ธรรมะเพื่อประชาชน

มหาเศรษฐีกากวฬิยะ

มหาเศรษฐีกากวฬิยะ สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างมีเวลาที่เสียไปวันละ ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมานั้นไม่เท่ากัน บางคนได้บุญเพิ่มขึ้น บางคนได้บาปอกุศลเพิ่มขึ้น หากคิดว่า เราจะมีชีวิตอยู่อีกยาวนาน นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดเอง เพราะในความเป็นจริง อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราไม่อาจรู้ว่าสังขารร่างกายนี้จะแตกดับเมื่อไร ชีวิตบนโลกใบนี้ไม่ยาวนาน แต่ชีวิตหลังความตายยาวนานยิ่งนัก เราเหลือเวลาอยู่น้อยเต็มที ที่ว่าน้อยนั้นคือ น้อยสำหรับการสร้างบุญบารมี เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เพราะฉะนั้น เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้ สั่งสมความดีให้เต็มที่ เพื่อความบริสุทธิ์ทั้งทางกาย วาจา และใจ มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน อรรถกถา โลณกสูตร ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บาปกรรมแม้ประมาณน้อย ที่บุคคลบางคนทำแล้ว บาปกรรมนั้น ย่อมนำเขาไปนรกได้ บาปกรรมประมาณน้อยอย่างเดียวกันนั้น บางคนทำแล้ว กรรมนั้นเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรมที่ให้ผลในภพปัจจุบัน” เมื่อมนุษย์ทำบาปกรรมใด กรรมนั้นย่อมส่งผลอย่างแน่นอน เพียงแต่จะส่งผลเร็วหรือช้าเท่านั้น และที่ไปทำอกุศลกรรมต่างๆ เพราะกิเลสเป็นตัวบังคับใจให้เราทำกรรมทั้งทางกาย วาจา และใจ เมื่อทำไปและเกิดวิบากตามมา ซึ่งการส่งผลของกรรมนั้นมีหลักๆ ๓ ชนิด ได้แก่ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในภพปัจจุบัน อุปปัชชเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในภพถัดไป และอปรปริยายเวทนียกรรม …

มหาเศรษฐีกากวฬิยะ Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาลดาปสาธน์)

วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาลดาปสาธน์) มหาสมบัติทุกอย่างที่บังเกิดขึ้นมาในโลก ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็ตาม บังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญทั้งสิ้น สำหรับนักสร้างบารมีที่ตั้งใจสั่งสมคุณงามความดีมาโดยตลอด ความดีที่เราได้ทำจะกลั่นตัวเป็นดวงบารมีที่ใสสว่าง คอยดึงดูดมหาสมบัติ และสิ่งที่เป็นสิริมงคลทั้งหลายให้บังเกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เรามีชีวิตที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ มีความสุขสมหวังเพราะมีบุญเป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จ มหาสมบัตินั้นมีทั้งที่เป็นโลกียะ และอริยทรัพย์ ทรัพย์ภายนอกทั้งหลายเป็นโลกียทรัพย์ ส่วนอริยทรัพย์หรือรัตนะภายในก็คือพระธรรมกายในตัวนั่นเอง เป็นอริยทรัพย์ที่ประเสริฐที่สุด เป็นที่พึ่งให้กับเราได้อย่างแท้จริง แต่ว่าก็สำคัญทั้งสองอย่าง เพราะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการสร้างบารมี โดยเฉพาะรัตนะภายในนั้น จะเป็นอุปกรณ์อย่างสำคัญที่จะนำเราข้ามพ้นสังสารวัฏไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ดังนั้น ให้พวกเราทั้งหลายตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม  ให้เข้าถึงรัตนะภายในกันทุกๆ คน มีวาระพระบาลีที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ความว่า “ผู้ที่มาเกิดแล้ว จำจะต้องตายในโลกนี้ ย่อมทำกรรมใดไว้ คือ เป็นบุญและเป็นบาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล เป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไปสู่ปรโลก บุญและบาปนั้น ย่อมจะติดตามตัวเขาไป ประดุจเงาติดตามตนไปฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลพึงบำเพ็ญบุญ สะสมกรรมดีไว้เป็นสมบัติในปรโลก เพราะว่า บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย” การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ล้วนอยู่ในกระแสแห่งกิเลส กรรม วิบาก กิเลสที่สั่งสมในขันธสันดาน หุ้ม เคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็น …

วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาลดาปสาธน์) Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (โอวาท ๑๐)

วิสาขามหาอุบาสิกา (โอวาท ๑๐) พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นหลักของพระพุทธศาสนา ผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาท่านได้เข้าถึงพระรัตนตรัย และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดสิ้นกิเลสอาสวะ มีแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆ จึงเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ผู้มีจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ ผลบุญอันเลิศย่อมบังเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น และบุญนั้นยังตามส่งผลข้ามภพข้ามชาติไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม การทำสมาธิภาวนาด้วยการเจริญพุทธานุสติ มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ จึงมีอานิสงส์ใหญ่ควรที่พวกเราทั้งหลายจะต้องฝึกให้เป็นอุปนิสัย แล้วบุญใหญ่ก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา มีวาระพระบาลีที่กล่าวไว้ในมงคลสูตรว่า “ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห    เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การสงเคราะห์บุตรและภรรยา เป็นอุดมมงคล” การใช้ชีวิตในการครองเรือน เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าคู่สามีภรรยาไม่เข้าใจกัน ไม่รู้วิธีผูกรักให้ยั่งยืน ด้วยการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันด้วยสังคหวัตถุ ๔ ไม่ช้าก็ต้องแยกจากกันไปคนละทิศละทาง บางคู่ทนอยู่ด้วยกันมา ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง แต่ในที่สุดก็หย่าร้างกันไป ดังนั้นเมื่อสองคนตัดสินใจที่จะมาครองเรือนร่วมกันแล้ว จำเป็นจะต้องมีธรรมะของผู้ครองเรือน จะมัวเอาแต่ใจตนเองเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดการแตกแยกในครอบครัว อยากให้เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย ที่ทุกคนมีธรรมะอยู่ในใจ เป็นครอบครัวตัวอย่างของโลก ครอบครัวของนักสร้างบารมี ที่ดำเนินชีวิตเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีให้แก่ชาวโลก ซึ่งพื้นฐานของครอบครัวที่ทำให้สามีภรรยาครองชีวิตกันยืนยาวและมีความสุขนั้น คู่สามีภรรยาต้องมีทิฏฐิเสมอกัน มีศรัทธาเสมอกัน แม้จะเป็นพุทธศาสนิกชนก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิ …

วิสาขามหาอุบาสิกา (โอวาท ๑๐) Read More »

พุทธชิโนรส (๔) – พระราหุลเถระ

พุทธชิโนรส (๔) ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นอนุสาวรีย์แห่งความเพียรพยายาม ต้องทุ่มเทพลังกายพลังใจมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง ทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยความเพียร มิใช่วาสนาโชคชะตา เนื้อกวางจะเข้าปากราชสีห์ซึ่งกำลังหลับอยู่ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นบุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ดังนั้นเราต้องเร่งประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่ แข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ประมาทในการปฏิบัติธรรม ไม่ผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป ความเพียรที่คิดว่าจะทำในวันพรุ่งนี้ให้เร่งรีบทำเสียตั้งแต่วันนี้ ส่วนความเพียรที่คิดว่าจะทำในวันนี้ ก็ให้ทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าชั่วโมงต่อไปจะมีสำหรับเราหรือไม่ วินาทีนี้เท่านั้นที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ฉะนั้น ให้พวกเราทุกคนหมั่นทำใจให้หยุดให้นิ่ง ทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่ภายใน ให้ตั้งใจมั่นว่าเราจะทำความเพียรกัน จนกว่าเราจะเข้าถึงพระธรรมกายภายในให้ได้ มีเถรวาทะที่พระราหุลเถระกล่าวไว้ใน มัชฌิมนิกาย ว่า “พระตถาคตผู้มีพระปัญญาเฉลียวฉลาด ทรงสมบูรณ์ด้วยศีล ทรงรักษาเราเหมือนนกต้อยตีวิด พึงรักษาไข่ เหมือนเนื้อจามรีรักษาขนหางสูงสุดฉะนั้น” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต พระองค์ผ่านชีวิตมาทุกระดับชั้น ตั้งแต่ต่ำสุดจนกระทั่งสูงสุด สุดท้ายทรงสรุปว่าชีวิตสมณะเป็นชีวิตที่ดีที่สุด พระนิพพานเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด เมื่อพระองค์จะทรงมอบสมบัติให้แก่ราหุลกุมาร ซึ่งเป็นดุจแก้วตาดวงใจที่พระองค์ทรงรัก และห่วงใย เหมือนดังจามรีที่รักษาขนหางยิ่งกว่าชีวิตของตน เมื่อจะมอบสิ่งใดให้ สิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่พระองค์พิจารณาแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดประเสริฐที่สุด ดังนั้น จึงมอบหนทางอันประเสริฐที่สุดคือ การให้บวชเป็นสมณะ และมอบสมบัติอันลํ้าค่าที่สุดคือ นิพพานสมบัติ อันประเสริฐกว่าสมบัติใดๆ ในภพทั้งสาม * เมื่อครั้งก่อนได้กล่าวถึงตอนที่ราหุลกุมารประสูติ พร้อมกันกับเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช …

พุทธชิโนรส (๔) – พระราหุลเถระ Read More »

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ยอดกัลยาณมิตร)

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ยอดกัลยาณมิตร) เส้นทางยาวไกลในสังสารวัฏ เป็นเส้นทางที่จะต้องสั่งสมบุญบารมีให้มากๆ เพราะบุญกุศลไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจะมองข้าม หรือประมาทคิดว่า จะทำเมื่อไรก็ได้ หรือไม่ทำก็ได้ เพราะกว่าที่เราจะไปถึงเป็นหมายที่แท้จริงของชีวิตคือ ปราบอาสวกิเลสให้หมดสิ้นได้นั้น ไม่ใช่เรื่องพอดีพอร้าย  หากเรายังเป็นผู้ที่ประมาทอยู่ ไม่เร่งสั่งสมบุญ และทำความเพียรด้วยการทำใจหยุดนิ่งควบคู่กันไป เส้นทางนั้นก็ยิ่งจะยาวไกลออกไป ดังนั้น การสั่งสมบุญควบคู่ไปกับการหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรม จึงเป็นภารกิจหลักที่เราต้องหมั่นทำเป็นประจำสม่ำเสมอ มีวาระแห่งสุภาษิตปรากฏอยู่ใน ขุททกนิกาย ชาดก ความว่า “ผู้ใดถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะแล้ว เห็นอริยสัจ ๔ ด้วยปัญญาอันชอบ คือ ทุกข์ และตัณหาอันเป็นแดนเกิดขึ้นแห่งทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ และมรรคมีองค์ ๘ อันไปจากข้าศึก ให้ถึงพระนิพพานเป็นที่เข้าไประงับทุกข์ นี้แลเป็นสรณะอันเกษม นี้เป็นสรณะอันอุดม บุคคลอาศัยสิ่งนี้แล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้” ผู้ใดก็ตามที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ชีวิตของบุคคลนั้นย่อมเป็นอยู่อย่างมีความสุข ในอดีตกาลมีพระอริยสาวกมากมาย ที่ท่านเข้าถึงพระรัตนตรัย แล้วต้องการที่จะให้เพื่อนร่วมโลกได้เข้าถึงจุดแห่งบรมสุขที่ท่านเข้าถึง หลวงพ่อจะขอกล่าวถึงบุคคลสำคัญของโลกที่มีหัวใจยอดกัลยาณมิตรคือ นอกจากจะสร้างบุญด้วยตนเองแล้ว ยังชักชวนให้เพื่อนพ้องได้มาสู่เส้นทางธรรมที่ถูกต้อง * บุคคลท่านนี้ ท่านเป็นมหาเศรษฐี เป็นผู้ที่ประชาชน …

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ยอดกัลยาณมิตร) Read More »

พุทธชิโนรส (๕) – พระราหุลเถระ

พุทธชิโนรส (๕) การที่เราศึกษาเล่าเรียนเพียงเพื่อใช้แสวงหาทรัพย์ในการหล่อเลี้ยงสังขารร่างกายให้มีชีวิตรอดต่อไปได้นั้น แม้มีชีวิตรอดจริงแต่ยังไม่ปลอดภัย แต่ความรู้ทางธรรมเราไม่รู้ไม่ได้ ถ้าไม่รู้ชีวิตไม่ปลอดภัย ทั้งภัยในอบายภูมิ และภัยในสังสารวัฏ เหมือนอาหารถ้าเราไม่รับประทานก็ตาย ความรู้ทางธรรมถ้าไม่ศึกษาก็ตายเช่นกันคือ ตายจากกุศลความดี เหินห่างจากหนทางพระนิพพาน บางทีอาจต้องไปรับทุกข์ทรมานในอบายภูมิสิ้นกาลนาน เพราะฉะนั้น การศึกษาทางธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ จะรู้แจ้งเห็นจริงได้ต้องอาศัยพระธรรมกายภายใน เมื่อเราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย เราจะรู้เรื่องราวของโลก และชีวิตที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา สิ่งที่เป็นความลับจะถูกเปิดเผยออกมา ไม่มีสิ่งใดที่เป็นความลับสำหรับผู้รู้แจ้งภายใน มีวาระพระบาลีที่ตรัสไว้ ในคาถาธรรมบท ว่า “มุหุตฺตมปิ เจ วิญฺญู    ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ ขิปฺปํ ธมฺมํ วิชานาติ    ชิวฺหา สูปรสํ ยถา ถ้าวิญญูชนเข้าไปนั่งใกล้บัณฑิตแม้เพียงครู่เดียว เขาย่อมรู้แจ้งธรรมได้ฉับพลัน เหมือนลิ้นที่รู้รสแกงฉะนั้น” การคบหากัลยาณมิตรผู้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ เหมือนการค้นพบขุมมหาสมบัติ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เราจะได้สิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล ดังนั้นความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษา จึงเป็นสิ่งที่ดีที่พวกเราทุกคนควรจะมีไว้ เพราะความใฝ่รู้ธรรมะนั้น จะนำพาชีวิตของเราให้พ้นภัย หมั่นเข้าหากัลยาณมิตรผู้ชี้ทางสว่าง รับฟังคำแนะนำตักเตือนจากท่าน เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ว่าง่ายสอนง่าย เมื่อนั้นสิ่งที่ดีๆ ทั้งบุญกุศลคุณธรรมความดีทั้งหลาย จะหลั่งไหลมาสู่ตัวเรา เราจะเป็นคนที่สูงค่าเหมือนกับพระราหุลเถระที่ท่านได้ทำเป็นแบบอย่างไว้ …

พุทธชิโนรส (๕) – พระราหุลเถระ Read More »

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ทรัพย์หมด แต่ไม่หมดศรัทธา)

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ทรัพย์หมด แต่ไม่หมดศรัทธา) ช่วงเวลาที่มีคุณค่าคือ เวลาที่เราจะได้เพิ่มเติมความสุขความสำเร็จให้แก่ชีวิต ด้วยธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นสัจธรรมที่นำมาซึ่งความสุข และหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล ทุกวันนี้มนุษย์กำลังสับสน ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เมื่อไม่ได้ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตจึงต้องเวียนวนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ระทม เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องพันธนาการ ยากจะสลัดออกได้ ต่อเมื่อได้ฟังพระสัทธรรม จึงจะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต และสามารถสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตได้อย่างแท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ภูริปัญหาชาดก ว่า “น ปณฺฑิตา อตฺตสุขสฺส เหตุ ปาปานิ กมฺมานิ สมาจรนฺติ ทุกฺเขน ผุฏฺฐา ขลิตาปิ สนฺตา ฉนฺทา จ โทสา น ชหนฺติ ธมฺมํ บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ประพฤติกรรมอันเป็นบาป เพราะเหตุแห่งความสุขของตน ถูกทุกข์กระทบแล้ว แม้จะพลาดพลั้งลงไป ก็สงบอยู่ได้ไม่ละทิ้งธรรม เพราะความรัก และความชัง” การสร้างบารมีเป็นหน้าที่หลักของเราในการเกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติ และในระหว่างการสร้างบารมี บางครั้งเราอาจประสบความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะหนทางแห่งการสร้างบารมีมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อุปสรรคที่เกิดขึ้นจะหล่อหลอมให้เรามีจิตใจที่เข้มแข็ง และเป็นเครื่องทดสอบกำลังใจว่า เรามีหัวใจของยอดนักสร้างบารมีเต็มเปี่ยมแค่ไหน สำหรับผู้มีอุดมการณ์ที่มั่นคง …

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ทรัพย์หมด แต่ไม่หมดศรัทธา) Read More »

พุทธชิโนรส (๖) – พระราหุลเถระ

พุทธชิโนรส (๖) ภายใต้กระแสโลกในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเพื่อจะเอาชนะ บางคนต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ชัยชนะภายนอกยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นชัยชนะที่แท้จริง เพราะผู้ชนะย่อมก่อเวร จากคู่แข่งเปลี่ยนมาเป็นคู่แค้น เป็นชัยชนะที่ไม่ยั่งยืน วันหนึ่งก็ต้องกลับพ่ายแพ้ ไม่มีใครที่เป็นผู้ชนะตลอดกาล แต่สำหรับนักสร้างบารมีแล้ว เราต้องเร่งสร้างบารมีแข่งกับวันเวลาของชีวิตที่เหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ นี่คือคู่แข่งที่แท้จริงของเรา แม้เวลาจะเหลือน้อยลง แต่บุญบารมีของเราต้องให้เพิ่มขึ้นทับทวี ทั้งทาน ศีล ภาวนา สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราจะต้องเอาชนะคือ กิเลสอาสวะภายใน ยามใดที่เรากำจัดกิเลสอาสวะได้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เป็นชัยชนะที่มีแต่ความสุขล้วนๆ เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีวันกลับมาแพ้อีก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สุภสูตร ทีฆนิกาย ว่า “ดูก่อนมารผู้กระทำซึ่งที่สุด ตัวท่านเป็นผู้ที่เรากำจัดเสียแล้ว ชนเหล่าใดสำรวมดีแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ ชนเหล่านั้น ย่อมไม่ตกอยู่ในอำนาจของมาร ชนเหล่านั้น ไม่เดินตามหลังมาร” การสำรวมกาย วาจา ใจ เป็นการสั่งสมความบริสุทธิ์ตั้งแต่กายภายนอก เข้าไปสู่จิตใจภายใน ความบริสุทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถกำจัดกิเลสอาสวะเอาชนะพญามารได้ เมื่อความบริสุทธิ์เต็มเปี่ยม ความสะดุ้งกลัวต่อพญามารจะหมดสิ้นไป แต่กลับเป็นฝ่ายมารที่สะดุ้งกลัวต่อบุคคลผู้มีกาย วาจา ใจ บริสุทธิ์บริบูรณ์เต็มเปี่ยม ดังนั้น ความบริสุทธิ์กาย …

พุทธชิโนรส (๖) – พระราหุลเถระ Read More »

สุมนสามเณร

สุมนสามเณร ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเรา เพราะจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมนำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล ปัจจุบันมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เมื่อไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ชีวิตจึงต้องเวียนวนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องร้อยรัดพันธนาการ แต่เมื่อได้ฟังพระสัทธรรม จะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แล้วมุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ    อหึสา สญฺสุมนสามเณร ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเรา เพราะจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมนำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล ปัจจุบันมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เมื่อไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ชีวิตจึงต้องเวียนวนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องร้อยรัดพันธนาการ แต่เมื่อได้ฟังพระสัทธรรม จะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แล้วมุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ    อหึสา สญฺญโม ทโม ส เว วนฺตมโล ธีโร    …

สุมนสามเณร Read More »

สามเณรนิโครธ (๑)

สามเณรนิโครธ (๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูของเรา ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว มีความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งปวง ได้เข้าถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน อันเป็นแดนเกษมจากโยคะ ที่ความทุกข์ใดๆ เข้าไปไม่ถึง จึงมีแต่ความสงบเย็น เป็นสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปนเลย เป็นเอกันตบรมสุข แต่กว่าที่พระองค์จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดนี้ได้ ก็ต้องสั่งสมบารมีกันมายาวนานนับภพนับชาติไม่ถ้วน พวกเราซึ่งเป็นชาวพุทธก็ต้องเจริญรอยตามพระองค์ ตั้งใจสั่งสมความดีให้เต็มที่ หมั่นเจริญสมาธิภาวนากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ปัพพชิตวิเหฐกชาดก ว่า “โย ทิสฺวา ภิกฺขุ จรณูปปนฺนํ ปุรกฺขิตฺวา ปญฺชลิโก นมสฺสติ ทิฏฺเฐว ธมฺเม ลภเต ปสํสํ สคฺคญฺจ โส ยาติ สรีรเภทา ผู้ใดเห็นภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยจรณะ ให้ท่านยืนอยู่เบื้องหน้า ประคองอัญชลีนมัสการแล้ว ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญในปัจจุบัน เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์” ความสุขในโลกนี้มีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ความสุขที่ต้องอาศัยวัตถุ เรียกว่าอามิสสุข เป็นความสุขที่เกิดจากตาได้เห็นรูปสวยๆ หูได้ยินเสียงเพราะๆ ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ได้สัมผัสที่นุ่มนวล …

สามเณรนิโครธ (๑) Read More »

สามเณรนิโครธ (๒)

สามเณรนิโครธ (๒) ความขยันหมั่นเพียรเป็นทางมาแห่งความสำเร็จ เป็นวิริยบารมีที่นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายต่างก็ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยเฉพาะความเพียรในการขจัดกิเลสอาสวะออกจากใจ ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของมวลมนุษยชาติ ยิ่งถ้าหากเพียรพยายามชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์มากเพียงใด เราจะมีโอกาสหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จากความเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารได้มากเพียงนั้น ดังนั้น เราจึงต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจ สั่งสมบุญ และเพียรพยายามในการนั่งสมาธิเจริญภาวนากันให้มากๆ ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “หากว่าบุคคลมีธรรมประดับแล้ว เป็นผู้สงบแล้ว ฝึกตนแล้ว เป็นคนเที่ยงตรง เป็นพรหมจารี เลิกอาชญากรรมในสัตว์ทั้งปวง พึงประพฤติธรรมสมํ่าเสมอ ผู้นั้นก็ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ ผู้นั้นก็ชื่อว่า เป็นสมณะ ผู้นั้นก็ชื่อว่า เป็นภิกษุ” สมณะ คือ ผู้สงบกาย วาจา ใจ มาตรฐานของสมณะที่ดี ต้องสงบกายคือ มีความสำรวม ไม่คะนองมือคะนองเท้า ต้องอนูปฆาโต ไม่เข้าไปทำร้ายใคร นอกจากนี้แล้ว สมณะยังต้องคำนึงถึงสมณสารูปคือ จะทำอะไรต้องให้ควรแก่สมณวิสัย คำนึงถึงปัณณัตติวัชชะคือ โทษที่เกิดจากประพฤติผิดพระธรรมวินัย ที่พระบรมศาสดาทรงบัญญัติไว้ และโลกวัชชะคือ สิ่งที่ชาวโลกติเตียน สิ่งไหนที่ชาวโลกทำผิดกฎหมายบ้านเมือง สมณะก็ต้องงดเว้น อย่าไปทำ …

สามเณรนิโครธ (๒) Read More »

สามเณรนิโครธ (๓)

สามเณรนิโครธ (๓) การดำเนินชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยในสังสารวัฏ เราจะต้องรู้ว่าสิ่งไหนเป็นบุญ สิ่งไหนเป็นบาปอกุศล แล้วดำรงตนให้อยู่ในเส้นทางแห่งบุญ เส้นทางแห่งความดี เพราะถ้าไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้แล้ว จะทำให้เราพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศล ทำให้ชีวิตมัวหมองได้ เมื่อไม่รู้ก็ต้องแสวงหาผู้รู้ เข้าไปสอบถามในสิ่งที่สงสัย ที่สำคัญต้องหมั่นเข้าไปหาผู้รู้ภายในคือพระธรรมกาย ด้วยวิธีการหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แสวงหาความรู้แจ้งที่เกิดจากปัญญาอันบริสุทธิ์ แล้วเราจะเข้าถึงผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งภายใน และจะได้แนวทางที่ถูกต้องสมบูรณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน กุลสูตร ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตผู้มีศีลทั้งหลาย เข้าไปหาสกุลใด มนุษย์ในสกุลนั้นย่อมประสบบุญเป็นอันมาก โดยฐานะ ๕ ประการ คือ สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล จิตของพวกมนุษย์ ย่อมเลื่อมใส สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ ให้เป็นไปพร้อมเพื่อสวรรค์ สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ พากันลุกต้อนรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ ให้เป็นไปพร้อมเพื่อเกิดในสกุลสูง สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปสู่สกุล พวกมนุษย์ย่อมกำจัดมลทินคือความตระหนี่ สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ทำตน ให้เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปสู่สกุล …

สามเณรนิโครธ (๓) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑) คนเราทุกๆ คน ล้วนมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตในภพชาติปัจจุบันและชีวิตในสัมปรายภพ ตลอดจนกระทั่งชีวิตในสังสารวัฏ จึงพากันแสวงหาบุคคลที่จะเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้แก่ตนเอง แม้ว่าเราจะมีความพยายามแสวงหา แต่ถ้ายังไม่พบกัลยาณมิตรผู้เป็นต้นบุญต้นแบบ เราจะดำเนินชีวิตผิดพลาดประมาทอยู่เสมอ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ที่สุด  ฉะนั้น การได้พบกัลยาณมิตรมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น จึงถือว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวที่แท้จริงของชีวิต เช่น อยากรู้ว่าเกิดมาจากไหน มาทำไม  อะไรคือเป้าหมายของชีวิต อะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด เมื่อเกิดคำถามก็จะทำให้แสวงหาคำตอบ ทำให้เราแสวงหาเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดำเนินชีวิตอยู่เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีเถรีวาทะอันเป็นอมตวาจาที่ปรากฏใน เถรีคาถา ความว่า “ในที่ใด ไม่มีความแก่หรือความตาย ไม่มีการสมาคมด้วยสัตว์และสังขารอันไม่เป็นที่รัก ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั้นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน” ในทุกโลกธาตุ ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีพื้นฐานของชีวิตเหมือนกัน คือ ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ไม่มีที่ใดเลยที่จะพ้นจากวัฏจักรอันเวียนวนนี้ไปได้ ยกเว้นที่แห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความแก่ ความเจ็บหรือความตาย ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั่นเป็นอสังขตสถานคือ สถานที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ บริสุทธิ์ล้วนๆ ด้วยธรรมธาตุอันเป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม ที่นั้นผู้รู้เรียกกันว่า …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒) สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็มีเวลาที่เสียไป ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาไม่เท่ากัน บางคนได้บุญเพิ่ม บางคนได้บาปอกุศลเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน  ฉะนั้น การที่เรามีความคิดว่า จะต้องมีชีวิตอยู่อีกยาวนานนั่นเป็นสิ่งที่เราคิดเอาเอง เพราะในความเป็นจริงแล้ว อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เราจะเดินทางออกจากร่างกายนี้เมื่อไรก็ไม่รู้ ชีวิตในโลกนี้ไม่สั้นนิดเดียว แต่ชีวิตหลังความตายนั้นยาวนานนัก เราเหลือเวลาอยู่น้อยเต็มที ที่ว่าน้อยนั้นคือน้อยสำหรับการสร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป  เพราะฉะนั้น เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนี้  สั่งสมความดีความบริสุทธิ์ทั้งทางกาย วาจา และใจให้เต็มที่ มีวาระพระบาลีที่พระผู้พระภาคเจ้าตรัสไว้ใน พราหมณ์วรรค ว่า “ยสฺส กาเยน วาจาย   มนสา นตฺถิ ทุกฺกตํ สํวุตํ ตีหิ ฐาเนหิ       ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ความชั่วทางกาย วาจา และใจของบุคคลใดไม่มี เราเรียกบุคคลนั้น ผู้สำรวมแล้วโดยฐานะ ๓ ว่า เป็นพราหมณ์” การขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นจากใจเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเราสามารถกำจัดกิเลส ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วทั้งหลายให้หมดสิ้นไปได้ เราก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง บริสุทธิ์ทั้งทางกาย …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓) ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ล้วนถูกบังคับบัญชาด้วยธรรมสามประการคือ กุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรม ธรรมทั้ง ๓ ประการนี้ จะสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาครอบครองจิตใจของเรา จะมีการชิงช่วง และช่วงชิงกันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เราควรจะหวงแหนเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวินาที ให้จิตใจของเราเกาะเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ไม่ควรไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ควรใช้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันอยู่กับการสร้างบารมี แล้วชีวิตของเราถึงแม้จะเป็นของน้อย แต่จะทรงคุณค่าอย่างมหาศาล เป็นเวลาที่จะเป็นไปเพื่อการแสวงหาความบริสุทธิ์หลุดพ้น เป็นเวลาที่มุ่งแต่แสวงหาพระรัตนตรัยภายใน เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะเลิศไปกว่าใจที่บริสุทธิ์ และไม่มีสิ่งใดที่ประเสริฐกว่า การได้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน มีพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า “อปฺปมายุ มนุสฺสานํ    หิเฬยฺย นํ สุโปริโส จเรยฺยาทิตฺตสีโสว      นตฺถิ มจฺจุสฺส นาคโม อายุของมนุษย์มีน้อย คนดีพึงดูถูกอายุนั้นเสีย พึงประพฤติตน ดุจคนมีศีรษะถูกไฟไหม้ มฤตยูที่จะไม่มาถึงย่อมไม่มี” ชีวิตของเรามีระเบิดเวลาที่พญามัจจุมารตั้งไว้ พร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเวลา เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าจะระเบิดขึ้นเมื่อใด และเมื่อระเบิดเวลาในชีวิตได้ระเบิดขึ้น ถึงเวลานั้นเราได้เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลไปสู่ปรโลกแล้วหรือยัง ถ้าเราเตรียมตัวไว้ไม่พร้อม เราจะหวาดหวั่นต่อมรณภัยที่มาปรากฏอยู่เฉพาะเบื้องหน้า แต่ถ้าเราได้เตรียมตัวไว้อย่างดีแล้ว ไม่ว่าระเบิดเวลาจะระเบิดขึ้นเวลาไหนช้าหรือเร็ว เราจะไม่สะดุ้งหวาดกลัวต่อพญามัจจุราช …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓) Read More »