เส้นทางไปของผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

เส้นทางไปของผู้มีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

การเจริญสมาธิภาวนา เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ ความเต็มเปี่ยมของชีวิต ทุกคนที่เกิดมาแล้วหากไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ก็ไม่สามารถทำจิตให้หลุดพ้นจากอาสวกิเลสเข้าไปสู่เส้นทางสายกลางภายในได้ การแสวงหาความบริสุทธิ์เพื่อให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะคือวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ฉะนั้นความเป็นมนุษย์จะสมบูรณ์ได้ต้องเจริญสมาธิภาวนา ทำใจหยุดใจนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นทางเอกสายเดียว ที่มุ่งตรงต่ออายตนนิพพาน

มีวาระพระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน ฉัตตมาณวกวิมาน ความว่า

“เยธ ปชหนฺติ กามราคํ
ภวราคานุสฺสยญฺจ ปหาย โมหํ
น จ เต อุเปนฺติ คพฺภเสยฺยํ
ปรินิพฺพานคตา หิ สีติภูตา

ชนเหล่าใดในศาสนานี้ละกามราคะอนุสัยคือภวราคะ และโมหะได้ขาด ชนเหล่านั้น ย่อมไม่ต้องนอนในครรภ์ คือเกิดอีก เพราะถึงนิพพานดับทุกข์เย็นสนิทดีแล้ว”

อาสวกิเลสและเครื่องร้อยรัดทั้งหลายมีกามราคะเป็นต้น เป็นเครื่องผูกสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เวียนวนอยู่ในกองทุกข์ เวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพราะยังไม่สามารถกำจัดกิเลสอาสวะทั้งหลายได้อย่างสิ้นเชิง ผู้ใดก็ตามรู้แจ้งเห็นจริงในโลกและชีวิตได้อย่างนี้ว่า ทุกๆ ชีวิตต่างอยู่ในคุกคือภพน้อยใหญ่อย่างนี้ แล้วเร่งสร้างบารมี หมั่นทำใจหยุดใจนิ่งจนกระทั่งกำจัดกิเลสอาสวะได้อย่างเด็ดขาดหมดสิ้นแล้ว จะเข้าสู่อายตนนิพพาน แดนเกษมที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านปรากฏอยู่ด้วยธรรมกายไม่ต้องกลับมาเวียนตายเวียนเกิดกันอีกต่อไป

แต่การเดินทางในวัฏสงสารนั้น หากเราไม่มีที่พึ่งที่ระลึกแล้ว ก็ยากที่จะนำพาตัวของเราให้ปลอดจากภัยคืออบายภูมิได้ เพราะในโลกทุกวันนี้ กระแสกิเลสได้ปนเป็นไปทั่ว ได้ชักนำจิตใจของมนุษย์ทั้งหลาย ให้หมกมุ่นอยู่แต่กับสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ จนทำให้อานุภาพของใจนั้นเสื่อมถอยลงไป มีโอกาสสร้างบาปอกุศลเพิ่มพูนขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากไม่ได้กัลยาณมิตรคอยชี้แนะ ช่วยบอกหนทางแห่งความถูกต้อง ให้จนกระทั่งสามารถรู้ได้ว่า อะไรคือที่พึ่งในสังสารวัฏแล้ว เป็นการยากที่จะเอาตัวรอดจากอบายภูมิได้ แต่ถ้าผู้ใดได้รู้แจ้งและมีที่พึ่งที่ระลึกให้แก่ตนเองก็นับเป็นความโชคดีอย่างมหาศาล พระรัตนตรัยคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ไม่มีสิ่งใดที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งไปกว่านี้ ผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ย่อมจะประสบความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

* เหมือนชีวิตจริงของมาณพคนหนึ่งในสมัยพุทธกาลนามว่า ฉัตตมาณพ เป็นบุตรคนเดียวของพราหมณ์ในเสตัพยนคร มาณพนี้เป็นที่รักของบิดามารดามาก เพราะเป็นบุตรชายคนเดียว เมื่อเติบโตขึ้น บิดาได้ส่งไปศึกษาเล่าเรียนมนต์และวิชาทั้งหลายในสำนักของโปกขรสาติพราหมณ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากในยุคนั้น เนื่องจากว่ามาณพเป็นผู้ที่มีปัญญา จึงใช้เวลาไม่นานนัก ก็สามารถศึกษาเล่าเรียนวิชาทั้งหลายได้จบสิ้น

เมื่อเรียนจบแล้วจึงเข้าไปหาอาจารย์และถามว่า “กระผมได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบแล้ว กระผมควรให้ทักษิณาค่าบูชาครูแก่อาจารย์เป็นจำนวนเท่าไรขอรับ” อาจารย์ของมาณพนั้นกล่าวว่า “ธรรมดาลูกศิษย์ควรให้ค่าบูชาครูพอเหมาะพอสมกับฐานะของตนเอง เจ้าจงนำกหาปณะมาพันหนึ่ง เป็นค่าบูชาครูเถิด” พอมาณพได้ฟังอย่างนั้นก็ลาอาจารย์กลับมาที่เสตัพยนคร บ้านเกิดของตัวเอง ไหว้บิดามารดาแล้วบอกเรื่องราวทั้งหมดแก่บิดา โดยกล่าวขึ้นว่า “ขอบิดาโปรดให้ทรัพย์จำนวนพันกหาปณะแก่ลูกด้วยเถิด ลูกจะเอาไปเป็นค่าบูชาครู” บิดามารดาตอบตกลง แล้วนำกหาปณะมาผูกเป็นห่อ มอบให้กับลูกชายตนเอง

การจัดเตรียมทรัพย์ค่าบูชาครูครั้งนี้ หาได้รอดพ้นจากสายตาของพวกโจรไปได้ จึงได้วางแผนที่จะปล้นชิงทรัพย์มาณพในระหว่างทาง พอวันรุ่งขึ้นมาณพผู้ไม่รู้ชะตาชีวิตของตนเอง ได้ถือทรัพย์เพื่อจะเดินทางกลับไปยังสำนักของอาจารย์ ใกล้รุ่งของวันนั้น พระบรมศาสดาตรวจดูสัตว์โลก เห็นฉัตตมาณพเข้ามาในข่ายคือพระญาณ ทรงทราบว่า ฉัตตมาณพนี้จะถูกโจรฆ่าชิงทรัพย์ แม้ตัวของมาณพเองจะเป็นผู้ที่มีพื้นใจที่ดี แต่ยังไม่มีที่พึ่งในปรโลก

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่หลังจากทรงดำริอย่างนั้นแล้ว พระพุทธองค์จึงได้เสด็จไปประทับนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่งเพื่อดักรอมาณพนั้น ส่วนฉัตตมาณพได้ถือทรัพย์ค่าบูชาครูมุ่งหน้าไปสำนักอาจารย์ และได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าระหว่างทางจึงเข้าไปยืนเฝ้า พระบรมศาสดาตรัสถามว่า “เธอจะเดินทางไปไหน” ฉัตตมาณพได้กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทราบ พระบรมศาสดาฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงตรัสว่า “ดูก่อนมาณพ เธอเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ แต่เธอเองยังไม่รู้จักที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของชีวิตเลย เธอรู้จักสรณะและศีลหรือยังเล่า” ครั้นพระบรมศาสดาตรัสถามอย่างนี้ มาณพกราบทูลว่า “ไม่รู้จักเลยพระเจ้าข้า” พระบรมศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนมาณพ ชีวิตที่ไม่มีที่พึ่ง เป็นชีวิตที่ไม่ปลอดภัยทั้งภัยในปัจจุบันนี้และภัยในสังสารวัฏ เธอจงเรียนเอาวิธีถึงสรณะก่อนเถิด”

มาณพเองเป็นผู้ที่มีบุญพอสมควร เมื่อพระบรมศาสดาตรัสอย่างนั้น จึงน้อมรับด้วยความเคารพ พระบรมศาสดาตรัสว่า “ผู้ใดเป็นผู้ที่ประเสริฐในหมู่มนุษย์ เป็นศากยมุนี ทำกิจที่ควรทำแล้ว ถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน พรั่งพร้อมด้วยพละและวิริยะ เธอจงเข้าถึงผู้นั้น ผู้เป็นสุคตเป็นสรณะ เธอจงเข้าถึงพระธรรมที่สำรอกราคะ ไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก เป็นอสังขตธรรม ไม่ปฏิกูล ไพเราะ ซื่อตรง จำแนกไว้ดีแล้ว เป็นสรณะ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวทานที่ถวายในท่านเหล่าใด ว่ามีอานิสงส์มาก ท่านเหล่านั้นคืออริยบุคคลสี่จำพวกแปดบุรุษ ผู้แสดงธรรม เธอจงเข้าถึงพระสงฆ์นั้นเป็นสรณะเถิด”

มาณพฟังพระดำรัสของพระบรมศาสดาอย่างนั้นแล้ว เกิดความเลื่อมใสอย่างไม่มีประมาณ จึงประกาศตนเอง ขอเป็นผู้ที่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ พระบรมศาสดาทราบอย่างนั้นแล้ว ให้มาณพตั้งอยู่ในศีลห้าแล้วเสด็จหลีกไป หลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จไปแล้ว ในใจของมาณพยังตรึกกระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอยู่ตลอดเวลา หัวใจยังพองโตไปด้วยความปีติ ก้มหน้าก้มตาเดินมาจนกระทั่งถึงบริเวณที่พวกโจรดักซุ่มอยู่ พอพวกโจรเห็นฉัตตมาณพก็พากันวิ่งกรูเข้ามา มาณพไม่ได้ใส่ใจถึงโจรเหล่านั้นเลย ในใจของตัวเองยังคงตรึกระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยอยู่ตลอดเวลา

โจรคนหนึ่งได้เอาลูกธนูอาบยาพิษแทงอย่างฉับพลัน ทำให้มาณพนั้นสิ้นชีพลงทันที หลังจากที่มาณพตายแล้วก็พากันชิงเอาทรัพย์นั้นไป มาณพผู้ได้ที่พึ่งในนาทีสุดท้าย ตายไปในขณะที่ใจผ่องใสมีพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์ ได้ไปเกิดในวิมานทองประมาณ ๓๐ โยชน์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นในอัตภาพใหม่ เมื่อเห็นมหาสมบัติอันโอฬารอย่างนั้น ก็ตรวจดูบุพกรรมของตัวก็รู้ว่า ที่เรามีสมบัติใหญ่อย่างนี้ก็ด้วยพระมหากรุณาของพระบรมศาสดาแท้ๆ

ฝ่ายหมู่ญาติของเขารู้ข่าวการเสียชีวิต ต่างพากันเศร้าโศกเสียใจ มารวมประชุมกันกระทำฌาปนกิจในวันนั้นเอง พระบรมศาสดาได้เสด็จมาที่สถานที่แห่งนั้น แม้ฉัตตเทพบุตรก็ได้ลงมาถวายบังคมพระบรมศาสดา ยังความอัศจรรย์ใจให้เกิดขึ้นกับพุทธบริษัทที่ประชุมกัน พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมโปรด ฉัตตเทพบุตรได้บรรลุโสดาปัตติผล ในคราวเอง ฝ่ายญาติของเทพบุตรต่างก็มีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัยยิ่งขึ้นไป

เราจะพบได้ว่า พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกได้ในทุกที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ การระลึกนึกถึงพระรัตนตรัยนั้น จะทำให้มีความอบอุ่นและปลอดภัยในชีวิต และเราไม่ทราบว่า จะต้องพบเจอกับมรณภัยเมื่อใด การมีที่พึ่งให้กับตัวของเรา จะเป็นเครื่องประกันได้ว่า ชีวิตในวันข้างหน้าของเราจะต้องปลอดภัยและจะประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ฉะนั้นควรที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ เพราะการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของเราตลอดไป ดังนั้นให้ทุกท่านเป็นผู้มี่ความรักและขยันปฏิบัติธรรมกันอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปลอดภัยอย่างแท้จริง

* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๔๔๑

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/18062
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพระรัตนตรัย

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *