หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

เราควรปฏิบัติตนอย่างไรในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ ให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม?

คำถาม: เราควรปฏิบัติตนอย่างไรในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ ให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม?” คำตอบ:     ร่างกายของเรานี้ประกอบด้วยธาตุสี่ที่ไม่บริสุทธิ์จึงเสื่อมสลายตลอดเวลา ทำให้ต้องหา ธาตุสี่จากภายนอกมาเติมเข้าไปอยู่เรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด ดังที่เราต้องประกอบกรรมต่างๆ เพื่อการเติมธาตุสี่ แต่กายนั้นก็ทำกรรมตามที่ใจของเราเป็นตัวสั่งการ ส่วนของใจทำหน้าที่รู้และคิด ส่วนของกายพูดและทำ     กายที่ไม่บริสุทธิ์เกิดจากใจที่ไม่บริสุทธิ์ ใจนั้นเป็นธาตุรู้ เป็นธาตุละเอียด มีที่อยู่ภายในกาย ทำหน้าที่เห็น จำ คิด รู้ ถูกกิเลสซึ่งเป็นธาตุละเอียดที่สกปรกแทรกอยู่ในใจ ทำให้ใจไม่บริสุทธิ์ การเห็น จำ คิด รู้ของใจจึงไม่ชัดแจ่ม จึงไม่ถูกต้องไปตามความเป็นจริง เพราะถูกกิเลสบดบัง     เมื่อใจตกอยู่ในอำนาจกิเลส ใจจึงคิดผิด สั่งให้กายพูดผิด ๆ และทำผิด ๆ กายจึงไม่บริสุทธิ์ไปตามใจที่ไม่บริสุทธิ์     มนุษย์เราสามารถที่จะแก้ไขใจที่ไม่บริสุทธิ์ด้วยกิเลส ให้กลับคืนมาบริสุทธิ์และหลุดพ้นจากอำนาจของกิเลสได้ด้วย “ธรรม” ซึ่งมีอยู่แล้วภายในกายของมนุษย์ทุกคน     “ธรรม” เป็นธรรมชาติที่สะอาด บริสุทธิ์ สว่าง มีอยู่ในตัวเราทุกคน เมื่อใดที่ใจของเรา เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมเหมือนไข่แดงรวมอยู่ในกลางไข่ขาว ธรรมอันบริสุทธิ์จะ กลั่นกรองใจให้สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นเป็นลำดับ ๆ …

เราควรปฏิบัติตนอย่างไรในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม?
Read More »

ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?

คำถาม: ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?” คำตอบ:      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเตือนชาวโลกไว้ว่า พวกเธอเกิดมาพร้อมกับอวิชชา คือ ความไม่รู้จักตัวเอง ถ้ายังปล่อยให้เป็นสภาพนี้ต่อไปเธอทั้งหลายก็ยังต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จบถ้าจะเลิกเวียนเกิดเวียนตาย เธอจะต้องรีบฝึกตัวเองให้รู้จักตนเองให้ได้ว่า เราเป็นใคร ก่อนเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ตายแล้วจะไปไหน และจะดับทุกข์ดับกิเลสได้อย่างไร      การที่นักสร้างบารมีหรือผู้ที่รักในการทำความดีทั้งหลายมักจะปรารภการสร้างบุญสร้างบารมีสร้างความดีของตัวเองเป็นประจำนัน้ เพราะเขาตระหนกั ถึงความจริงที่ว่ามนุษย์ต่างเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้จักตัวเอง      ก่อนเกิดเรามาจากไหน เกิดมาทำไมเกิดมาทำอะไรก็ไม่รู้ อะไรควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเกิดมาแล้วต้องตาย แต่ตายแล้วจะไปไหนก็ยิ่งไม่รู้      เมื่อไม่รู้อะไรเลย มนุษย์จะทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรย่อมเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่รู้มากเท่าไร โอกาสที่จะทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดก็มีมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นอันตรายใหญ่หลวงของชีวิตมนุษย์ความไม่รู้จักตัวเองคือเรื่องที่ต้องแก้ให้ได้ เพราะว่าต้องการจะรู้คำตอบนี้ จึงต้องตั้งใจเข้าวัดปฏิบัติธรรม เพื่อศึกษาธรรมะตามที่บรรพบุรุษของเราทำตามกันมา ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้สติเอาไว้      การหาคำตอบเพื่อขจัดความไม่รู้จักตัวเองนั้น จะได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ในพระพุทธศาสนาจนกระทั่งใจหยุดใจนิ่ง ใจใสมากพอ ส่วนวิธีการอื่นใดที่นอกเหนือจากการประพฤติปฏิบัตินี้ไม่มี ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันไว้ว่า การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ นั้น เป็นเส้นทางสายเดียวที่จะกำจัดอวิชชา เพื่อจะไปรู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิตของเราได้      บางท่านได้ฟังแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ซึ่งเรื่องนี้ถ้าหากในยุคนี้พวกเราไม่ได้พบกับคุณยายอาจารย์ฯ …

ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป
เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?
Read More »

ในพระไตรปิฎกมีหลักฐานบันทึกไว้มากมายว่า นรก-สวรรค์มีจริง แต่ทำไมคนจำนวนไม่น้อยยังสงสัยว่านรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่?

คำถาม: ในพระไตรปิฎกมีหลักฐานบันทึกไว้มากมายว่า นรก-สวรรค์มีจริง แต่ทำไมคนจำนวนไม่น้อยยังสงสัยว่านรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่? คำตอบ:       เมื่อสมัยก่อนที่หลวงพ่อจะบวช ความสงสัยเรื่องนรก-สวรรค์ว่ามีจริงหรือไม่ ก็เคยเกิดขึ้นกับหลวงพ่อเหมือนกัน เพราะว่าการหาครูบาอาจารย์ในทางธรรมที่กล้ายืนยันว่านรก-สวรรค์มีจริง นับวันจะหาได้น้อยเต็มที      ยิ่งในยุคนี้เป็นยุคที่เทคโนโลยีเจริญเต็มที่ ถ้าหากมีพระอาจารย์รูปใดยืนยันว่ามีจริง ก็มักจะถูกผู้ที่ไม่เชื่อออกมากล่าวโจมตีว่า เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ ซึ่งทำให้ ประชาชนทั่วไป แม้แต่ชาวพุทธก็ชักลังเลว่านรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่มีจริง ทั้งๆ ที่เรื่องสวรรค์และนรกนี้เป็นเรื่องราวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแสดงธรรมไว้มากมาย แล้วก็มีการบันทึกเป็นหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎกมาเป็นพัน ๆ ปี      เมื่อสมัยหลวงพ่อยังเรียนอยู่ชั้นประถมต้น ก็เชื่อว่านรก-สวรรค์มีจริง เพราะผู้ใหญ่บอกไว้ตั้งแต่จำความได้ แต่พออยู่ประมาณชั้น ป.๔ ก็เริ่มไม่แน่ใจ เพราะมีผู้ใหญ่บางคนที่ไม่เชื่อมาพูดให้ได้ยินว่านรก-สวรรค์ไม่มีจริง      เมื่อความเห็นของผู้ใหญ่แบ่งเป็น ๒ กลุ่มแบบนี้ หลวงพ่อเองแม้เป็นเด็กแต่ก็ต้องการคำยืนยันจากผู้ใหญ่ แต่ก็ปรากฏว่าหาผู้ที่กล้ายืนยันแบบชัด ๆ ไม่ค่อยได้      หลวงพ่อนำคำถามนี้ไปถามพระ ถามครูถามลุงป้าน้าอา เพื่อต้องการคำยืนยันว่าสวรรค์-นรกมีจริงหรือไม่มีจริง แล้วก็พบว่าผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะตอบแบบก้ำกึ่งว่ามันน่าจะมีเพราะว่าในพระไตรปิฎกมีบันทึกไว้มาก แต่ว่าท่านเองก็ไม่เคยเห็นด้วยตัวเอง      การที่ท่านเชื่อว่าน่าจะมี ก็เพราะว่าพระไตรปิฎกนั้นเป็นบันทึกของพระอรหันต์ไม่ใช่บันทึกของชาวบ้านปุถุชน แล้วในการที่คัดลอกต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ บรรพบุรุษของเราในยุคโน้นก็ไม่มีเหตุผลว่าจะโกหกเราไปทำไม เพราะท่านก็ไม่ได้อะไรจากการที่คัดลอกพระไตรปิฎกไว้เป็นมรดกให้แก่ลูกหลาน …

ในพระไตรปิฎกมีหลักฐานบันทึกไว้มากมายว่า นรก-สวรรค์มีจริง แต่ทำไมคนจำนวนไม่น้อยยังสงสัยว่านรก-สวรรค์มีจริงหรือไม่? Read More »

วิธีสร้างสรรค์สังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข

คำถาม: วิธีสร้างสรรค์สังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข คำตอบ:       สมเด็จพระบรมศาสดาทรงให้หลักที่พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้มั่นคงเอาไว้ และหลักนี้ก็เป็นเรื่องที่จะต้องเอามาใช้ในการสร้างสรรค์สังคมให้ประเทศชาติบ้านเมืองของเราร่มเย็นเป็นสุขด้วยแต่ก่อนจะสร้างสรรค์สังคม เราต้องเข้าใจหลักการสำคัญก่อนว่า ใจของคนเป็นอย่างไร สังคมก็เป็นอย่างนั้น ใจขุ่นมัว สังคมก็ขุ่นมัว ใจใสสะอาด สังคมก็ร่มเย็น      พิษร้ายของความสกปรกขุ่นมัว มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าเมื่อน้ำขุ่นมัว ไม่ใส บุคคลย่อมไม่แลเห็นหอยกาบ หอยโข่ง ก้อนกรวด ก้อนทราย ฝูงปลา ฉันใดเมื่อจิตใจของคนเราขุ่นมัว บุคคลก็ย่อมไม่เห็นประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น ฉันนั้น      อานุภาพของความใสสะอาดก็มีกล่าวไว้เช่นกัน ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อน้ำ  ไม่ขุ่นมัว ใสบริสุทธิ์ บุคคลย่อมแลเห็นหอยกาบ หอยโข่ง ก้อนกรวด ก้อนทราย และฝูงปลาฉันใด เมื่อจิตใจไม่ขุ่นมัว บุคคลก็ย่อมเห็นประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านชัดเจน ฉันนั้น      ถ้าแต่ละคนในบ้านในเมืองใจใส ก็จะเห็นประโยชน์ของตัวเอง เห็นประโยชน์ของหมู่คณะเห็นประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ว่ากี่ฝ่ายก็จะเห็นตรงกันว่า ประเทศชาติบ้านเมืองจะก้าวหน้า วัดวาอาราม พระศาสนาจะก้าวหน้า จะต้องทำอย่างไรบ้าง      พอใจใสแล้วจะเห็นตรงกัน เหมือนกับในยามเที่ยงวันที่ดวงอาทิตย์สว่างไสวอยู่กลางท้องฟ้าอะไรต่อมิอะไรก็จะปรากฏชัดเจนเห็นตรงกัน ถ้าใจของคนเราใสแล้ว ดี-ชั่ว ผิด-ถูก …

วิธีสร้างสรรค์สังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข Read More »

ของจริงต้องคู่กับคนจริงนั้นเป็นอย่างไร

คำถาม:     ข้อความที่ว่า “ของจริงต้องคู่กับคนจริง” นั้นเป็นอย่างไร? ทำไมบางคนเข้าวัดปฏิบัติธรรม สวดมนต์นั่งสมาธิ(Meditation)ไม่เคยขาด แต่ยังไม่เข้าถึงพระธรรมกายบางคนกว่าจะชวนเข้าวัดได้ก็แสนยาก แต่พอมานั่งสมาธิกลับเข้าถึงพระธรรมกายได้ง่าย ๆ คำตอบ: เรามาทบทวนกันก่อนว่า เราปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร ระดับแรกคือเพื่อฝึกให้ใจหยุดนิ่งระดับที่สองคือเพื่อเข้าถึงพระธรรมกายในตัว และระดับที่สามคือด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกายจึงเห็นอริยสัจ ๔ นั่นคือเห็นและกำจัดกิเลสได้     จากเส้นทางการปฏิบัตินี้ จึงทำให้เรามองออกว่า อริยสัจ ๔ ไม่ใช่เรื่องห่างไกลจากตัวเราเลย    เพราะเป้าหมายชีวิตจริง ๆ ของพวกเรา คือการปฏิบัติธรรมเพื่อจะเข้าถึงธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว เข้าถึงแล้ว ไปเห็นมาแล้ว ซึ่งก็คือการตรัสรู้อริยสัจ ๔    อริยสัจ ๔ เป็นความประเสริฐอันแสนวิเศษ เพราะใครที่ได้รู้เรื่องความจริงนี้ แม้เพียงรู้จักจากคำบอกเล่าของพระพุทธองค์ ก็จะเริ่มค้นหาทางออกจากทุกข์ที่วนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร เมื่อหาทางออกเจอแล้ว ก็จะพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารได้ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ สรุปได้ว่า          ๑. ชีวิตนี้เป็นทุกข์          ๒. …

ของจริงต้องคู่กับคนจริงนั้นเป็นอย่างไร Read More »

ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน

คำถาม: ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน คำตอบ: เรื่องนี้ต้องเริ่มต้นที่ใจของเรา จับหลักคิดให้ได้ก่อนว่า ในการทำการงานสิ่งใด ๆ นั้นเรามีเป้าหมายเพื่ออะไร เมื่อเป้าหมายชัดจะมีกำลังใจทำการงานนั้นๆ      การทำงานทุกอย่าง ความจริงแล้วไม่มีที่จะไม่เหนื่อย ก็เนื้อมนุษย์กายมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรที่ทำด้วยเหล็ก จะได้ไม่เหนื่อย แต่ว่าเหนื่อยเท่าใดก็ตาม มันเหนื่อยแค่กาย กายล้ำไปบ้าง กล้ามเนื้อล้าไปบ้าง ล้ามากๆร่างกายก็ต้องการพัก แต่พักแล้วก็หาย กลับมามีเรี่ยวแรงทำต่อไปได้      กายเหนื่อยก็เหนื่อยไป แต่ไม่เหนื่อยใจ ไม่หน่ายที่จะทำต่อไป มีแต่จะกระตือรือร้นทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะได้หลักในการทำงานจับหลักคิดได้ว่า การงานทุกอย่างนั้นทำเพื่อตัวของเราเอง  เพื่อบุญบารมีของเราเอง เลยไม่เหนื่อยหน่ายในการที่จะสร้างบุญสร้างบารมีของตนเอง      ตัวอย่างเช่น หอฉันของวัดพระธรรมกายคุณยายสร้างเอาไว้ให้ อาสนะที่นั่งของพระในหอฉันก็เป็นตามแบบที่คุณยายท่านสั่งให้ทำเอาไว้         เมื่อเราจะสร้างหอฉัน ก็เข้าที่ประชุมกันว่า ในเวลาพระฉันภัตตาหาร จะให้ปูเสื่อฉันกันสบายๆหรือจะให้นั่งเก้าอี้ซึ่งสะดวกดี หรือจะให้มีอาสนะทำเป็นตั่งเป็นแท่นนั่งอย่างที่พระนั่งกันในหอฉันปัจจุบันนี้ ก็ถกเถียงกันไปว่าจะเลือกอย่างไรดี เถียงกันไปเถียงกันมา ถกกันไปถกกันมา คุณยายฟันธงเลยว่า หลวงปู่ วัดปากน้ำทำต้นแบบไว้ดีแล้ว คือยกเป็นแท่นเป็นอาสนะขึ้นมาอย่างนี้ ไม่เอานั่งเก้าอี้ และไม่เอานั่งกับพื้น         ถ้านั่งกับพื้นก็เท่าๆกับญาติโยม เวลาจะเข้ามาประเคนก็ลำบาก แล้วก็ไม่เรียบร้อย …

ทำอย่างไรจึงจะไม่ท้อไม่เหนื่อยในการทำงาน Read More »

ค้าขายอย่างไรให้สำเร็จสมความตั้งใจ ?

คำถาม: ผมเป็นเจ้าของกิจการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งใจดำเนินกิจการอยู่บนความถูกต้อง ผมจะทำอย่างไรให้สำเร็จสมความตั้งใจ? คำตอบ: “ความถูกต้อง” ที่คุณยึดเป็นหลักในการทำงานของคุณนั้น มาจากคำว่า “สัจจะ” ซึ่งแปลว่าความซื่อตรง ซื่อสัตย์ นั่นก็หมายความว่า ต้องทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง     เมื่อครั้งพุทธกาล เคยมีหัวหน้ายักษ์เป็นผู้ตั้งคำถามถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “ทำอย่างไรให้มีชีวิตอยู่ก็เป็นสุข ตายแล้วก็ไปสวรรค์” พระองค์ตรัสตอบว่า “ผู้มีศรัทธา เชื่อในคำสอนของพระอริยเจ้า แล้วมีความประพฤติ ๔ ข้อ คือ ๑. มีสัจจะ ๒. มีทมะ ๓. มีขันติ ๔. มีจาคะ ผู้มีศรัทธาและมีธรรมครบ ๔ อย่างนี้ มีชีวิตอยู่ในโลกก็มีความสุข ตายไปก็ไปสวรรค์”      ธรรมเรื่องที่ ๑ สัจจะ เป็นธรรมที่ต้องลงมือประพฤติปฏิบัติ ถ้ารู้ความหมายเพียงแค่ “ความถูกต้อง” ยังไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจมากพอจะนำไปปฏิบัติได้ ถ้าแปลในลักษณะที่เอาไปฝึกด้วย ใช้งานด้วย สัจจะนั้นแปลว่า ความรับผิดชอบ เมื่อทำอะไรขึ้นมาแล้ว ถ้าผิดก็ต้องรับผิดถ้าถูกก็รับความดีความชอบไปบูรพาจารย์ของเราท่านแยกออกมาให้ดูว่า ความถูกต้องที่คุณจะต้องรับผิดชอบทำนั้นมีอยู่ ๕ เรื่อง …

ค้าขายอย่างไรให้สำเร็จสมความตั้งใจ ? Read More »

สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น

คำถาม: สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น คำตอบ:      โลกยุคนี้มิได้เป็นยุคที่คนหวงแหนความรู้มิได้เป็นยุคที่คนขาดแคลนความรู้ ตรงกันข้ามกลับเป็นยุคที่คนมีความรู้จากทั่วทุกมุมโลกพยายามแข่งขันกันเผยแพร่ความรู้ของตัวเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ตตลอด ๒๔ ชั่วโมงอีกด้วย      วิธีการเผยแพร่ความรู้ก็ทำได้ง่าย ๆ ใครมีความรู้ใดอยากจะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รู้บ้าง ก็อัปโหลด (Upload) ข้อมูลลงในอินเทอร์เน็ตความรู้นั้นก็จะถูกเผยแพร่กระจายออกไปทั่วโลกทันที ส่วนใครอยากรู้เรื่องใด เมื่อเข้าไปในอินเทอร์เน็ต ก็สามารถค้นหาความรู้เรื่องที่ต้องการนั้น แล้วดาวน์โหลด (Download) มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ทันทีเช่นกัน      ปริมาณข้อมูลความรู้ที่มีอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ตอย่างมากมายมหาศาลนี้ กลายเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของโลก โดยเปลี่ยนจากโลกยุคเดิมที่คนส่วนมากยังขาดแคลนความรู้ ให้กลายเป็นโลกยุคใหม่ที่มีปริมาณความรู้ล้นท่วมโลกไปแล้ว      สิ่งที่น่าคิดก็คือ ทั้ง ๆ ที่โลกยุคนี้กลายเป็นยุคที่ความรู้ท่วมโลก แต่ทำไมโลกกลับไม่เคยสงบลงเลยแม้แต่วันเดียว มิหนำซ้ำปัญหาความวุ่นวายต่าง ๆ นับวันมีแต่จะยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณมากขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย อะไรเป็นสาเหตุให้โลกเกิดปัญหาวุ่นวายมากยิ่งขึ้นทั้ง ๆที่อยู่ในยุคความรู้ล้นท่วมโลกเช่นนี้ สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น      สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายทั้งที่อยู่ในยุคความรู้ล้นท่วมโลก มีอยู่ ๓ ประการ คือ      ๑. หลักสูตรการศึกษามุ่งเน้นด้านทฤษฎีแต่ขาดบทฝึกสร้างนิสัย      การจัดการศึกษาของชาติในยุคปัจจุบันมุ่งสร้างคนให้มีความรู้ แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการฝึกคนให้มีนิสัยดี ๆ ครั้นเมื่อความรู้ตกไปอยู่ในมือคนพาล ย่อมมีแต่นำความวิบัติเสียหายมาสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะคนพาลมีนิสัยปล่อยให้ใจขุ่นเป็นปรกติ จึงแยกแยะถูก-ผิดดี-ชั่วไม่ออก …

สาเหตุที่ทำให้โลกวุ่นวายมากขึ้น Read More »

แนวทางการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จของชาวพุทธเป็นอย่างไร?

คำถาม: แนวทางการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จของชาวพุทธเป็นอย่างไร? คำตอบ:      มนุษย์ทุกคนต่างก็หวังที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่การจะดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ มีหลักปฏิบัติเบื้องต้น ๒ ประการ คือ      ประการแรก ต้องแก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง      ประการสอง ดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางที่ถูกต้องที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ      การจะแก้ไขตนเองต้องเริ่มแก้ไขที่ใจ ใจบกพร่องเพราะมักทำไปตามอำนาจกิเลส คือถูกชักจูงให้ทำผิดด้วยอำนาจของโลภ โกรธ หลง มีผลทำให้ชีวิตพบกับความทุกข์และอุปสรรค ต่าง ๆ      การแก้ไขที่ใจจึงต้องวางเป้าหมายไว้ที่การนำใจกลับมาอยู่กับธรรมะ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์มีอยู่ภายในตัวมนุษย์ทุกคน      ธรรมะภายในจะเข้าถึงได้เมื่อใจหยุดใจนิ่ง เมื่อเข้าถึงธรรมแล้ว ก็อาศัยอานุภาพของธรรมะขจัดกิเลสออกไปจากใจ       ใจที่สว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม จึงจะรู้เห็น คิด พูด ทำ ไปในทางที่ถูกต้อง เหมาะสมดีงาม ก่อให้เกิดความสำเร็จในชีวิตทุกช่วงตอน ทำอย่างไรใจจะเข้าถึงธรรม?      ใจ ของพุทธศาสนิกชนต้องมี ศรัทธา คือ เชื่อพระปัญญาการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ เพียบพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดี รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกผู้ที่ควรฝึกได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย …

แนวทางการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จของชาวพุทธเป็นอย่างไร? Read More »

คนพานมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ มงคลชีวิตข้อแรก สอนให้เราไม่คบคนพาล ก่อนอื่นอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า คนพาลมีลักษณะอย่างไร คบแล้วมีผลเสียอย่างไรเจ้าค่ะ คำตอบ:  การจะดูว่า ใครเป็นคนพาลหรือคนดีนั้น ยากพอสมควร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้มาตรฐานในการวัดมาตรฐานคนไว้ คือเอากรรมหรือการกระทำเป็นตัววัด คือคนทำกรรมดีก็เรียกว่าคนดี คนทำกรรมชั่วก็เรียกว่าคนชั่ว             คนพาลคือ คนที่มีนิสัยคิดและทำความชั่วเป็นปกติ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเป็นปกติ ไม่ใช่นานๆ ครั้ง ไม่ใช่พลั้งเผลอ แต่เป็นอาชีพ เป็นอาจิณเลย             ตั้งแต่คิดโลภ พยาบาท เอาเปรียบ อิจฉาตาร้อน เป็นปกติ อย่างนี้เรียกว่าคิดชั่ว             พูดชั่ว โกหก พูดคำหยาบ ใส่ความเขา นินทาเขาเป็นประจำ             ทำชั่วเป็นปกติ ตั้งแต่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขโมย คอรัปชั่น ใต้โต๊ะ บนโต๊ะแล้วก็ประพฤติผิดในกามเป็นประจำ             คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นประจำอย่างนี้ ท่านเรียกว่าคนพาล คือชั่วจนกระทั่งเป็นนิสัยประจำของเขา ทางพระเรียกว่าคนพาล ชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว  …

คนพานมีลักษณะอย่างไร Read More »