มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป

มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป

ปัจจุบันนี้ เราอยู่ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ยุคที่ข้อมูลข่าวสารสามารถส่งถึงกันได้อย่างรวดเร็ว เมื่อทางซีกโลกหนึ่งมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น อีกซีกโลกหนึ่งก็จะสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทันที ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดี กระแสแห่งความดีก็จะขยายไปทั่ว แต่ถ้ามีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น ก็จะเกิดผลกระทบกระเทือนไปทั่วโลกได้เช่นเดียวกัน ในทำนองเดียวกันหากเราทำความดี แม้จะเป็นความดีเพียงเล็กน้อย เพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ก็สามารถขยายผลดีไปทั่วโลกและจักรวาลได้ โดยเฉพาะความดีที่เกิดจากการเจริญภาวนาฝึกฝนใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่ง จะช่วยให้บรรยากาศของโลกเกิดความบริสุทธิ์ขึ้นได้ ทั้งโอกาสโลก ขันธโลก สัตวโลก สะอาดบริสุทธิ์หมด ดังนั้นการฝึกใจให้หยุดนิ่ง จึงเป็นกรณียกิจที่ทุกๆ คน ควรพร้อมใจกันลงมือปฏิบัติ เพื่อตัวของเราเอง เพื่อโลกของเราและจักรวาลของเราจะได้เกิดสันติสุขที่แท้จริง

* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ฐานสูตร ว่า

“มนุษย์ชาวชมพูทวีป ย่อมประเสริฐกว่ามนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและทวยเทพชั้นดาวดึงส์ด้วยฐานะ ๓ อย่างคือ เป็นผู้มีความองอาจกล้าหาญ เป็นผู้มีสติ และเป็นผู้สามารถประพฤติพรหมจรรย์ได้บริสุทธิ์ในพระพุทธศาสนา”

ปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ ต่างให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องโลกและจักรวาลไปต่างๆ นานา บ้างก็บอกว่า ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในดวงดาวที่ไกลโพ้นออกไป บ้างก็บอกว่า ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในโลกอื่น มีเฉพาะในโลกนี้เท่านั้น แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะยังไม่เคยมีใครเห็น อย่างมากก็เพียงได้ยินข่าวว่า มีจานบินเข้ามาในวงโคจรของโลกบ้าง มีมนุษย์ต่างดาวหลงเข้ามาบ้าง จริงเท็จอย่างไรไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ และยังคงต้องใช้เวลาศึกษากันอีกยาวนาน จึงจะพิสูจน์ได้

ในทางพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาไม่ได้ทรงปฏิเสธเรื่องมนุษย์ในโลกอื่น แต่ทรงเล่าถึงจักรวาลต่างๆ ซึ่งมีบันทึกไว้ในหนังสือพระไตรปิฎกหลายแห่ง เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งโลก ทรงค้นพบว่า นอกจากจักรวาลของเราแล้ว ยังมีจักรวาลอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน มีเป็นแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล พระพุทธองค์สามารถรู้เห็นได้หมดด้วยสัพพัญญุตญาณ ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ใต้ควงไม้ศรีมหาโพธิ์เมื่อสองพันกว่าปีก่อน นอกจากจะทรงเห็นมนุษย์ในโลกอื่น เช่น มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป และอปรโคยานทวีปแล้ว ยังเห็นหมู่สัตว์ที่ตกอยู่ในอบายภูมิ ในมหานรก หรือที่ไปเสวยสุขในสุคติโลกสวรรค์ ทรงเห็นตลอดหมด ทั้งนิพพาน ภพสาม โลกันต์ เป็นความรู้ความเห็นอันวิเศษ ที่ยิ่งกว่าตาของมนุษย์ ตาของชาวสวรรค์ พรหมหรืออรูปพรหม เพราะเห็นด้วยตาของธรรมกาย เป็นความจริงที่ทางวิทยาศาสตร์ยังตามไม่ทัน

พระองค์กล่าวไว้ว่า บางจักรวาลมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติเหมือนจักรวาลของเรานี่แหละ มีอัครสาวกเบื้องซ้ายเบื้องขวา มีพุทธบริษัทผู้ประพฤติธรรมเช่นเดียวกับเรา ในจักรวาลของเราเรียกว่า มงคลจักรวาล ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึง ๕ พระองค์ เรียกว่า ภัทรกัป ตอนนี้ก็ ๔ พระองค์แล้ว ยังเหลืออีกพระองค์หนึ่งซึ่งจะมาตรัสรู้ต่อไปในอนาคต

ในมงคลจักรวาลของเรา พระพุทธองค์กล่าวว่า เขาสิเนรุเป็นแกนกลางจักรวาล เป็นที่อยู่ของชาวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตามไหล่เขาทั้ง ๔ ทิศ มีรัตนะทิศละอย่าง แสงแห่งรัตนะที่ไหล่เขา ฉายส่องจับพื้นดิน มหาสมุทร ตลอดจนต้นไม้ใบหญ้า ต่างมีสีสันที่แตกต่างกันออกไป ทางด้านทิศเหนือ ไหล่เขาเป็นทองคำ นํ้าในมหาสมุทร ท้องฟ้า ต้นไม้ใบไม้ในอุตตรกุรุทวีปจึงเป็นสีทอง ปุพพวิเทหทวีปซึ่งอยู่ทิศตะวันออก ตามไหล่เขาสิเนรุในทิศนี้ เป็นเงินบริสุทธิ์ แสงที่ไปกระทบทวีปนี้จึงเป็นสีเงิน

ส่วนชมพูทวีปของเราอยู่ทางทิศใต้ ที่เชิงเขาจะเป็นแก้วมรกต ทำให้โลกมนุษย์ได้รับแสงสะท้อนเป็นสีเขียวมรกต ท้องฟ้า ทะเล ภูเขาต้นไม้ ก็จะดูเหมือนเป็นสีเขียวมรกตไปหมด อปรโคยานทวีปซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก มีแก้วผลึกแวววาวระยิบระยับ สะท้อนจากไหล่เขา จึงทำให้ทั้งทวีปเป็นประดุจแก้วผลึกใสบริสุทธิ์

ที่เราได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆ คือ อุตตรกุรุทวีป มนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปมีความประเสริฐกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ และชาวชมพูทวีป อยู่ ๓ อย่าง คือ ตั้งแต่เกิดจะไม่มีความทุกข์เหมือนอย่างกับเรา ไม่มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์ และมีอายุแน่นอน ไม่ตายก่อนกำหนด อย่างโลกของเราตายก่อนถึงเวลาอันควรก็มี อายุขัยเกินกว่าร้อยปีก็มี ชาวสวรรค์ก็คล้ายๆ กัน เทวดาบางท่านก็หมดบุญก่อน จึงต้องจุติลงมาเกิดใหม่

ชาวชมพูทวีปมีความประเสริฐกว่าชาวอุตตรกุรุทวีปและเทวดาชั้นดาวดึงส์ คือ จะเป็นผู้แกล้วกล้า ถ้าทำในสิ่งที่ดีก็สามารถทำตนให้หลุดพ้นจากทุกข์ ไปสู่ฝั่งอายตนนิพพานได้ ชาวชมพูทวีปจะเป็นผู้มีสติ และสามารถที่จะประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ฉะนั้นเราเกิดมาในโลกนี้ที่เรียกว่าชมพูทวีป ถือว่าเป็นผู้มีโชค ที่มาพบพระพุทธศาสนาและยังมีโอกาสได้ฟังธรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ท่านก็ถืออุบัติเฉพาะในชมพูทวีปเท่านั้น

การที่ชาวอุตตรกุรุทวีป ที่เขามีอายุแน่นอน เพราะทุกคนตั้งมั่นอยู่ในเบญจศีล บุญจึงส่งผลให้เขามีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบาย จะมีต้นกัลปพฤกษ์คอยบันดาลทุกสิ่งที่ปรารถนา ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ มีสระน้ำสวยงามที่เต็มไปด้วยดอกอุบล ดอกบัวหลวงนานาพันธุ์ ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง สุขภาพร่างกายไม่เสื่อมถอย ไม่ต้องลำบากในการประกอบอาชีพการงาน เพราะอยู่ด้วยอานุภาพบุญ ที่เอื้ออำนวยให้เกิดสมบัติต่างๆ ไม่มีอันตรายจากภัยพิบัติหรือจากสัตว์ร้ายต่างๆ มารบกวน

ดินอากาศฟ้าก็เป็นปกติสม่ำเสมอ ไม่ร้อนนัก ไม่หนาวนัก กำลังพอดีๆ อาหารคือข้าวสาลีก็เกิดขึ้นเอง ไม่ต้องหว่านไถ ครั้นถึงเวลาก็ออกรวงเอง มีกลิ่นหอม น่ารับประทาน เวลาจะหุงก็เพียงเอาหม้อข้าวไปวางบนศิลาเพลิงที่มีชื่อว่า โชติปาสาณะ ข้าวก็สุกเองโดยอัตโนมัติ เวลารับประทานก็ไม่ต้องไปแสวงหากับข้าว เพราะมีรสปรุงได้ส่วนอยู่แล้ว คุณค่าอาหารก็ครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ มาเบียดเบียน

หญิงที่ตั้งครรภ์ก็ไม่ลำบาก หรือทุกข์ทรมานเหมือนโลกของเรา เมื่อครบกำหนดคลอด ทั้งแม่ทั้งลูกก็ไม่ลำบาก ทารกที่คลอดออกมาไม่มีสิ่งปฏิกูลแปดเปื้อน เมื่อมารดาคลอดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวล จะไปไหนก็ได้ ทารกจะนอนนิ่งๆ ไม่ร้องไห้งอแง นี่ก็แปลกน่าอัศจรรย์ ใครมาพบเห็นเข้า พอเอานิ้วใส่ปากทารกก็จะมีน้ำนมไหลออกมาจากนิ้ว เลี้ยงก็ง่ายเพียง ๓ วัน ทารกก็ลุกขึ้นเดินได้แล้ว

เมื่อต้องการจะแต่งตัว ก็ไปนึกขอเอาที่ต้นกัลปพฤกษ์ เครื่องประดับต่างๆ ที่ต้องการ ก็จะเกิดขึ้นมาเอง ห้อยแขวนอยู่ตามลำต้น หรือกิ่งก้านใบของต้นไม้เป็นที่พออกพอใจทีเดียว ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน ผู้คนก็มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีต่อกัน ไม่มีการทะเลาะวิวาท บาดหมาง มีน้ำใจซึ่งกันและกัน ในห้วยหนองคลองบึง น้ำก็ใสสะอาดบริสุทธิ์มาก น้ำสะอาดปราศจากเปือกตม ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป อาบได้ดื่มกินได้อย่างสบายกายสบายใจ เวลาจะนอนพักผ่อน ถ้าเข้าไปใต้ต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่ง ต้นไม้นั้นก็จะมีสิ่งของเครื่องใช้บังเกิดขึ้นให้เป็นฟูก เป็นหมอน และผ้าห่ม พร้อมให้หลับนอนได้ทันที

เมื่อมีผู้ตายเสียชีวิต จะไม่มีใครร้องไห้คิดถึงกัน จะไม่มีน้ำตาแห่งความพลัดพราก จะจากกันด้วยความปลื้มปีติใจเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าหมดอายุขัยแล้ว จะต้องไปเกิดในสุคติภูมิ ก็จะช่วยกันเอาผ้าคลุมไว้ ซึ่งจะมีนกยักษ์ที่มีหน้าที่เก็บเอาซากศพไปไว้ที่เกาะอื่น ในทวีปนี้จึงไม่มีป่าช้า และสถานที่สกปรกโสโครก เมื่อสิ้นชีวิตลง จะพากันไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ทุกคน ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ไปบังเกิดในอบายภูมิ เพราะอำนาจบุญที่ทุกคนอยู่ในศีล ๕ มาโดยตลอด

ส่วนในทวีปอื่นๆ ก็มีความอุดมสมบูรณ์ดี เป็นอยู่คล้ายๆ กัน มีความสะดวกสบายกว่าเราเยอะ จึงไม่ค่อยจะสร้างบารมีให้พ้นทุกข์เหมือนกับเรา เพราะเขาคิดว่าแค่นั้นก็มีความสุขแล้ว นอกจากนี้ยังมีมนุษย์ในโลกอื่นอีกมากมาย ที่มีชีวิตเหมือนกับเรา เพียงแต่อยู่ไกลกันเกินกว่าที่ยานพาหนะใดๆ หรือเครื่องมือสื่อสารในโลกจะไปถึงได้

มีวิธีการหนึ่งที่จะไปรู้ไปเห็นได้ คือ ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมกาย ศึกษาวิชชาธรรมกายกันได้แล้ว จึงจะสามารถค้นคว้าเรื่องจักรวาลวิทยา และสามารถเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ในเรื่องที่พระบรมศาสดาทรงค้นพบแล้วว่า มีสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ในโลกอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน เป็นอนันตจักรวาลทีเดียว ดังนั้น อย่ามัวเสียเวลาตั้งสมมติฐานคาดคะเนด้นเดาเอาตามหลักทฤษฎีต่างๆ อยู่เลย แต่ให้พิสูจน์โดยลงมือปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมกายกันดีกว่า แล้วเราจะหายสงสัย ได้ทั้งความรู้แจ้ง ความสุขและความบริสุทธิ์ มีที่พึ่งภายในกันทุกคน

* มก. เล่ม ๓๗ หน้า ๗๙๐

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/14572
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๒

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีป”

  1. ✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *