สัตถันตรกัป ๗ วัน (เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิไม่ได้ประพฤติจักกวัตติวัตร)

สัตถันตรกัป ๗ วัน (เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิไม่ได้ประพฤติจักกวัตติวัตร)

     การไปสู่อายตนนิพพานเปรียบเสมือนการเดินทางไกล จึงจำเป็นต้องมีเสบียงคือบุญ เป็นเครื่องสนับสนุนให้เราได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ท่านได้สร้างบารมี ๓๐ ทัศจนเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ในที่สุดพระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะอาศัยบุญอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นบุญจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องให้ความสำคัญ  เมื่อโอกาสแห่งการสร้างบุญสร้างบารมีมาถึง จงอย่าปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย ให้รีบขวนขวายกันให้เต็มที่

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน จักกวัตติสูตร ความว่า
     “นาหํ ภิกฺขเว อญฺญํ เอกพลมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ ทุปฺปสหํ ยถายิทํ ภิกฺขเว มารพลํ กุสลานํ ภิกฺขเว ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ
     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นแม้กำลังสักอย่างหนึ่ง อันข่มได้แสนยาก เหมือนกำลังของมารเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุญจะเจริญขึ้นได้ เพราะเหตุที่ถือมั่นในกุศลธรรมทั้งหลาย”

     กำลังของมารมีมาก สัตว์โลกทั้งหลายล้วนตกอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพญามาร เขาเอากิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มาบังคับให้ทำอกุศลกรรม กระแสแห่งบาปกรรมครอบงำ ทำให้เกิดความเสื่อม ทั้งอายุ วรรณะ สุขะ พละ ก็เสื่อมหมด และยังทำให้ชาวโลกเสื่อมจากความดีทั้งหลาย เหินห่างจากการสร้างบารมี ยุคแห่งความเสื่อมนี้เรียกว่ายุคที่กัปไขลง มนุษย์จะมีอายุลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเหลือเพียง ๑๐ ปี โดยเฉลี่ยเท่านั้น

     * ดังเรื่องที่มีมาในอดีตกาล พระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่า ทัฬหเนมิ ผู้ทรงธรรม มีราชอาณาจักรมั่นคง ปกครองทวีปที่มีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว ขุนพลแก้ว และขุนคลังแก้ว ทรงมีพระราชโอรสกว่าพันพระองค์ ล้วนกล้าหาญ พระองค์ทรงชนะข้าศึกโดยธรรม ไม่ต้องมีการบังคับ ไม่ต้องใช้อาวุธ ทรงปกครองแผ่นดินมาหลายพันปี ครั้งหนึ่งได้รับสั่งกับราชบุรุษว่า “ถ้าหากเห็นจักรแก้วอันเป็นทิพย์เคลื่อนออกจากที่ ก็ให้บอกทันที”

     ครั้นต่อมาอีกหลายพันปี ราชบุรุษเห็นจักรแก้วเคลื่อนจากที่ จึงรีบกราบทูล พระองค์ตรัสเรียกพระราชโอรส แล้วรับสั่งว่า “ถ้าจักรแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์ใดถอยเคลื่อนจากที่ พระเจ้าจักรพรรดิพระองค์นั้นจะทรงพระชนม์อยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นในช่วงบั้นปลายชีวิต พ่อจะแสวงหาความสุขในเพศสมณะ ลูกจงปกครองแผ่นดินแทนพ่อด้วย” แล้วพระองค์ก็ออกผนวช เมื่อครบ ๗ วัน จักรแก้วจึงค่อยอันตรธานหายไป

     พระองค์จึงตรัสกับพระโอรสว่า “ถ้าลูกปรารถนาจักรแก้ว ให้ประพฤติจักกวัตติวัตรอันประเสริฐ ให้สนานพระเศียร แล้วรักษาอุโบสถศีลในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ จักรแก้วจะปรากฏขึ้นอีก จักกวัตติวัตร คือ การทำความเคารพสักการะนับถือบูชาธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ และปกครองแผ่นดินโดยธรรม ให้เว้นจากสิ่งที่เป็นอกุศลธรรม หากมหาชนในแว่นแคว้นไม่มีทรัพย์ จงให้ทรัพย์ และให้หมั่นเข้าไปหาสมณพราหมณ์ในกาลอันสมควร เพื่อปฏิบัติตามโอวาทของท่าน นี่คือจักกวัตติวัตรอันประเสริฐ ”

     พระเจ้าจักรพรรดิทุกพระองค์ ได้สืบต่อราชวงศ์ด้วยการประพฤติจักกวัตติวัตรตลอดมา จนถึงพระองค์ที่ ๘ เมื่อจักรแก้วอันตรธานไป ก็เพราะพระองค์ไม่ได้ทรงประพฤติจักกวัตติวัตร แต่ทรงปกครองประชาราษฎร์ตามความพอพระทัยของพระองค์เอง ประเทศจึงไม่เจริญเหมือนสมัยพระเจ้าจักรพรรดิองค์ก่อนๆ แม้เหล่าอำมาตย์ข้าราชบริพารโหราจารย์และประชาชน ได้ประชุมกันกราบทูลให้พระองค์ประพฤติจักกวัตติวัตรก็ตาม แต่พระองค์กลับปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

     เมื่อไม่มีการให้ทาน ความขัดสนจึงเกิดขึ้น เมื่อความขัดสนมากขึ้น การลักขโมยก็เกิดขึ้น ครั้นถูกจับได้พระราชาก็พระราชทานทรัพย์ให้ แล้วรับสั่งว่า “ให้เอาไปเลี้ยงชีพ เลี้ยงมารดาบิดา เลี้ยงบุตรภรรยา ประกอบอาชีพการงาน และบำรุงสมณพราหมณ์”

     ต่อมาเมื่อการลักขโมยมีเพิ่มมากขึ้นทุกที เพราะหวังว่าพระราชาจะพระราชทานทรัพย์ให้เช่นนี้ พระองค์จึงดำริว่า ถ้าเราให้ทรัพย์แก่คนที่ขโมยอยู่ร่ำไป อทินนาทานก็จะมีมากขึ้น จึงเปลี่ยนมาทำโทษด้วยการตัดศีรษะขโมยเหล่านั้นเสีย เมื่อต้องแก้ปัญหาด้วยการฆ่า การฆ่าตอบก็เกิดขึ้น พวกขโมยพากันทำอาวุธของมีคมเพื่อไว้ต่อสู้ป้องกันตัว ไม่ให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจับได้ อีกทั้งทำการปล้นสะดมในหมู่บ้าน ในพระนคร ตลอดจนตามถนนหนทางทั่วทุกหนทุกแห่ง

     เมื่อพระราชาไม่ให้ทาน ก็เกิดความขัดสน เมื่อเกิดความขัดสน การลักขโมยก็เกิด ทำให้มีการทำอาวุธ การฆ่าการเบียดเบียนก็เกิดขึ้น แล้วมุสาวาทการโกหกก็เกิดตามมา เมื่อมุสาวาทเกิด อายุวรรณะก็เสื่อมถอย ที่เสื่อมเพราะมนุษย์มีกิเลสเพิ่มขึ้น มนุษย์ที่มีอายุแปดหมื่นปี จะมีอายุลดลงเหลือสี่หมื่นปี สองหมื่นปี บุตรของมนุษย์ที่มีอายุสองหมื่นปี จะมีอายุถอยลงเหลือหนึ่งหมื่นปี เมื่อมนุษย์มีอายุหนึ่งหมื่นปี บางคนมีผิวพรรณวรรณะดี บางคนมีวรรณะไม่ดี การประพฤติผิดในภรรยาของผู้อื่นก็เกิดขึ้น

     จากนั้นมนุษย์ที่มีอายุหนึ่งหมื่นปี จะมีอายุถอยลงเหลือห้าพันปี แล้วการพูดจาส่อเสียดหยาบคายก็เกิดขึ้น อายุของมนุษย์จะถอยลงเหลือสองพันห้าร้อยปี อภิชฌา และพยาบาทจะเกิดขึ้น อายุของมนุษย์จะถอยลงเหลือหนึ่งพันปี มิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดจึงเกิดขึ้น อายุของมนุษย์จะถอยลงเหลือ ๕๐๐ ปี แล้วธรรม ๓ ประการ คือ อธรรมราคะ วิสมะโลภะคือความเพ่งเล็งโลภจัด และมิจฉาธรรม จึงเกิดขึ้น อายุมนุษย์จะถอยลงเหลือ ๒๕๐ ปี ตอนนี้การปฏิบัติที่ไม่ถูกไม่ควรในมารดา บิดา สมณะ พราหมณ์ ความไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลก็บังเกิดขึ้น

     อายุมนุษย์จะลดลงเรื่อยๆ จนถึงยุคที่มนุษย์มีอายุเหลือเพียง ๑๐ ปี เด็กหญิงที่มีอายุ ๕ ปีจะมีสามี แล้วเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และเกลือ จะอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น จะเหลือเพียงหญ้ากับแก้ที่เป็นอาหารอย่างดี เหมือนข้าวสาลี เนื้อ ข้าวสุก ที่เป็นอาหารอย่างดีในปัจจุบันนี้ กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการจะอันตรธานหายไปหมดสิ้น อกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการจะรุ่งเรืองขึ้น แม้แต่คำว่ากุศลก็ไม่มีใครได้ยิน คนทำกุศลก็ไม่มี

     คนทั้งหลายจะประพฤติปฏิบัติผิดต่อมารดาบิดาสมณพราหมณ์ และจะไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล เขาจะไม่มีจิตคิดเคารพยำเกรงว่า นี่แม่ นี่พ่อ นี่ลุงป้าน้าอา นี่ภรรยาของอาจารย์ สัตว์โลกจะสมสู่ปะปนกัน เหมือนแพะ ไก่ สุกร สุนัข  ดังนั้นสัตว์ต่างๆ จะเกิดความอาฆาตพยาบาทคิดร้ายฆ่ากันอย่างรุนแรง แม้ว่าจะเป็นญาติกัน

     สัตถันตรกัป ๗ วัน จะเกิดขึ้น มนุษย์จะสำคัญกันและกันว่าเป็นเนื้อ ที่เรียกว่า ยุคมิคสัญญี อาวุธที่แหลมคมจะปรากฏในมือของพวกเขา และจะประหารกันเอง แต่จะมีคนบางพวกที่มีความคิดว่า พวกเราอย่าฆ่ากันเลย เราควรเข้าไปในป่าตามเกาะ ตามซอกเขา มีรากไม้ และผลไม้เป็นอาหารตลอด ๗ วัน

     เมื่อครบ ๗ วัน ต่างพากันออกมา และดีใจที่ได้พบกันอีก ต่างตั้งใจทำกุศลรักษาศีล ๕  ทำให้อายุวรรณะเจริญขึ้น อายุของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นจาก ๑๐ ปี เป็น ๒๐ ปี ๔๐ ปี ๘๐ ปี ๑๖๐ ปี ๓๒๐ ปี ๖๔๐ ปี สองพันปี สี่พันปี แปดพันปี สองหมื่นปี สี่หมื่นปี แปดหมื่นปี  เมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี จะมีโรค ๓ อย่างเท่านั้นคือ ความอยากกิน ความไม่อยากกิน และความแก่ ยุคนั้นจะมั่งคั่งรุ่งเรือง จะมีราชธานีชื่อว่า “เกตุมดี” มีพระเจ้าจักรพรรดิทรงพระนามว่า สังขะ อุบัติขึ้น แล้วพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าเมตไตรย จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ยังโลกนี้ให้พบกับสันติสุขที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง

     เราจะเห็นว่า ความเจริญหรือเสื่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของมนุษย์ ถ้าทุกคนเป็นผู้ไม่ประมาทประพฤติแต่กุศลธรรม โลกก็เจริญขึ้น สันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้น  ดังนั้น ให้พวกเรายึดมั่นในกุศลธรรม ให้ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาให้มากๆ และหมั่นปฏิบัติธรรมให้ได้ทุกวัน ตั้งใจฝึกใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกายกันให้ได้ทุกคน

* มก. เล่ม ๑๕ หน้า ๙๙

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/14192
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับสารธรรม ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *