วิธีเริ่มต้นปีใหม่ตามหลักพุทธวิธี (ควรตรึกระลึกนึกถึงว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จอุบัติขึ้นเพื่อสันติสุขของมวลมนุษยชาติ ระลึกถึงการสร้างบารมี มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์)

วิธีเริ่มต้นปีใหม่ตามหลักพุทธวิธี (ควรตรึกระลึกนึกถึงว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จอุบัติขึ้นเพื่อสันติสุขของมวลมนุษยชาติ ระลึกถึงการสร้างบารมี มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์)

ความเมตตาปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก เป็นทางมาแห่งสันติภาพอัน ไพบูลย์ เป็นคุณธรรมพื้นฐานที่จะทำให้มนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ไม่มีการแก่งแย่งรบรา ฆ่าฟันกัน อย่างที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ เมตตาธรรมจะช่วยค้ำจุนโลก เปลี่ยนแปลงกระแสโลกที่กำลัง ร้อนแรงด้วยไฟกิเลส เป็นกระแสแห่งความสงบสุขร่มเย็นที่เกิดจากใจที่ใสบริสุทธิ์ รุกเงียบไปใน บรรยากาศ มวลมนุษยชาติจะปรองดองกัน มีสมบัติสิ่งของเครื่องใช้ ที่พอจะแบ่งปันกันได้ ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยถือว่า สมบัติทั้งหลายเป็นของกลางของ โลก โลกทั้งโลกคือบ้านหลังใหญ่ ที่มีสมาชิกในบ้านมากมาย ซึ่งต่างเป็นหมู่ญาติ เพื่อนพ้อง พี่น้องกัน ต่างยังต้องเดินทางไกลในสังสารวัฏ ไปสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน

มีวาระพระบาลีใน อนนุโสจิยชาดก ความว่า

“น เหว ติฏฺฐํ นาสีนํ น สยานํ น ปตฺถคุ ํ
ยาวุปฺปตฺติ นิมิสฺสติ ตตฺราปิ สรต ี วโย

สัตว์โลกที่กำลังยืน นั่ง หรือเดิน อายุสังขารหาได้เป็นไปตามด้วยไม่ แม้วัยก็เสื่อมลงไปทุกขณะที่หลับตาและลืมตา”

ในช่วงนี้อยู่ใน เทศกาลส่งความสุขวันปีใหม่ ชาวโลกต่างพร้อมใจกันเฉลิมฉลองศักราชใหม่อย่างใหญ่โตมโหฬาร วัน ขึ้นปีใหม่ในทางพระพุทธศาสนาของเราไม่ค่อยกล่าวไว้เท่าไรนัก เพราะพระพุทธองค์ทรงถือว่า การที่ เรามีโอกาสลืมตามาดูโลกในทุกๆ เช้าวันใหม่นั้น นับเป็นโอกาสอันสุดวิเศษแล้ว ที่เราสามารถมีชีวิต รอดมาอีก ๑ วัน ฉะนั้นทุกวันจึงเป็นช่วงเวลาอันแสนประเสริฐ ที่จะเริ่มสั่งสมบุญ ปรารภความเพียร กันต่อไป แม้จะย่างเข้าสู่ปีใหม่ เรายังคงสร้างบารมีกันต่อไป และทำให้ยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา พระบรม ศาสดาทรงเน้นให้เรามีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เหมือนดังพุทธพจน์ที่ว่า

“บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สิ่ง ใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว สิ่งใดที่ยังมาไม่ถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง บุคคลใดเห็นแจ้งธรรม ปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่ง เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับ มัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่ ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย”

การกำหนดปีใหม่ ปี เก่า เป็นเรื่องที่สมมติกันขึ้นมา อันที่จริงแล้วจะปีเก่าหรือปีใหม่ คือวันหนึ่งคืนหนึ่งนั่นเอง แต่ที่มีการ กล่าวถึงวันปีใหม่ ก็เพื่อสะดวกในการนับอายุ จะได้รู้ว่าคน สัตว์ สิ่งของในโลกนี้มีอายุเพิ่มขึ้นกัน เท่าไรแล้ว แต่ละปีที่ผ่านไปเป็นสิ่งสำคัญต่อตัวเรามาก เราควรสำรวจตรวจตราดูงบดุลชีวิตของเราว่า ชีวิตเราก้าวหน้าขึ้น พัฒนาขึ้น สู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้มากเพียงไร เราได้กำไรชีวิตหรือว่า ขาดทุนชีวิต เหมือนพ่อค้านักธุรกิจที่ปิดบัญชี และคำนวณรายรับรายจ่ายประจำปีว่า ได้กำไรหรือขาด ทุนเท่าไร จากนั้นก็จะได้เริ่มต้นใหม่ในช่วงปีใหม่นี่แหละ

ใน อัคคัญญสูตร ได้กล่าวถึงการกำเนิดโลก กำเนิดวันเดือน ปีไว้อย่างพิสดาร ในวันนี้ขอนำมาเล่าย่อๆ ว่า ในสมัยที่โลกเริ่มเย็นตัวลง ง้วนดินได้บังเกิดขึ้น ง้วนดินเหมือนน้ำนมสดที่เคี่ยวแล้วทำให้เย็นสนิท มีกลิ่น หอมน่ารับประทานมาก
* ใน สมัยแรกๆ หมู่สัตว์ที่เกิดในอาภัสสราพรหม มีรัศมีสว่างไสว เหาะไปในอากาศได้ตามใจปรารถนา เมื่อ เหาะลงมายังโลกมนุษย์ ได้กลิ่นง้วนดิน ก็อยากลองลิ้มชิมรสดูว่าจะอร่อยไหม เมื่อรับประทานเข้าไปก็ เกิดติดอกติดใจ ครั้นบริโภคเข้าไปมากๆ เนื่องจากง้วนดินเป็นของหยาบ กายหยาบจึงหนักขึ้นเหาะไม่ ได้ รัศมีที่กายก็หายไป ความมืดก็เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเหลียวแลไปทางไหน ก็มีแต่ความมืดมนอนธการ ทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา จึงอธิษฐานอยากได้แสงสว่าง ทันใดนั้นเองดวงสุริยะก็บังเกิดขึ้นมาให้ ความสว่าง ขจัดความหวาดกลัวให้หายไป ทำให้เกิดความกล้าหาญ มีความร่าเริงยินดี สมัยนั้นเขาจึง เรียกพระอาทิตย์ว่าดวงสุริยะ เพราะหมายถึงดวงที่ทำให้เกิดความกล้า

ครั้นดวงสุริยะให้ แสงสว่างตลอดทั้งวันแล้วก็ดับไป หมู่สัตว์จึงอธิษฐานจิต อยากได้แสงสว่างขึ้นมาอีก เพื่อขจัดความ มืดมิดในยามราตรี ต่อมาพระจันทร์ก็ปรากฏขึ้นมาด้วยอานุภาพบุญของหมู่สัตว์ เมื่อพระจันทร์พระ อาทิตย์ปรากฏเกิดขึ้นมา หมู่ดาวนักษัตรก็ปรากฏขึ้น ตั้งแต่นั้นมาก็มีกลางคืน กลางวัน กึ่งเดือน เดือน หนึ่ง ฤดู ปี ซึ่งปรากฏเกิดขึ้นมาตามลำดับ ในวันที่พระจันทร์ พระอาทิตย์ปรากฏขึ้นนั้น ภูเขาสิเนรุ ภูเขาจักรวาล ป่าหิมพานต์ และภูเขาต่างๆ ก็ปรากฏขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๔ ไม่ก่อนไม่หลังกัน ในที่เนิน สูงๆ ก็เป็นภูเขา ในที่ลุ่มก็เป็นมหาสมุทร ในที่เสมอกัน ก็เป็นเกาะ เป็นแผ่นดิน

โลกของเราได้ วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่กิเลสในใจของมนุษย์ก็ยังตัวเดิม และยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ทำให้บรรยากาศโลกเปลี่ยนไปด้วย ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ภาษา และวัฒนธรรมก็หลากหลายเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความแตกต่างกันมากขึ้นๆ

ในอดีตที่ผ่านมา วันปีใหม่ของแต่ละประเทศจะไม่ตรงกัน เช่น ชาวจีนก็กำหนดวันตรุษจีนเป็นวันปีใหม่ ชาวคริสต์กำหนด วันคริสต์มาส ส่วนชาวไทยแต่ดั้งเดิมได้กำหนดวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งเป็นวันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ แต่ในปัจจุบันชาวโลกได้กำหนดวันที่ ๑ มกราคมของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ เพราะฉะนั้น เมื่อถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคมจึงเป็นวันสิ้นปี ซึ่งหมายถึงว่า โลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์มาครบ ๑ รอบแล้ว โดยใช้เวลา ๓๖๕ วัน คือ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมเป็นต้นมา

กาลเวลาได้ผ่านพ้น ไปปีแล้วปีเล่า มันไม่ได้ผ่านไปเฉยๆ แต่คร่าเอาชีวิตของสรรพสัตว์ให้เหลือน้อยลงไปทุกที การที่เรา สามารถประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดมาได้จนถึงวันที่ ๑ มกราคมนั้น นับว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐ ที่จะได้สร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ คือ อนาคตของอดีต และกำลังจะก้าวไปสู่ความเป็นอดีต ของอนาคต เพราะฉะนั้นเมื่อ ปรารถนาอยากให้อนาคตสดใส ต้องเริ่มต้นปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุด เมื่อเป็น เช่นนี้ ก็เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม ผู้มีปัญญาจึงเริ่มต้นหาบุญใส่ตัวให้มากที่สุด เพราะ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนสำหรับชีวิต แต่ปัจจุบันที่เรามีชีวิตมาถึงวันปีใหม่จึงนับว่าเป็นวันที่ดีที่สุด ควรที่จะเริ่มต้นด้วยการทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อเพิ่มเติมเสริมบารมี ให้สิ่งที่ดีมีสิริมงคลทั้งหลาย เกิดขึ้นกับตัวของเรา

ในเทศกาลปีใหม่ของคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธนั้น นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ตรึกระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จอุบัติขึ้นเพื่อสันติสุขของมวลมนุษยชาติ และบัดนี้พระพุทธองค์ก็ดับขันธปรินิพพานไปแล้วสองพันห้าร้อยกว่าปี เราจะได้ระลึกนึกถึงการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เมื่อส่งใจไปถึงพระพุทธองค์ ก็จะทำให้เรามีใจผูกพันกับพระรัตนตรัย จะได้เข้า ถึงฐานะอันประเสริฐ มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะภายใน มีความรักและความปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วม โลก

เมื่อปรารภเหตุวันขึ้นปีใหม่แล้ว เราควรรีบเร่งสั่งสมบุญบารมีกัน ตั้งแต่เช้าก็มาตักบาตรพระ ซึ่งเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณกาล มีการทำบุญขึ้นปีใหม่ด้วยการตัก บาตรกันทั่วประเทศ วันปีใหม่จึงเป็นวันที่อบอุ่นไปด้วยกระแสแห่งการสร้างความดีของชาวไทย มี การทำบุญบ้าน ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา หลายๆ ท่านอาราธนาศีล ตั้งใจว่าปีใหม่นี้จะยกใจ ให้สูงขึ้นด้วยการรักษาศีล ๕ ให้ได้ตลอด ๓๖๕ วัน และจะสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิไม่ให้ขาด ทำ ควบคู่กันไปพร้อมๆ กับภารกิจการงาน

เพราะฉะนั้นคืน ก่อนวันปีใหม่ ไม่ควรนอนดึก ไม่ควรไปเที่ยวเตร่เฮฮา เฉลิมฉลองกันด้วยน้ำเมาหรือเข้าบาร์เข้าคลับ ที่ไหน แต่ควรรักษาใจให้ผ่องใส เตรียมตัวต้อนรับวันใหม่ ด้วยการลุกขึ้นมาตักบาตรทำบุญกุศลกันดี กว่า เพราะการเฉลิมฉลองกันด้วยน้ำเมา หรือไปสนุกสนานตามสถานบันเทิงต่างๆ นั้น ไม่ใช่วิสัยของ อารยชน แต่เป็นของอนารยชนมากกว่า ปีใหม่ควรเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิม เพิ่มเติมบุญบารมี ของเราให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ

ส่วนการส่งบัตรอวย พรส่งความสุขให้กันนับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะให้กำลังใจแก่กัน และเพิ่มสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันให้แน่น แฟ้นมากยิ่งขึ้น เพราะการให้ย่อมผูกไมตรีไว้ได้ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของชนหมู่มาก แต่ข้อความในการ์ด ส.ค.ส. หรือถ้อยคำที่ไพเราะที่มอบให้กัน จะเกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่ ผู้ให้ต้องเข้าถึงแหล่ง กำเนิดแห่งความสุขภายใน กระทั่งมีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ มากพอที่จะให้ความสุขกับคนอื่น ได้

ดังนั้นการจะส่ง ส.ค.ส. หรือมอบความสุขให้ผู้ใด ควรเริ่มต้นให้ของขวัญแก่ตนเองก่อนเป็นอันดับแรก นั่นคือทำ ตัวเองให้เป็นผู้มีความสุขด้วยการปฏิบัติธรรม ทำใจให้หยุดนิ่งให้มีความบริสุทธิ์มากๆ เหมือนต้นไม้ แตกกิ่งก้านสาขา ผลิดอกออกผล มีร่มเงาเย็นสบาย ย่อมเป็นที่พักพิงให้ความร่มเย็นแก่สรรพสัตว์ทั้ง หลาย

วันปีใหม่ในสายตา ของนักปฏิบัติธรรมจะมองว่า อายุของเราเพิ่มขึ้นอีก ๑ ปี ความชรานำเราใกล้เข้าไปสู่ความตายเร็วขึ้น วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ บารมี อะไรที่ยังพร่องอยู่ก็จะเร่งสร้างให้เต็มที่ บุญชนิดไหนที่ทำมาเป็นประจำจะขวนขวายให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เราจะไม่ประมาทในวัยและชีวิต หรือสิ่งใดที่เคยประพฤติผิดพลาดพลั้งไปในปีเก่าที่ผ่านมา ก็จะปรับ ปรุงแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น เพื่อก้าวสู่ชีวิตใหม่ในศักราชใหม่ ให้เป็นศักราชชัยแห่งคุณงามความดี เป็น อารยชนผู้ทำตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง แก่บุญแก่บารมียิ่งๆ ขึ้นไป

ปีใหม่นี้เราต้อง มาทบทวนดูตัวของเราเองว่า จะลด ละ เลิกสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย แล้วดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางของ บัณฑิตนักปราชญ์ ก้าวสู่เส้นทางแห่งความบริสุทธิ์ของพระอริยเจ้า หมั่นประกอบความดี ทำความ เพียรให้มากยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา หากในใจคิดได้เช่นนี้ ในปีใหม่นี้จะเป็นปีทองของชีวิต เป็นปีแห่งการ เข้าถึงธรรมกายของพวกเรา ยอดนักสร้างบารมีทุกๆ คน

* มก. เล่ม ๑๕ หน้ า ๑๕ ๐

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/14969
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *