วิธีแก้กิเลสในตัว (กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา และอัพยากตา ธัมมา อยู่ในตัวของเรา)

วิธีแก้กิเลสในตัว (กุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา และอัพยากตา ธัมมา อยู่ในตัวของเรา)

ตราบใดที่มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังไม่หลุดพ้นจากอาสวกิเลส เสบียงในการเดินทางไกลในสังสารวัฏ คือ บุญกุศลนี้ ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การสั่งสมบุญทำได้ในทุกที่ ทุกโอกาส ทุกเวลานาที ขอเพียงให้เห็นคุณค่าของบุญ แล้วทุ่มเทสร้างความดีอย่างเต็มที่เต็มกำลังความสามารถ สักวันหนึ่งเมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยม ย่อมถึงเป้าหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน ได้เสวยเอกันตบรมสุขที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายต่างได้เข้าถึง

ถ้าเรารักบุญจริง ต้องทำบุญบ่อยๆ ทำแล้วก็ให้นึกถึงบ่อยๆ บุญนั้นจะได้ตามอำนวยสุขให้เราอย่างต่อเนื่อง เกิดกี่ภพกี่ชาติจะได้ประสบแต่ความสุข และความสำเร็จตลอดไป ยิ่งกว่านั้นบุญสำคัญที่จะขาดมิได้ก็คือ บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นบุญละเอียดที่จะช่วยกลั่นกาย วาจา ใจของเรา ให้สะอาดบริสุทธิ์ เป็นเหตุให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวง

* มีวาระพระบาลีใน พระอภิธรรมปิฎก ว่า

“กุสลา ธมฺมา
ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล ให้ผลเป็นความสุข
อกุสลา ธมฺมา
ธรรมทั้งหลายที่เป็นอกุศล ให้ผลเป็นความทุกข์
อพฺยากตา ธมฺมา
ธรรมทั้งหลายที่เป็นอัพยากตา ให้ผลเป็นกลางๆ ไม่สุขไม่ทุกข์”

พุทธพจน์ที่ได้ยกขึ้นมานี้ เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว ทุกท่านคงจะรู้สึกคุ้นหู เพราะได้ยินพระสวดบทนี้ ในงานบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมอยู่บ่อยๆ เพียงแต่อาจไม่เข้าใจความหมายว่ามีนัยลึกซึ้งเพียงไร โดยย่อ ก็เป็นอย่างที่ได้แปลเอาไว้ แต่ก็น่าอัศจรรย์ว่าเพียงถ้อยคำไม่กี่ประโยค กลับมีความหมายลึกซึ้งสุขุมลุ่มลึก ยากต่อการเข้าใจยิ่งนัก ท่านจึงเรียกหมวดธรรมนี้ว่า อภิธรรมหรือปรมัตถธรรม คือ ธรรมขั้นสูง ต้องอาศัยเวลาในการศึกษากันอย่างจริงจัง และต้องมีผู้รู้ที่เข้าใจอย่างแตกฉาน ทั้งภาคปริยัติ และภาคปฏิบัติมาอธิบายให้ฟัง เราจึงจะรู้แจ้งแทงตลอด โดยเฉพาะต้องศึกษาจนเกิดปฏิเวธ จึงจะเข้าใจไปตามความเป็นจริงได้

ขออธิบายให้ได้รับฟังกันย่อๆ พอเข้าใจตามสมควรแก่เวลา คือ มนุษย์เป็นเหมือนหุ่นที่ให้บุญและบาปเชิด ภายในตัวของเรามีทั้งบุญและบาป มีทั้งที่ไม่เป็นบุญไม่เป็นบาป คือ มีธรรมทั้งสามฝ่ายประกอบเข้ามาอยู่ในตัวของเรา ทั้งฝ่ายที่เป็นกุสลา ธัมมา อกุสลา ธัมมา และอัพยากตา ธัมมา อยู่ในตัวของเรานี่แหละ กุสลา ธัมมานั้นมีสีขาว ให้ผลที่เป็นอานิสงส์นำแต่ความสุขความเจริญมาให้ อกุสลา ธัมมา มีลักษณะสีดำ ให้ผลคือนำความทุกข์ ความโทมนัส ความเสื่อมมาให้ อัพยากตา ธัมมา คือ ธรรมที่ไม่เป็นบุญ ไม่เป็นบาป ไม่ใช่กุศล และอกุศล ให้ผลเป็นกลางๆ ที่ส่งผลอยู่ในตัวของเรา

ตัวของเราที่ประกอบด้วยกายยาววา หนาคืบ กว้างศอกนี้ เป็นเหมือนหุ่นให้ธาตุธรรมทั้งสามฝ่ายเชิดอยู่ภายในใจของเรา ขึ้นอยู่ว่าจะให้ธรรมฝ่ายไหนเข้ามาครอบครอง จะให้กุศล อกุศล หรืออัพยากตาก็แล้วแต่เรา ถ้าหากว่าเรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญากำกับแล้ว เราก็จะให้แต่ฝ่ายกุศลเข้ามาในใจของเรา ทำให้เราคิดพูดทำแต่สิ่งที่ดี นี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะไม่ว่าเราจะทำสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะติดเป็นผล ทั้งที่เป็นกุศล อกุศล และเป็นกลางๆ

แต่เดิมมนุษย์มีรูปสมบัติที่สมบูรณ์แข็งแรง ถึงพร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ มีทรัพย์สมบัติที่สนับสนุนหล่อเลี้ยง อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีคุณสมบัติที่เต็มเปี่ยมพร้อมหมด คือ มีทั้งวิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ พรั่งพร้อมด้วยญาณทัสสนะ การรู้ การเห็นที่ตรงไปตามความเป็นจริง คือ พร้อมที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมอย่างนี้

ต่อมาภายหลังฝ่ายอกุศลได้ส่งกิเลสเข้ามาหุ้มเคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็น สวมซ้อน ร้อยไส้ ในกลางของกลางกายมนุษย์ บังคับตลอดหมดทั้งโอกาสโลก ขันธโลก สัตวโลก เอาความโลภ ความโกรธ ความหลง โดยมีอวิชชาเป็นรากเหง้า เข้ามาร้อยอยู่ในกลางของกลาง ทำให้รูปสมบัติที่เคยสมบูรณ์พร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษเสื่อมถอยคุณภาพลง จนกลายมีเพศขึ้น มาเป็นเพศชายเพศหญิงในภายหลัง จากเดิมที่มีทรัพย์สมบัติ คอยหล่อเลี้ยงในละเอียดไม่ต้องทำมาหากิน อยู่ด้วยความสุขสบาย ทำให้สมบัติเหล่านี้พร่องขาดและหายไป ต้องเสียเวลาทำมาหากินตั้งแต่เกิดจนตาย

คุณสมบัติที่พรั่งพร้อมคือวิชชาทั้งหลายก็เสื่อมถอย ดวงเห็น จำ คิด รู้ที่สว่างไสวใหญ่โตเท่ากัน ที่เป็นญาณทัสสนะอันบริสุทธิ์สะอาดก็เสื่อมคุณภาพ หมอง แล้วก็มืดมัว คุณภาพน้อยลง ขนาดเล็กลง อานุภาพทั้งหลายก็เสื่อมถอย เพราะความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะมีอวิชชาเป็นรากนั่นเอง อวิชชามาบังคับธาตุธรรมของมนุษย์ให้ตกต่ำลง ทำลายรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติทั้งหลายให้เสื่อมถอยหายลงไปเรื่อยๆ

ความโลภ เป็นตัวที่กำจัดทรัพย์สมบัติ ที่ไม่เคยพร่องให้เสื่อมถอยลง ความโกรธมาทำให้รูปสมบัติ ที่พรั่งพร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษเสื่อมถอยลง ความหลง คือโมหะ ก็มากดทำให้คุณสมบัติ คือ วิชชา ๓ วิชชา ๘ อภิญญา ๖ เสื่อมถอยลง เสื่อมถอยลงไปเช่นนี้ เพราะอำนาจความโลภ ความโกรธ และความหลง ที่มีอวิชชาเป็นราก ดังนั้น ฝ่ายกุศล คือ ธาตุธรรมฝ่ายขาว จึงส่งผังที่มาแก้ความโลภ ความโกรธ ความหลงที่บังคับอยู่ในใจ เกิดเป็นบุญกิริยาขึ้นมา เป็นผังในการแก้ความโลภ ความโกรธ ความหลงของมนุษย์ให้หายไป

เพราะฉะนั้น ทานจึงบังเกิดขึ้น บุญที่เกิดจากการทำทานก็ตามมา เมื่อปรารถนาที่จะละความโลภให้หมดไปจากใจ จะต้องให้ทาน เมื่อทำทานตัดขาดออกจากใจแล้ว บุญกุศลจึงบังเกิดขึ้น ทรัพย์สมบัติที่สมบูรณ์บริบูรณ์บังเกิดขึ้นตามมา ต่อมาฝ่ายกุศลก็ส่งศีลเข้ามา เพื่อเป็นผังในการกำจัดความโกรธ เมื่อสมาทานตั้งใจรักษาศีลอย่างดีแล้ว ศีลย่อมกำจัดความโกรธให้หายไปจากใจ เมื่อความโกรธหายไป ก็จะทำให้รูปสมบัติสมบูรณ์ดีขึ้นมาตามลำดับ นอกจากนี้ฝ่ายกุศลจะส่งภาวนาลงมา เพื่อให้มนุษย์ใช้ภาวนากำจัดโมหะ คือ ความหลงให้ออกไปจากใจ เมื่อโมหะถูกกำจัดหายไป คุณสมบัติที่มีแต่เดิมจะค่อยๆ กลับคืนมา

ดังนั้น การที่เราประกอบกุศลธรรมมีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น นับเป็นผังที่สำคัญของกุศลธรรม ที่มีไว้เพื่อกำจัดอกุศล มีความโลภ ความโกรธ ความหลง มีอวิชชาเป็นรากให้สลายหายไป เมื่อเราทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนาดีแล้วย่อมชำระล้างหรือกลั่นธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ ให้สะอาดบริสุทธิ์และให้ผ่องใสได้ เพราะบุญกุศลทุกอย่างที่เราทำนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อการกำจัดอาสวกิเลส กำจัดสิ่งที่มาบังคับกายวาจาใจของเรา เมื่อกำจัดความโลภได้ ทรัพย์สมบัติก็บังเกิดขึ้น เมื่อกำจัดความโกรธให้เบาบางลงไปได้ รูปสมบัติที่สมบูรณ์ก็บังเกิดขึ้น เมื่อกำจัดความหลงให้หมดไปได้ คุณสมบัติที่สมบูรณ์ก็บังเกิดขึ้น ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีตามลำดับ

จิตดั้งเดิมของมนุษย์นั้นล้วนเป็นประภัสสร มีความสะอาด บริสุทธิ์ บริบูรณ์ แต่ถูกกิเลส และอุปกิเลสทั้งหลายจรมา เหมือนดังเมฆหมอกที่มาปิดบังความสว่างของพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ ทำให้มนุษย์ไม่เห็นถึงผังความเป็นจริงของชีวิต

ดังนั้น เมื่อเราตระหนักถึงคุณค่าในสิ่งเหล่านี้แล้ว ให้ปีติเบิกบานว่า บุญกุศลที่เราทำไปนี้ ถ้าทำให้ถูกหลักวิชชาแล้ว จะต้องเป็นไปเพื่อขจัดความโลภให้มลายหายสูญ ขจัดความโกรธให้เบาบางลง และขจัดความหลงให้มลายหายไป ใจของเราจะได้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใสเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญที่ปราศจากเมฆหมอก ซึ่งจะเป็นเหตุให้ได้รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ อันพรั่งพร้อมบริบูรณ์กลับคืนมา ขอให้ทุ่มเทสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ อย่าได้ประมาท อย่ามีข้อแม้ข้ออ้าง หรือเงื่อนไขใดๆ ในใจของเราจะได้มีแต่ กุสลา ธัมมา คือ ธรรมที่เป็นกุศลล้วนๆ เป็นธาตุธรรมฝ่ายขาว ที่ส่งผลเป็นความสุขให้เราไปทุกภพทุกชาติตราบถึงที่สุดแห่งธรรม

* มก. เล่ม ๗๕ หน้า ๑

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/15054
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *