกตนเอง อีกทั้งได้ขอขมาลาโทษที่ได้ทำพลั้งพลาดล่วงเกินท่าน

ในครั้งนั้น พระมหาโมคคัลลานะเคยเป็นมารชื่อทูสี ท่านมีความคิดว่า เราจะดลใจพวกชาวบ้าน ให้ด่าบริภาษเบียดเบียนพวกภิกษุผู้มีศีลมีกัลยาณธรรม เพื่อจะให้ภิกษุสงฆ์มีจิตหวั่นไหว แล้วตกอยู่ภายใต้อำนาจของท่าน พระภิกษุเมื่อถูกด่าว่า ก็เกิดความหวั่นไหว แล้วตกอยู่ภายใต้อำนาจของท่าน จึงไม่อาจหาญในการแสดงธรรม ที่จะสั่งสอนมนุษย์ให้เข้าถึงธรรมได้ เมื่อชาวบ้านละโลกไปจึงตกนรกกันมากมาย

พระพุทธองค์เมื่อทรงทราบความนั้น จึงประทานโอวาทว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกชาวบ้านถูกทูสีมารดลใจ ชักชวนให้ด่า บริภาษ เบียดเบียนภิกษุ พวกเธอรู้เหตุนี้แล้วจงอย่ามีจิตเศร้าหมอง ให้พวกเธอเจริญสมาธิภาวนา ตั้งจิตอยู่ในพรหมวิหารธรรม แผ่ไปทุกทิศทุกทางโดยไม่มีประมาณ เธอก็จะเอาชนะมารได้” พวกภิกษุก็ปฏิบัติตามพุทธโอวาท จนสามารถหลุดจากการบังคับบัญชาของทูสีมารได้

เมื่อทูสีมารบังคับเหล่าภิกษุไม่ได้ จึงเปลี่ยนอุบายใหม่ โดยดลใจชาวบ้านให้มาสักการะ เคารพ นับถือ บูชาภิกษุทั้งหลาย โดยหวังจะให้ภิกษุติดในลาภสักการะ จิตใจจะได้หวั่นไหว ทูสีมารจะได้ช่องเข้าบังคับพระภิกษุ ก็ปรากฏว่า ภิกษุผู้ประมาทก็หลงติดในลาภสักการะ มีจิตฟุ้งซ่าน ไม่เป็นอันประพฤติธรรม ไม่อาจหาญในการแสดงธรรมให้มหาชนฟัง แต่คนที่ทำบุญทำสักการะ เคารพ นับถือ บูชาภิกษุสงฆ์ก็ได้บุญบารมี เมื่อละโลกไปก็เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์กันมากมาย

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความเป็นไปทั้งหมด จึงตรัสเตือนเหล่าภิกษุว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอถูกมารดลใจอีกแล้ว เพราะไม่สำรวมอินทรีย์ ให้พวกเธอจงพิจารณาความไม่งามในร่างกาย ให้เห็นว่าเป็นของปฏิกูลไม่น่ายินดี แล้วเธอจะหลุดพ้นจากบ่วงมาร” เมื่อพระภิกษุนำไปปฏิบัติ ก็ทำให้ไม่ติดในลาภสักการะ จึงไม่ถูกทูสีมารบังคับเอาได้ เมื่อทูสีมารรู้ว่าทำอะไรภิกษุสงฆ์ไม่ได้ ก็เกิดความโกรธกระวนกระวายขึ้นมาอย่างหนัก

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จบิณฑบาต โดยมีพระวิธุระเป็นปัจฉาสมณะ ทูสีมารก็เข้าไปสิงเด็กคนหนึ่ง ให้เอาก้อนหินขว้างพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ก้อนหินโดนศีรษะพระวิธุระจนแตก เลือดไหลเป็นทาง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำเลืองดู ก็รู้ว่าเป็นการกระทำของมาร จึงตรัสว่า “ทูสีมารเจ้าทำเกินไปแล้ว เจ้าไม่ได้รู้ประมาณตัวเองเลย” ขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่นั้น มหาปฐพีแม้หนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์ ไม่อาจรองรับกรรมหนักของทูสีมาร ได้แยกออกเป็นช่อง ให้เปลวไฟอันโชติช่วงจากมหานรก ปรากฏขึ้นมา แล้วดูดทูสีมารลงไปทันที

ทูสีมารหมกไหม้อยู่ในมหานรก ถูกทรมานนานหลายพันปีนรก เมื่อเทียบกับเวลาในโลกมนุษย์ นับเป็นเวลายาวนานทีเดียว และยังต้องหมกไหม้อยู่ในอุสสทนรกนานถึงหมื่นปีนรก เสวยทุกขเวทนาแสนสาหัส พระมหาโมคคัลลานะท่านได้เล่าเรื่องนี้ให้ทูสีมาร ซึ่งเป็นหลานของท่านฟัง เมื่อมารได้ฟังแล้วก็เสียใจ ละอายในการกระทำของตนเอง จึงได้อันตรธานหายไป ไม่กล้ามารบกวนท่านอีก

เห็นได้ว่า มารหรือพญามารซึ่งเป็นผู้ขวางการสร้างความดีของเรานั้น จะมีอุปนิสัยมากไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง มีความเห็นผิดคิดว่า พระรัตนตรัยไม่มีคุณ และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ร้ายพระรัตนตรัย ประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์ที่มีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร อยากจะให้มนุษย์ทั้งโลกตกอยู่ภายใต้การบังคับของเขา ให้ทำความชั่วต่างๆ และเมื่อมารบังคับใครไม่ได้ดั่งใจ จะโกรธแค้นขุ่นเคืองใจ ใช้วิธีที่รุนแรงทำลายให้พินาศย่อยยับ แต่ถึงอย่างไรธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ ในที่สุดมารก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความดี

ดังนั้น เราอย่ายอมให้เขาบังคับ ให้เอาชนะด้วยกำลังใจที่บริสุทธิ์เข้มแข็ง มุ่งมั่นทำความดีของเราต่อไปอย่างไม่หวั่นไหว และให้ช่วยกันขยายบ้านกัลยาณมิตรให้มากๆ ชักชวนผู้มีบุญมาร่วมกันทำความดี ทำใจให้ผ่องใสด้วยการหมั่นทำใจให้หยุดนิ่งทุกๆ วัน ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ แล้วเราจะหลุดพ้นจากจากการบังคับบัญชาของพญามาร จะมีความเป็นใหญ่ในตัว เป็นอิสระอย่างแท้จริงกันทุกๆ คน

* มก. เล่ม ๑๙ หน้า ๔๖๕

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/18123
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพระรัตนตรัย

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *