ธรรมะเพื่อประชาชน

พุทธชิโนรส (๖) – พระราหุลเถระ

พุทธชิโนรส (๖) ภายใต้กระแสโลกในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเพื่อจะเอาชนะ บางคนต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ชัยชนะภายนอกยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริง เพราะผู้ชนะย่อมก่อเวร จากคู่แข่งเปลี่ยนมาเป็นคู่แค้น เป็นชัยชนะที่ไม่ยั่งยืน วันหนึ่งก็ต้องกลับพ่ายแพ้ ไม่มีใครที่เป็นผู้ชนะตลอดกาล แต่สำหรับนักสร้างบารมีแล้ว เราต้องเร่งสร้างบารมีแข่งกับวันเวลาของชีวิตที่เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ นี่คือคู่แข่งที่แท้จริงของเรา แม้เวลาจะเหลือน้อยลง แต่บุญบารมีของเราต้องให้เพิ่มขึ้นทับทวี ทั้งทาน ศีล ภาวนา สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราจะต้องเอาชนะคือ กิเลสอาสวะภายใน ยามใดที่เรากำจัดกิเลสอาสวะได้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เป็นชัยชนะที่มีแต่ความสุขล้วนๆ เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีวันกลับมาแพ้อีก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สุภสูตร ทีฆนิกาย ว่า “ดูก่อนมารผู้กระทำซึ่งที่สุด ตัวท่านเป็นผู้ที่เรากำจัดเสียแล้ว ชนเหล่าใดสำรวมดีแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ ชนเหล่านั้น ย่อมไม่ตกอยู่ในอำนาจของมาร ชนเหล่านั้น ไม่เดินตามหลังมาร” การสำรวมกาย วาจา ใจ เป็นการสั่งสมความบริสุทธิ์ตั้งแต่กายภายนอก เข้าไปสู่จิตใจภายใน ความบริสุทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถกำจัดกิเลสอาสวะเอาชนะพญามารได้ เมื่อความบริสุทธิ์เต็มเปี่ยม ความสะดุ้งกลัวต่อพญามารจะหมดสิ้นไป แต่กลับเป็นฝ่ายมารที่สะดุ้งกลัวต่อบุคคลผู้มีกาย วาจา ใจ บริสุทธิ์บริบูรณ์เต็มเปี่ยม ดังนั้น ความบริสุทธิ์กาย …

พุทธชิโนรส (๖) – พระราหุลเถระ Read More »

สุมนสามเณร

สุมนสามเณร ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเรา เพราะจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมนำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล ปัจจุบันมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เมื่อไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ชีวิตจึงต้องเวียนวนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องร้อยรัดพันธนาการ แต่เมื่อได้ฟังพระสัทธรรม จะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แล้วมุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ    อหึสา สญฺสุมนสามเณร ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเรา เพราะจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมนำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล ปัจจุบันมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เมื่อไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ชีวิตจึงต้องเวียนวนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องร้อยรัดพันธนาการ แต่เมื่อได้ฟังพระสัทธรรม จะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แล้วมุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ    อหึสา สญฺญโม ทโม ส เว วนฺตมโล ธีโร    …

สุมนสามเณร Read More »

สามเณรนิโครธ (๑)

สามเณรนิโครธ (๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูของเรา ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว มีความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งปวง ได้เข้าถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน อันเป็นแดนเกษมจากโยคะ ที่ความทุกข์ใดๆ เข้าไปไม่ถึง จึงมีแต่ความสงบเย็น เป็นสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปนเลย เป็นเอกันตบรมสุข แต่กว่าที่พระองค์จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดนี้ได้ ก็ต้องสั่งสมบารมีกันมายาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วน พวกเราซึ่งเป็นชาวพุทธก็ต้องเจริญรอยตามพระองค์ ตั้งใจสั่งสมความดีให้เต็มที่ หมั่นเจริญสมาธิภาวนากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ปัพพชิตวิเหฐกชาดก ว่า “โย ทิสฺวา ภิกฺขุ จรณูปปนฺนํ ปุรกฺขิตฺวา ปญฺชลิโก นมสฺสติ ทิฏฺเฐว ธมฺเม ลภเต ปสํสํ สคฺคญฺจ โส ยาติ สรีรเภทา ผู้ใดเห็นภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยจรณะ ให้ท่านยืนอยู่เบื้องหน้า ประคองอัญชลีนมัสการแล้ว ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญในปัจจุบัน เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์” ความสุขในโลกนี้มีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ความสุขที่ต้องอาศัยวัตถุ เรียกว่าอามิสสุข เป็นความสุขที่เกิดจากตาได้เห็นรูปสวยๆ หูได้ยินเสียงเพราะๆ ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ได้สัมผัสที่นุ่มนวล …

สามเณรนิโครธ (๑) Read More »

สามเณรนิโครธ (๒)

สามเณรนิโครธ (๒) ความขยันหมั่นเพียรเป็นทางมาแห่งความสำเร็จ เป็นวิริยบารมีที่นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายต่างก็ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยเฉพาะความเพียรในการขจัดกิเลสอาสวะออกจากใจ ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ ยิ่งถ้าหากเพียรพยายามชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์มากเพียงใด เราจะมีโอกาสหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จากความเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารได้มากเพียงนั้น ดังนั้น เราจึงต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจ สั่งสมบุญ และเพียรพยายามในการนั่งสมาธิเจริญภาวนากันให้มากๆ ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “หากว่าบุคคลมีธรรมประดับแล้ว เป็นผู้สงบแล้ว ฝึกตนแล้ว เป็นคนเที่ยงตรง เป็นพรหมจารี เลิกอาชญากรรมในสัตว์ทั้งปวง พึงประพฤติธรรมสมํ่าเสมอ ผู้นั้นก็ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ ผู้นั้นก็ชื่อว่า เป็นสมณะ ผู้นั้นก็ชื่อว่า เป็นภิกษุ” สมณะ คือ ผู้สงบกาย วาจา ใจ มาตรฐานของสมณะที่ดี ต้องสงบกายคือ มีความสำรวม ไม่คะนองมือคะนองเท้า ต้องอนูปฆาโต ไม่เข้าไปทำร้ายใคร นอกจากนี้แล้ว สมณะยังต้องคำนึงถึงสมณสารูปคือ จะทำอะไรต้องให้ควรแก่สมณวิสัย คำนึงถึงปัณณัตติวัชชะคือ โทษที่เกิดจากประพฤติผิดพระธรรมวินัย ที่พระบรมศาสดาทรงบัญญัติไว้ และโลกวัชชะคือ สิ่งที่ชาวโลกติเตียน สิ่งไหนที่ชาวโลกทำผิดกฎหมายบ้านเมือง สมณะก็ต้องงดเว้น อย่าไปทำ …

สามเณรนิโครธ (๒) Read More »

สามเณรนิโครธ (๓)

สามเณรนิโครธ (๓) การดำเนินชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยในสังสารวัฏ เราจะต้องรู้ว่าสิ่งไหนเป็นบุญ สิ่งไหนเป็นบาปอกุศล แล้วดำรงตนให้อยู่ในเส้นทางแห่งบุญ เส้นทางแห่งความดี เพราะถ้าไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้แล้ว จะทำให้เราพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศล ทำให้ชีวิตมัวหมองได้ เมื่อไม่รู้ก็ต้องแสวงหาผู้รู้ เข้าไปสอบถามในสิ่งที่สงสัย ที่สำคัญต้องหมั่นเข้าไปหาผู้รู้ภายในคือพระธรรมกาย ด้วยวิธีการหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แสวงหาความรู้แจ้งที่เกิดจากปัญญาอันบริสุทธิ์ แล้วเราจะเข้าถึงผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งภายใน และจะได้แนวทางที่ถูกต้องสมบูรณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน กุลสูตร ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตผู้มีศีลทั้งหลาย เข้าไปหาสกุลใด มนุษย์ในสกุลนั้นย่อมประสบบุญเป็นอันมาก โดยฐานะ ๕ ประการ คือ สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล จิตของพวกมนุษย์ ย่อมเลื่อมใส สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ ให้เป็นไปพร้อมเพื่อสวรรค์ สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ พากันลุกต้อนรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ ให้เป็นไปพร้อมเพื่อเกิดในสกุลสูง สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปสู่สกุล พวกมนุษย์ย่อมกำจัดมลทินคือความตระหนี่ สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ทำตน ให้เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปสู่สกุล …

สามเณรนิโครธ (๓) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑) คนเราทุกๆ คน ล้วนมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตในภพชาติปัจจุบันและชีวิตในสัมปรายภพ ตลอดจนกระทั่งชีวิตในสังสารวัฏ จึงพากันแสวงหาบุคคลที่จะเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้แก่ตนเอง แม้ว่าเราจะมีความพยายามแสวงหา แต่ถ้ายังไม่พบกัลยาณมิตรผู้เป็นต้นบุญต้นแบบ เราจะดำเนินชีวิตผิดพลาดประมาทอยู่เสมอ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ที่สุด  ฉะนั้น การได้พบกัลยาณมิตรมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น จึงถือว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวที่แท้จริงของชีวิต เช่น อยากรู้ว่าเกิดมาจากไหน มาทำไม  อะไรคือเป้าหมายของชีวิต อะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด เมื่อเกิดคำถามก็จะทำให้แสวงหาคำตอบ ทำให้เราแสวงหาเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดำเนินชีวิตอยู่เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีเถรีวาทะอันเป็นอมตวาจาที่ปรากฏใน เถรีคาถา ความว่า “ในที่ใด ไม่มีความแก่หรือความตาย ไม่มีการสมาคมด้วยสัตว์และสังขารอันไม่เป็นที่รัก ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั้นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน” ในทุกโลกธาตุ ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีพื้นฐานของชีวิตเหมือนกัน คือ ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ไม่มีที่ใดเลยที่จะพ้นจากวัฏจักรอันเวียนวนนี้ไปได้ ยกเว้นที่แห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความแก่ ความเจ็บหรือความตาย ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั่นเป็นอสังขตสถานคือ สถานที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ บริสุทธิ์ล้วนๆ ด้วยธรรมธาตุอันเป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม ที่นั้นผู้รู้เรียกกันว่า …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒) สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็มีเวลาที่เสียไป ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาไม่เท่ากัน บางคนได้บุญเพิ่ม บางคนได้บาปอกุศลเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน  ฉะนั้น การที่เรามีความคิดว่า จะต้องมีชีวิตอยู่อีกยาวนานนั่นเป็นสิ่งที่เราคิดเอาเอง เพราะในความเป็นจริงแล้ว อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เราจะเดินทางออกจากร่างกายนี้เมื่อไรก็ไม่รู้ ชีวิตในโลกนี้ไม่สั้นนิดเดียว แต่ชีวิตหลังความตายนั้นยาวนานนัก เราเหลือเวลาอยู่น้อยเต็มที ที่ว่าน้อยนั้นคือน้อยสำหรับการสร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป  เพราะฉะนั้น เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนี้  สั่งสมความดีความบริสุทธิ์ทั้งทางกาย วาจา และใจให้เต็มที่ มีวาระพระบาลีที่พระผู้พระภาคเจ้าตรัสไว้ใน พราหมณ์วรรค ว่า “ยสฺส กาเยน วาจาย   มนสา นตฺถิ ทุกฺกตํ สํวุตํ ตีหิ ฐาเนหิ       ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ความชั่วทางกาย วาจา และใจของบุคคลใดไม่มี เราเรียกบุคคลนั้น ผู้สำรวมแล้วโดยฐานะ ๓ ว่า เป็นพราหมณ์” การขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นจากใจเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเราสามารถกำจัดกิเลส ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วทั้งหลายให้หมดสิ้นไปได้ เราก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง บริสุทธิ์ทั้งทางกาย …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓) ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ล้วนถูกบังคับบัญชาด้วยธรรมสามประการคือ กุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรม ธรรมทั้ง ๓ ประการนี้ จะสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาครอบครองจิตใจของเรา จะมีการชิงช่วง และช่วงชิงกันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เราควรจะหวงแหนเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวินาที ให้จิตใจของเราเกาะเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ไม่ควรไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ควรใช้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันอยู่กับการสร้างบารมี แล้วชีวิตของเราถึงแม้จะเป็นของน้อย แต่จะทรงคุณค่าอย่างมหาศาล เป็นเวลาที่จะเป็นไปเพื่อการแสวงหาความบริสุทธิ์หลุดพ้น เป็นเวลาที่มุ่งแต่แสวงหาพระรัตนตรัยภายใน เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะเลิศไปกว่าใจที่บริสุทธิ์ และไม่มีสิ่งใดที่ประเสริฐกว่า การได้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน มีพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า “อปฺปมายุ มนุสฺสานํ    หิเฬยฺย นํ สุโปริโส จเรยฺยาทิตฺตสีโสว      นตฺถิ มจฺจุสฺส นาคโม อายุของมนุษย์มีน้อย คนดีพึงดูถูกอายุนั้นเสีย พึงประพฤติตน ดุจคนมีศีรษะถูกไฟไหม้ มฤตยูที่จะไม่มาถึงย่อมไม่มี” ชีวิตของเรามีระเบิดเวลาที่พญามัจจุมารตั้งไว้ พร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเวลา เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าจะระเบิดขึ้นเมื่อใด และเมื่อระเบิดเวลาในชีวิตได้ระเบิดขึ้น ถึงเวลานั้นเราได้เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลไปสู่ปรโลกแล้วหรือยัง ถ้าเราเตรียมตัวไว้ไม่พร้อม เราจะหวาดหวั่นต่อมรณภัยที่มาปรากฏอยู่เฉพาะเบื้องหน้า แต่ถ้าเราได้เตรียมตัวไว้อย่างดีแล้ว ไม่ว่าระเบิดเวลาจะระเบิดขึ้นเวลาไหนช้าหรือเร็ว เราจะไม่สะดุ้งหวาดกลัวต่อพญามัจจุราช …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓) Read More »

พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้รัตตัญญู (๒)

พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้รัตตัญญู (๒) สรรพสิ่งในโลก เป็นเพียงเครื่องอาศัยสำหรับใช้สร้างบารมี ไม่ใช่มีไว้สำหรับให้ยึดมั่นถือมั่น เพราะเราเกิดมาในโลก เพียงอาศัยสิ่งเหล่านี้สร้างบารมี อย่าไปคิดว่ามันเป็นจริงเป็นจัง สมบัติทั้งหลายเป็นของกลางของโลก ที่จะช่วยให้เราสร้างบารมีได้สะดวกสบาย เราจะได้มุ่งแสวงหาสิ่งที่เป็นสาระของชีวิต เป็นความจริงอันประเสริฐที่เรียกว่า อริยสัจ มีใจมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน ชีวิตเราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง พระวังคีสเถระได้สรรเสริญพระอัญญาโกณฑัญญะต่อเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า * “พระอัญญาโกณฑัญญะเถระนี้ เป็นผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธองค์ก่อนใคร เป็นผู้มีความเพียรเครื่องก้าวหน้าอย่างแรงกล้า เป็นผู้ได้ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข อันเกิดแต่วิเวกเนืองนิตย์ คุณอันใดที่พระสาวกผู้ทำตามคำสอนของพระศาสดาพึงบรรลุ คุณอันนั้นทุกอย่าง พระอัญญาโกณฑัญญะเถระผู้ไม่ประมาท ได้บรรลุแล้วโดยลำดับ เป็นผู้มีอานุภาพมาก เป็นผู้ได้วิชชา ๓ เป็นผู้ฉลาดในเจโตปริยญาณ เป็นธรรมทายาทของพระพุทธองค์ มีปกติกราบไหว้ซึ่งพระบาททั้งสองของพระศาสดา” ในวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน เป็นตอนที่น่าสนใจมาก เพราะจะได้รู้ว่า เมื่อท่านปรินิพพานแล้ว มีการจัดพิธีการเกี่ยวกับเรื่องสรีระร่างของท่านอย่างไร ต้องถือว่าเป็นงานประชุมเพลิงที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะมีช้างและเทวดาเป็นแม่งาน ซึ่งไม่เคยมีปรากฏที่ไหนมาก่อน เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อพระเถระแม้จะหลีกเร้นเพื่อปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าหิมพานต์นานถึง ๑๒ ปี แต่ในระหว่างนั้น ท่านก็ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตร บำเพ็ญประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยได้เทศน์สอนเทวดา นาค ยักษ์ ครุฑ คนธรรพ์ ให้ได้ดวงตาเห็นธรรมกันมากมายนับไม่ถ้วน พระเถระรู้ว่าอายุสังขารใกล้จะหมดลง …

พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้รัตตัญญู (๒) Read More »

พระนันทกเถระ (๒)

พระนันทกเถระ (๒) สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมา ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อมสลาย สิ่งที่จะเป็นอนุสรณ์แห่งชีวิต ให้อนุชนรุ่นหลังได้อนุโมทนาคือ บุญกุศล และคุณงามความดีที่ได้สั่งสมไว้อย่างดีแล้วเท่านั้น ดังนั้น เราจึงไม่ควรประมาทในชีวิต ควรใช้วันเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ สร้างบารมีกันให้เต็มที่ หมั่นฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นผู้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ สั่งสมความบริสุทธิ์ สั่งสมบุญกุศล ซึ่งจะเป็นเพื่อนแท้ในการเดินทางไกลในสังสารวัฏ เราจะได้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เข้าถึงเอกันตบรมสุขคือ สุขที่คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย เถรคาถา ว่า “เอตทคฺคํ ภิกฺขเว มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุโนวาทานํ ยทิทํ ภิกฺขเว นนฺทโก ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา พระนันทกะเป็นเลิศทางด้านให้โอวาทแก่ภิกษุณีสงฆ์” การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะได้รับตำแหน่งใหญ่โต หรือได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลิศกว่าผู้อื่นในด้านต่างๆ แสดงว่าได้ประกอบเหตุไว้ดี ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน เหมือนอย่างท่านพระนันทกเถระ ที่ได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่าเป็นเลิศในด้านให้โอวาทแก่ภิกษุณีสงฆ์ เพราะท่านได้เคยทำบุญใหญ่ไว้ในสมัยของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ถวายมหาสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์ถึง ๑ แสนรูป เป็นเวลา ๗ วัน เมื่อทุ่มเทเต็มที่อย่างนี้ ครั้นเอ่ยปากขอพรจากพระพุทธองค์ว่า …

พระนันทกเถระ (๒) Read More »

อัครสาวก ซ้าย-ขวา

อัครสาวก ซ้าย-ขวา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ชื่อว่าเป็นศาสดาเอกของโลก ไม่มีใครทั้งในโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลกและพรหมโลกที่จะยอดเยี่ยมกว่าพระองค์ได้ ทรงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ความรู้ทั้งหมดที่พระองค์ทรงนำมาแสดงนั้นกลั่นออกมาจากกลางของพระธรรมกาย ซึ่งเกิดจากการได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใต้ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ เป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ เป็นไปเพื่อความขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป ผู้ที่ปฏิบัติตามพุทธโอวาท จึงเป็นผู้ดำเนินชีวิตไปสู่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นตามพระองค์ไปด้วย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ชนเหล่าใด มีปกติรู้ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นในสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระ ชนเหล่านั้น มีความดำริผิดเป็นอารมณ์ ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ ชนเหล่าใด รู้สิ่งที่เป็นสาระโดยความเป็นสาระ และสิ่งไม่เป็นสาระโดยความไม่เป็นสาระ ชนเหล่านั้น มีความดำริชอบเป็นอารมณ์ ย่อมประสบแต่สิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร” ชีวิตเราจะมีสาระหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่ที่การปฏิบัติตน ถ้าปฏิบัติถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา คือทำศีล สมาธิ ปัญญา ให้เกิดขึ้นมา และปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ โดยเริ่มตั้งแต่ความเห็นถูกเรื่อยไปจนถึงทำสมาธิถูกต้อง รวมทั้งไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่นให้ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจ การดำเนินชีวิตอย่างนี้นับว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่าสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาแล้วได้ทำความดีได้สร้างบารมี บุญบารมีก็เพิ่มขึ้น สิ่งใดที่ไม่ดีเป็นบาปอกุศล เราก็ลด ละ เลิกเสีย อะไรที่เป็นข้อบกพร่องก็ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น สิ่งใดที่ไม่เป็นสาระก็เลิกทำ ทำแต่สิ่งที่เป็นสาระ เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นสาระแก่นสารของชีวิต ก็ดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง  ไม่อาศัยทิฐิมานะที่ทำให้ไม่สามารถพัฒนาตนเองให้เจริญขึ้นได้ ควรเปิดใจให้กว้างเพื่อรับสิ่งที่ดีงามเข้ามาในชีวิต ไม่หลงติดอยู่กับการปฏิบัติผิดๆ …

อัครสาวก ซ้าย-ขวา Read More »

พระโปฐิลเถระ

พระโปฐิลเถระ ความรู้ในทางพระพุทธศาสนา เป็นความรู้ที่นำไปสู่การรู้แจ้ง มีความละเอียดลึกซึ้ง ไม่ใช่ความรู้ที่เกิดจากการคาดคะเน จะรู้ได้เฉพาะผู้ที่ลงมือปฏิบัติเท่านั้น เป็นของเฉพาะตน ผู้ที่ได้บรรลุจะรู้เห็นเอง เพราะพระพุทธองค์ทรงเป็นเพียงผู้ชี้แนะหนทาง หากเราตั้งใจปฏิบัติกันจริงๆ และปฏิบัติอย่างถูกวิธี เราย่อมเข้าถึงธรรมอย่างแน่นอน เนื่องจากธรรมทั้งหลายมีอยู่ภายในตัวของทุกคน ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ใครสร้างขึ้นหรือสมมติขึ้นมาเอง แต่เป็นของที่มีอยู่แล้วในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก ซึ่งจะเข้าถึงได้ต่อเมื่อทำใจให้หยุดนิ่งเท่านั้น และการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเป็นประจำสม่ำเสมอ จะทำให้เราเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างถูกต้อง ชีวิตของเราจะดำเนินไปในทางแห่งความสุข ทางที่ถูกต้องดีงาม และปลอดภัยเสมอ พระบรมศาสดาตรัสเรื่องกิจที่ต้องทำในทางพุทธศาสนาไว้ ๒ ประการว่า “การเรียนนิกายหนึ่งก็ดี สองนิกายก็ดี จบพุทธวจนะคือพระไตรปิฎกก็ดี ตามสมควรแก่ปัญญาของตนแล้วทรงไว้ กล่าวบอกพุทธวจนะนั้น ชื่อว่า การศึกษาคันถธุระ ส่วนการเริ่มตั้งความสิ้นไป และความเสื่อมไปในอัตภาพ  เจริญวิปัสสนาด้วยอำนาจความเพียรพยายามแล้ว บรรลุพระอรหัต ชื่อว่า วิปัสสนาธุระ” วิชาความรู้ในทางพระพุทธศาสนา เป็นความรู้ที่นำไปสู่การเห็นแจ้งภายใน ยิ่งเรียนก็ยิ่งมีความสุข อยากเพิ่มพูนความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจให้มากยิ่งขึ้น ผู้ได้ศึกษาคำสอนของพระบรมศาสดา นับว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐ เพราะความรู้นี้ไม่ใช่เกิดจากการวิเคราะห์วิจัยวิจารณ์ หรือทดลองได้ผลระดับหนึ่ง แล้วนำมาเขียนเป็นตำรับตำราสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหา แต่เป็นคำสอนที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริงที่เรียกว่า เกิดจากการตรัสรู้ธรรม เป็นความรู้ที่หลั่งไหลมาจากกลางพระธรรมกายอรหัตของพระพุทธองค์ เป็นความรู้ที่คู่กับความสุข และความบริสุทธิ์  ผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษาจึงเหมือนกับได้เข้าไปนั่งใกล้พระพุทธองค์ นั่งใกล้พระรัตนตรัย …

พระโปฐิลเถระ Read More »

พระมหากัสสปเถระ (๑)

พระมหากัสสปเถระ (๑) เวลาแห่งการประพฤติปฏิบัติธรรม เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง เพราะเราจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมที่นำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล และไม่ต้องวนเวียนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์อีกต่อไป  ดังนั้น เวลาที่เราได้ฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่งนี้ จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดต่อตัวของเราเอง เมื่อเรารักตัวเองห่วงใยตัวเอง ก็ควรทำตนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ มุ่งแสวงหาความสุข แสวงหาสาระที่แท้จริงของชีวิต คือพระรัตนตรัยภายในตัวให้ได้เร็วที่สุด ชีวิตเราจะได้ปลอดภัยทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสพุทธพจน์ใน อิฏฐสูตร ว่า “ชนผู้ปรารถนาอายุ วรรณะ ยศ เกียรติ สวรรค์ ความเกิดในตระกูลสูง และความเพลินใจ พึงทำความไม่ประมาทให้มากยิ่งขึ้น บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาทในการทำบุญ บัณฑิตผู้ไม่ประมาทแล้ว ย่อมยึดถือประโยชน์ทั้งสองไว้ได้ คือประโยชน์ในปัจจุบัน และประโยชน์ในสัมปรายภพ” ความหวังและความปรารถนาทั้งมวลจะกลายเป็นจริงได้ ต้องอาศัยบุญช่วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากให้มีอยากให้เป็นนั้น ลำพังการสวดอ้อนวอนอย่างเดียว ไม่สามารถช่วยให้ความปรารถนาของเราสำเร็จได้เลย ต้องประกอบเหตุคือทำบุญไว้ เพราะบุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุขและความสำเร็จทุกอย่าง ผลบุญที่ได้ทำไว้อย่างดีแล้วในอดีต จะส่งผลเป็นความสุขในปัจจุบัน เมื่ออยากให้ปัจจุบันเป็นอดีตที่ดีของอนาคต ต้องหมั่นสั่งสมบุญไว้ให้มากๆ เพราะฉะนั้น เมื่ออธิษฐานจิต คิดปรารถนาสิ่งใดๆ ไว้ ต้องทุ่มเทสั่งสมบุญควบคู่กันไปด้วย เหมือนเรื่องราวการสร้างบารมีของพระมหากัสสปเถระ ผู้ปรารถนาอยากได้บรรลุมรรคผลนิพพาน พร้อมกับให้ได้ความเป็นเลิศในหมู่ภิกษุสงฆ์ผู้ทรงธุดงค์คุณ ๑๓ ท่านได้ทุ่มเทสร้างบุญทุกอย่างเพื่อต่อเติมความปรารถนาที่ตั้งใจไว้ให้กลายเป็นจริง …

พระมหากัสสปเถระ (๑) Read More »

พระมหากัสสปเถระ (๒)

พระมหากัสสปเถระ (๒) พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์ สร้างบารมีเพื่อแสวงหาหนทางพระนิพพานอยู่นั้น ตลอดชีวิตของท่านก็ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนให้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ และก็ทำแต่ความดีเรื่อยไปจนกระทั่งหมดอายุขัย และตลอดระยะเวลาแห่งการสร้างบารมี ท่านไม่เคยละเลยต่อการฝึกฝนอบรมใจ ทรงทำอย่างนี้ทุกภพทุกชาติ จนบารมีของท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ และได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบรมครูของเรา สั่งสอนสัตว์โลกให้เข้าถึงธรรมตามพระองค์ไปด้วย  ดังนั้น เราควรหมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่งกันเป็นประจำสมํ่าเสมอ จะได้เข้าถึงพระธรรมกายภายในกันทุกๆ คน ท่านกล่าวพระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน มหากัสสปเถราปทาน ไว้ว่า * “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ถวายทานอยู่ตลอด ๗ วัน เข้าไปตั้งเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมอันใด ด้วยกรรมอันนี้ ข้าพระองค์ไม่ปรารถนาสมบัติอย่างอื่น ไม่ได้ปรารถนาสมบัติของท้าวสักกะจอมเทพ มารสมบัติ และพรหมสมบัติ  ก็กรรมของข้าพระองค์นี้ จงเป็นไปเพื่อความเป็นเลิศแห่งภิกษุทั้งหลาย ผู้ทรงธุดงค์คุณ ๑๓ ด้วยเถิด” นี้เป็นคำอธิษฐานของพระมหากัสสปเถระ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเลิศในด้านทรงธุดงค์คุณทั้ง ๑๓ ประการ ซึ่งท่านได้อธิษฐานจิตไว้เมื่อแสนกัปที่แล้ว พอล่วงกาลผ่านมาถึงยุคสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ความปรารถนาของท่านก็เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เหมือนพระจันทร์วันเพ็ญที่ฉายแสงเรืองรองสว่างไสวในยามรัตติกาล ท่านได้เป็นผู้ที่พระบรมศาสดาทรงยกย่องว่ามีคุณธรรมเสมอกับพระพุทธองค์ ตามตำราได้บันทึกไว้ว่า พระเถระสามารถครองสังฆาฏิผืนเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ ภิกษุสงฆ์ทั่วไปไม่สามารถครองสังฆาฏิของพระพุทธเจ้าได้ เพราะไม่สามารถรองรับคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้  แต่ท่านพระมหากัสสปเถระสามารถใช้สอย …

พระมหากัสสปเถระ (๒) Read More »

พุทธชิโนรส (๑) – พระราหุลเถระ

พุทธชิโนรส (๑) คนส่วนใหญ่มักมองเห็นความทุกข์เป็นความสุข เห็นสิ่งที่ไร้สาระว่าเป็นสาระ เป็นกำไรของชีวิต ทั้งๆ ที่ความจริงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นการขาดทุนชีวิตทั้งสิ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นการยาก  ดังนั้น เมื่อเราได้กายมนุษย์ซึ่งเปรียบเสมือนต้นทุนมาแล้ว อยู่ที่ว่าใครจะใช้ชีวิตนี้ได้คุ้มค่ามากกว่ากัน จะกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของเรา  เพราะฉะนั้น ผู้รู้ทั้งหลายต่างก็หมั่นสั่งสมบุญกุศลกันอย่างเต็มที่ บุญกุศลที่เพิ่มขึ้น บารมีที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ชื่อว่า เป็นกำไรชีวิตอย่างแท้จริง โดยเฉพาะถ้าเราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ มีที่พึ่งที่ระลึกภายใน ชีวิตจะปลอดภัย และชื่อว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต เป็นกำไรชีวิตที่คุ้มค่ายิ่งกว่ากำไรทั้งปวง มีพระโบราณาจารย์ ได้สอนการอธิษฐานจิตไว้ว่า “สุทินฺนํ วต เม ทานํ อาสวกฺขยาวหํ นิพฺพานํ โหตุ ขอทานที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้ว จงนำไปสู่พระนิพพานอันสูญสิ้นกิเลสอาสวะ” โบราณาจารย์ทั้งหลาย ท่านมักจะสอนว่าเวลาที่เราทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นบุญที่เกิดจากให้ทาน รักษาศีล หรือเจริญภาวนาก็ตาม อย่าลืมอธิษฐานจิตกำกับไว้เพื่อเป็นแผนผังชีวิตในการเดินทางไกลในสังสารวัฏ ส่วนการอธิษฐานนั้น คำอธิษฐานจะต้องมีคำว่า ขอให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรือให้เป็นพลวปัจจัยให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน นอกนั้นเป็นคำอธิษฐานที่รองลงมา การอธิษฐานจิตไว้ผิดจะทำให้ชีวิตมืดมน เหมือนเรื่องในอดีตชาติของพระราหุลเถระ * ในสมัยของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ประมาณหนึ่งแสนกัปจากภัทรกัปนี้ พระราหุลท่านเคยเกิดเป็นบุตรของคฤหบดีเช่นเดียวกับพระรัฐบาลเถระ ในเมืองหงสาวดี เมื่อบิดาของท่านล่วงลับไปแล้ว …

พุทธชิโนรส (๑) – พระราหุลเถระ Read More »