ตามรอยบาทพระศาสดา

ตามรอยบาทพระศาสดา

เราเกิดมาสร้างบารมี สร้างความดีไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม ไม่ว่าอุปสรรคอันใดจะเกิดขึ้น เราจะต้องเข้มแข็งไม่ยอมแพ้ เพราะว่าอุปสรรคเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จ เราจะต้องขวนขวายสร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มที่ และต้องหมั่นทำใจให้หยุดอยู่เสมอ ภายนอกเคลื่อนไหวภายในหยุดนิ่ง หยุดใจแต่ไม่หยุดการทำความดี ทำให้เต็มที่ เราต้องดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท อย่าไปคิดว่าชาติหนึ่งยาวนาน เพราะเวลาในโลกมนุษย์นี้มีอยู่อย่างจำกัด ฉะนั้น เราควรใช้เวลาทุกอนุวินาที ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการสั่งสมบุญบารมี ทำใจหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ให้ใจอยู่ในแหล่งแห่งบุญกุศลตลอดเวลา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน โสณทัณฑสูตรว่า
“หากว่าแม้พระพุทธเจ้าจะพึงพรรณนาพระคุณของพระพุทธเจ้าด้วยกัน โดยไม่ตรัสอย่างอื่นเลย จนกัปหนึ่งผ่านไปแล้ว แต่คุณของพระพุทธเจ้าก็หาหมดไปไม่”

เนื่องจากคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอจินไตย คือ จะพรรณนาอย่างไรก็ไม่หมด อยู่เหนือจินตนาการ และการคาดเดาด้วยปัญญาของมนุษย์ เหมือนน้ำในมหาสมุทร จะใช้ความพยายามเพียงไร ก็ไม่อาจทำให้น้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งไปได้ เพราะพระพุทธเจ้ามีคุณอย่างไม่มีประมาณ พระองค์เป็นผู้มีใจประเสริฐสูงส่งกว่ามนุษย์ และเทวาทั้งหลาย กว่าทุกสิ่งในภพสาม นอกจากจะทรงมุ่งทำตน ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏแล้ว พระองค์ยังมีใจใหญ่คิดที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นตามไปด้วย ใจของพระองค์เปี่ยมล้นด้วยมหากรุณามาตั้งแต่ครั้งเป็นพระบรมโพธิสัตว์ เพราะได้สั่งสมคุณความดีมานานนับภพนับชาติไม่ถ้วน  ดังนั้น การพรรณนาถึงพระพุทธคุณ จึงเสมือนปริมาณของน้ำที่ผ่านรูเข็ม  เมื่อนำมาเทียบกับน้ำในท้องพระมหาสมุทรทั้งสี่

ผู้รู้ได้อุปมาความยาวนานของระยะเวลา ๑ กัป ไว้ว่า หากมีภูเขาหินศิลาแท่งทึบ ทั้งกว้างยาว และสูงด้านละ ๑ โยชน์ ทุกๆ ๑๐๐ ปีทิพย์ จะมีเทวดานำผ้าทิพย์ซึ่งละเอียดมากมาลูบภูเขานี้ครั้งหนึ่ง ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกระทั่งภูเขาศิลานั้นสึกกร่อน ราบเรียบเสมอกับพื้นดิน ระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งภูเขาศิลาราบเรียบเสมอพื้นดิน เรียกว่าเวลา ๑ กัป แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยกันเอง จะพรรณนาพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนล่วงเลยไป ๑ กัป ก็ยังไม่สามารถจะพรรณนาพระคุณได้หมดสิ้น

* ในระหว่างที่พระองค์บำเพ็ญบารมีอยู่นั้น ในพระชาติหนึ่งได้พลาดพลั้งไปเกิดเป็นสตรี แต่ก็ยังมีใจอันประเสริฐ ปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าเส้นทางสู่พุทธภูมินั้นยากลำบาก และยาวไกล อย่างน้อยต้องสร้างบารมี ๒๐ อสงไขยแสนมหากัป แต่ท่านก็อดทนยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง สละได้แม้กระทั่งเลือดเนื้อ และชีวิต เพื่อให้ได้มาซึ่งสัพพัญญุตญาณ เพราะมุ่งหวังจะนำพาสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ท่านจึงทำทุกอย่างเพื่อสร้างบุญบารมีให้ได้มากที่สุด

ในกาลนั้นพระองค์ได้เสวยพระชาติเป็น เจ้าหญิงสุมิตตาเทวี เป็นพระกนิษฐาต่างพระมารดาของพระทีปังกรพุทธเจ้า ในยุคนั้น พุทธศาสนิกชนล้วนมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้พากันสร้างโบสถ์สร้างวิหาร สร้างพระเจดีย์ เพื่อบูชาพระรัตนตรัย และมีการฟังธรรม สนทนาธรรมกันเป็นประจำ เย็นวันหนึ่ง เจ้าหญิงสุมิตตาทอดพระเนตรเห็นพระภิกษุรูปหนึ่ง มารอรับบิณฑบาตอยู่ที่หน้าประตูวัง จึงใช้ให้คนสนิทไปถามพระคุณเจ้าว่า มีความประสงค์สิ่งใด

เมื่อรู้ว่า พระคุณเจ้าปรารถนาได้น้ำมันเพื่อนำไปจุดประทีปบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอริยสาวกในมหาวิหาร เจ้าหญิงทรงมีความปีติโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง รีบถวายน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดพันธุ์ผักกาดอย่างดี พลางอธิษฐานว่า “สมเด็จพระเชษฐาของเราได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงทำประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตวโลกเป็นอันมากฉันใด ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า ขอให้เราได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง เพื่อจะได้ให้ความอนุเคราะห์แก่สัตวโลกฉันนั้น ดุจเดียวกันเถิด”  เมื่อถวายแล้ว เจ้าหญิงขอความเมตตาพระเถระไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า การที่ตนถวายน้ำมันเป็นพุทธบูชา แล้วตั้งความปรารถนาพุทธภูมินั้น จะสัมฤทธิผลหรือไม่

พระพุทธองค์ตรัสว่า “ขณะนี้สุมิตตากนิษฐาของเรายังอยู่ในอัตภาพของสตรี จึงยังไม่สมควรที่จะได้รับพยากรณ์” พระเถระถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระกนิษฐาของพระองค์จะไม่มีโอกาสสำเร็จพุทธภูมิเลยหรือพระเจ้าข้า” พระพุทธองค์จึงทรงระลึกชาติหนหลัง รู้ว่าพระนางได้เคยปรารถนาพุทธภูมิมาหลายภพหลายชาติ ตั้งแต่ครั้งที่เป็นมาณพหนุ่มแล้ว เพราะในพระชาตินั้นได้ประสบกับภาวะเรืออับปาง ได้แบกมารดาไว้บนบ่า ลอยคออยู่กลางมหาสมุทร พลางอธิษฐานจิตว่า “ถ้าหากตนและมารดาสามารถข้ามพ้นทะเลนี้ไปได้ จะพาสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นห้วงทุกข์แห่งวัฏสงสารไปด้วย”

พระพุทธองค์ทรงเห็นแจ้งทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จึงตรัสกับพระเถระว่า “ต่อไปในอนาคต นับแต่นี้ไป ๑๖ อสงไขยกับแสนมหากัป จะมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมาตรัสรู้ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น จะเป็นผู้พยากรณ์ให้” พระเถระได้นำความนั้นไปแจ้งต่อเจ้าหญิง พระนางเกิดความปีติโสมนัส ทรงตั้งพระทัยมั่นว่า จะต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลายาวนานเพียงใด ก็จะรอคอย และสั่งสมบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป

ตั้งแต่นั้นมา พระนางได้ถวายน้ำมันเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับสั่งสมมหาทานบารมีอื่นๆ อีกมากมาย ได้จัดแจงภัตตาหารอันประณีตพร้อมด้วยเครื่องสักการบูชา นำไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ทุกวันมิได้ขาด และได้สดับพระธรรมเทศนา ได้รู้รสแห่งธรรมจนเกิดความเบื่อหน่ายในโลกามิส จึงได้ออกประพฤติพรหมจรรย์ กลั่นกาย วาจา ใจของท่านให้บริสุทธิ์

นับตั้งแต่ชาตินั้น ท่านได้สร้างบารมีอย่างเต็มที่ตลอดมา จนสิ้น ๑๖ อสงไขยแสนมหากัป จึงได้เกิดเป็น สุเมธดาบส ในสมัยของ พระทีปังกรพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า “จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน ในอีก ๔ อสงไขย แสนมหากัป” ท่านฟังแล้วเกิดมหาปีติ ดีใจราวกับว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้ ในที่สุดความปรารถนาของท่านก็สัมฤทธิผล  เมื่อบารมี ๓๐ ทัศ เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ก็ได้มาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรา

เราจะเห็นได้ว่า ผู้ที่เป็นยอดนักสร้างบารมีอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มโนปณิธานของท่านมั่นคงแน่วแน่จะไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีภพชาติมาเป็นอุปสรรคทำให้ลืมเรื่องราวในอดีต แต่ท่านไม่เคยลืมมโนปณิธานอันสูงส่งที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ไม่ว่าจะต้องสร้างบารมีไปกี่ภพ กี่ชาติ ท่านก็ไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค ท่านเป็นบุคคลที่พร้อมเสมอต่อการสร้างบารมี มีใจมั่นคงต่อหนทางพระนิพพาน

พวกเราก็เช่นเดียวกันอย่าลืมความตั้งใจที่จะเข้าถึงพระธรรมกาย ปรารถนาที่จะศึกษาวิชชาธรรมกาย เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม เราจะต้องทำความปรารถนานี้ให้สำเร็จให้ได้ อย่ามัวผัดวันประกันพรุ่งไม่นั่งธรรมะ เราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ดูอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านปรารภความเพียรอย่างยิ่งยวด ไม่เคยหวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น เพราะท่านรู้ว่า สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น เป็นประโยชน์อย่างสูงสุดต่อตนเอง และมวลมนุษยชาติ

เพราะฉะนั้น เราต้องสวมหัวใจของพระบรมโพธิสัตว์ ต้องพร้อมเสมอต่อการสร้างบารมีในทุกสถานที่ทุกเวลา และทุกโอกาส เพื่อสันติสุขอันไพบูลย์ที่จะบังเกิดขึ้นแก่โลก งานสร้างบารมีเพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่อายตนนิพพานเป็นงานใหญ่ ต้องทำกันเป็นทีมจะขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ทุกคน คือ ส่วนสำคัญในการทำงาน เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม

เราควรนำศักยภาพในตัวออกมาใช้ให้เต็มที่ โดยเฉพาะการทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร ชักชวนกันสถาปนาบ้านกัลยาณมิตรเพื่อให้ชาวโลกได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม เขาจะได้ซาบซึ้งในรสแห่งธรรม และยึดมั่นในพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกไปจนตลอดชีวิต สิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดต่อมวลมนุษยชาติ

การสถาปนาบ้านกัลยาณมิตร ให้เป็นประดุจอริยสถานทิพยวิมานในเมืองมนุษย์ เป็นสิ่งที่ดีที่เราต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้นมากๆ ไปชักชวนกันมาสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนาพร้อมๆ กัน จะได้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยที่ไม่มีประมาณ บุญกุศลก็จะเกิดขึ้นกับทุกๆ คน ตัวเราจะมีความสุข ครอบครัวก็มีความสุข สังคมประเทศชาติก็จะสงบสุข เพราะทุกคนได้เข้าถึงความสุขภายใน  เพราะฉะนั้น บ้านกัลยาณมิตร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสันติสุขภายในที่จะแผ่ขยายไปเป็นสันติภาพโลก  ดังนั้น ให้หมั่นนั่งธรรมะกันทุกวัน ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้กันทุกคน

* มุนีนาถทีปนี (เจ้าหญิงสุมิตตาเทวี) โดยพระพรหมโมลี

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/7809
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับพระพุทธคุณ

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

1 thought on “ตามรอยบาทพระศาสดา”

  1. Niti Namsuwan

    น้อมกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุครับ
    🏵️🌼🌺🌸💮🌸🌺🌼🏵️💮🌸🌺🌼🏵️

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *