ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?

คำถาม:
ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป
เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?”

คำตอบ:
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเตือนชาวโลกไว้ว่า พวกเธอเกิดมาพร้อมกับอวิชชา คือ ความไม่รู้จักตัวเอง ถ้ายังปล่อยให้เป็นสภาพนี้ต่อไปเธอทั้งหลายก็ยังต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จบถ้าจะเลิกเวียนเกิดเวียนตาย เธอจะต้องรีบฝึกตัวเองให้รู้จักตนเองให้ได้ว่า เราเป็นใคร ก่อนเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ตายแล้วจะไปไหน และจะดับทุกข์ดับกิเลสได้อย่างไร

     การที่นักสร้างบารมีหรือผู้ที่รักในการทำความดีทั้งหลายมักจะปรารภการสร้างบุญสร้างบารมีสร้างความดีของตัวเองเป็นประจำนัน้ เพราะเขาตระหนกั ถึงความจริงที่ว่ามนุษย์ต่างเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้จักตัวเอง

     ก่อนเกิดเรามาจากไหน เกิดมาทำไมเกิดมาทำอะไรก็ไม่รู้ อะไรควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเกิดมาแล้วต้องตาย แต่ตายแล้วจะไปไหนก็ยิ่งไม่รู้

     เมื่อไม่รู้อะไรเลย มนุษย์จะทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรย่อมเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่รู้มากเท่าไร โอกาสที่จะทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดก็มีมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นอันตรายใหญ่หลวงของชีวิตมนุษย์ความไม่รู้จักตัวเองคือเรื่องที่ต้องแก้ให้ได้ เพราะว่าต้องการจะรู้คำตอบนี้ จึงต้องตั้งใจเข้าวัดปฏิบัติธรรม เพื่อศึกษาธรรมะตามที่บรรพบุรุษของเราทำตามกันมา ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้สติเอาไว้

     การหาคำตอบเพื่อขจัดความไม่รู้จักตัวเองนั้น จะได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ในพระพุทธศาสนาจนกระทั่งใจหยุดใจนิ่ง ใจใสมากพอ ส่วนวิธีการอื่นใดที่นอกเหนือจากการประพฤติปฏิบัตินี้ไม่มี ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันไว้ว่า การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ นั้น เป็นเส้นทางสายเดียวที่จะกำจัดอวิชชา เพื่อจะไปรู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิตของเราได้

     บางท่านได้ฟังแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ซึ่งเรื่องนี้ถ้าหากในยุคนี้พวกเราไม่ได้พบกับคุณยายอาจารย์ฯ ก็คงจะคิดว่าเป็นเรื่องเหลือวิสัยเช่นกัน แต่เพราะได้มาพบกับคุณยายอาจารย์ฯ ได้เห็นการฝึกตนของท่านเห็นปฏิปทาของท่าน จึงเชื่อมั่นว่าการกำจัดความไม่รู้นั้นเป็นไปได้ การปฏิบัติธรรมจนกระทั่งระลึกชาติได้นี้เป็นเรื่องจริง เป็นวิสัยที่มนุษย์ทำได้

    เรารู้ว่าท่านอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่ได้เรียนจบปริญญาสักใบ แต่สิ่งเหล่านี้ท่านทำได้และเป็นพยานบุคคลให้เรา พวกเราซึ่งเกิดมาในยุคนี้ล้วนแต่อ่านออกเขียนได้ทั้งนั้นมีโอกาสดีกว่าคุณยายอาจารย์ฯ ของเรา เพราะฉะนั้นตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ดีเถิด เรามีสิทธิ์จะระลึกชาติได้ทุกคน แต่ถ้าหากไม่ปฏิบัติธรรมหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ได้

     เพราะการระลึกชาติได้ไม่ได้เกี่ยวกับว่าต้องจบปริญญาหรือไม่จบปริญญาในทางโลกแต่ขึ้นอยู่กับว่าได้ทุ่มชีวิตสร้างบุญ ทุ่มชีวิตปฏิบัติธรรม ทุ่มชีวิตฝึกมรรคมีองค์ ๘ หรือไม่ถ้าใครทุ่มชีวิตตามนี้ก็สามารถทำสำเร็จได้ แล้วก็จะได้รู้จักตัวเองว่าเราเป็นใคร มาจากไหนเวียนว่ายตายเกิดมาเท่าไร แล้วจะเกิดกำลังใจปฏิบัติธรรมเพื่อกำจัดอวิชชาต่อไป

    แต่ว่าการที่ใครจะฝึกฝนอบรมตนเองไปถึงขั้นระลึกชาติได้ มีเงื่อนไขว่าต้องสั่งสมบุญมามากพอ ถ้าบุญยังไม่มากพอ ใจก็ยากจะหยุดนิ่งเป็นสัมมาสมาธิถึงระดับที่ระลึกชาติได้ยิ่งบุญมากเท่าไร ยิ่งระลึกชาติไปได้ไกลมากเท่านั้น

    ทำไมการระลึกชาติถึงต้องใช้บุญด้วยเรื่องนี้อุปมาเหมือนกับการทำงานในโลกนี้ต้องใช้พลังงานมาขับเคลื่อนฉันใด การที่ใครจะระลึกชาติได้ ไม่ว่าจะระลึกชาติตัวเองหรือระลึกชาติคนอื่นก็ต้องใช้พลังงานฉันนั้น แต่พลังงานที่ใช้ในการระลึกชาตินั้น เป็นพลังงานพิเศษที่เรียกว่า “บุญ”

      บุญเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นมาจากการทำความดีทั้งมวล บุคคลควรสั่งสมบุญไว้ให้มาก เมื่อถึงเวลาที่สั่งสมบุญไว้มากพอ เมื่อลงมือปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วน ก็จะระลึกชาติได้ แต่ถ้าไม่สร้างบุญไว้เลย แม้ใจอยากระลึกชาติได้เพียงใด ต่อให้ปรารถนาไปอีกกี่ชาติก็ไม่มีทางทำได้

     เราจะสั่งสมบุญในชาตินี้อย่างไร ถึงจะได้บุญมากพอในระดับที่ระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เรื่องนี้มีหลักปฏิบัติอยู่ ๓ ประการ

      ๑. อย่าใช้บุญเปลือง เพราะชีวิตมีข้อจำกัดที่ทำให้สั่งสมบุญได้ยาก

      ๒. ฉลาดในการสั่งสมบุญบารมี เพื่อสร้างนิสัยทำความดีแบบทุ่มชีวิตเป็นเดิมพัน

      ๓. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อสร้างบารมีเป็นทีม

     ซึ่งพอจะอธิบายโดยสังเขปได้ดังนี้

      ๑. อย่าใช้บุญเปลือง เพราะชีวิตมีข้อจำกัดที่ทำให้สั่งสมบุญได้ยาก

      แม้เราจะทราบว่าบุญมีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อชีวิต แต่ในทางปฏิบัติแล้วการสั่งสมบุญก็ไม่ใช่งานที่จะทำได้ง่าย ๆ เพราะชีวิตมนุษย์มีกับดัก มีเหยื่อล่อ ที่จะทำให้บุญหกตกหล่นได้ตลอดทาง ได้แก่

          ๑.๑ ต้องใช้บุญเก่าในการหาปัจจัย ๔ เลี้ยงชีวิต

     ชีวิตอยู่ได้ด้วยปัจจัย ๔ ซึ่งประกอบด้วยเสื้อผ้า อาหาร ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ถ้าปัจจัย ๔ อย่างนี้มีไม่ครบ มีไม่พอ ก็เดือดร้อนจึงต้องมีให้พอ แต่ปัจจัย ๔ นั้นไม่ได้ตกลงมาจากท้องฟ้า ต้องใช้ความพยายามขยันหามาและต้องใช้บุญจึงจะได้มา ถ้าขยันอย่างเดียวแต่ไม่มีบุญก็ไม่มีทางได้ จะเห็นว่าชีวิตเราต้องใช้บุญอยู่ทุกลมหายใจ ถ้าทำบุญไว้น้อย มีพอแค่เลี้ยงชีวิต แล้วจะเอาบุญจากไหนสั่งสมไว้เพื่อทำงานที่แท้จริง

     แต่ทว่าแม้เราจะขยันหาและสั่งสมบุญไว้ด้วย ปัจจัย ๔ ก็ยังมีความน่าใคร่น่าอยากได้แฝงมาด้วย ซึ่งถ้าเราหลงไปติดกับดักก็จะทำให้เราใช้บุญเปลือง

     พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้ระวังกับดักคือ ความน่าใคร่น่าอยากได้ที่แฝงมากับปัจจัย ๔ เช่น ความอยากได้เสื้อผ้าเกินเหตุ อาหารเกินเหตุ ที่อยู่อาศัยเกินเหตุ หยูกยาเกินเหตุเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เหนื่อยเกินเหตุ ทำให้เสียเวลาหาเงิน ถ้าไม่รู้จักพอ จะต้องเหนื่อยอีกกี่ชาติก็ไม่รู้ ผลาญทั้งความแข็งแรง ผลาญเวลาในชีวิต และที่สำคัญคือผลาญบุญตัวเองด้วย

          ๑.๒ ผลาญบุญตัวเอง เพราะใช้ปัจจัย ๔ มากเกินจำเป็นมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เคยคำนึงถึงวัตถุประสงค์แท้จริงในการใช้ปัจจัย ๔ จึงบริโภคผิดวัตถุประสงค์ แล้วก่อให้เกิดโทษแก่ตัวเองนานาประการ นอกจากนั้นสังคมก็เสียประโยชน์สิ่งแวดล้อมก็ถูกทำลาย

     เพราะความน่าใคร่น่าอยากได้ของปัจจัย ๔ นี่เอง ทำให้เรามองวัตถุประสงค์ในการใช้ปัจจัย ๔ จริง ๆ ไม่ออก จึงทำอะไรไม่คำนึงถึงวัตถุประสงค์ของเรื่องนั้นๆ สิ่งนั้นๆ

      การบริโภคอาหารและยา เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ จึงกลายเป็นอยู่เพื่อกินล้างกินผลาญ ใช้ล้างใช้ผลาญ แล้วก็กลายเป็นล้างผลาญสิ่งแวดล้อม แต่ที่เสียหายยิ่งกว่านั้น ยังกลายเป็นล้างผลาญบุญที่อุตส่าห์สร้างมาด้วยความลำบากยากเย็นอีกด้วยยิ่งล้างผลาญบุญไปมากเท่าไร โอกาสที่จะระลึกชาติไปดูไปรู้ว่าเกิดมาทำไม ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหนก็ริบหรี่ลงไปเต็มที

          ๑.๓ มีเวลาฝึกตัวน้อย เพราะใช้เวลาชีวิตไปกับการแสวงหาปัจจัย ๔ อายุมนุษย์สั้นนัก เพราะฉะนั้นถ้าใครมัวเสียเวลาหาปัจจัย ๔ มากเกินเหตุ ก็ยิ่งมีโอกาสฝึกตัวเองน้อย ใจก็เป็นสมาธิได้ยาก แต่สิ่งที่ตรงข้ามคือนิสัยเสีย ๆ ที่ปล่อยใจตามอำนาจกิเลสก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น

          ๑.๔ ทำความดีแบบเหยาะแหยะ แต่ทำความชั่วแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันเวลาทำชั่วมนุษย์มักเอาชีวิตเป็นเดิมพันเช่น นั่งเล่นไพ่กันยันสว่าง ตั้งวงเหล้าข้ามคืนแต่เวลาทำความดีกลับทำแบบเหยาะแหยะ ทำแค่พอให้ได้ชื่อว่าทำดีแล้วเท่านั้น

          ๑.๕ นิสัยไม่ดีที่ติดตัวมายังมีอีกมาก และคอยบังคับมนุษย์ให้ทำกรรมชั่วนิสัยที่ไม่ดีและกิเลสที่หมักหมมทิ้งไว้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว จะตามไปรังควาญเราต่อชาติหน้าอีก ที่รู้ตัวก็ยังยากจะแก้ไข ที่ไม่รู้ตัวอีกเท่าไรก็ไม่รู้ ดังนั้นใครรู้ตัวว่ามีนิสัยอะไรไม่เข้าท่าก็รีบ ๆ แก้เสีย มิฉะนั้นนิสัยไม่ดี และกิเลสที่หมักหมมทิ้งไว้ มันไม่ยอมสูญไปเอง

     ๒. ฉลาดในการสั่งสมบุญบารมี เพื่อสร้างนิสัยทำความดีแบบทุ่มชีวิตเป็นเดิมพันนักสร้างบารมีหรือว่าคนดีทั้งหลายนั้นจึงขวนขวายในการสั่งสมบุญทำความดีกันทุกจังหวะทุกโอกาส

          ประการที่หนึ่ง หมั่นสั่งสมบุญสร้างความดีทุกวัน

          ประการที่สอง ชักชวนผู้อื่นให้ทำความดีตามมาด้วย

          ประการที่สาม มีความเชื่อมั่นในบุญกุศลที่สั่งสม โดยตามระลึกนึกถึงบุญที่ได้สั่งสมไว้ให้เกิดความปลื้มใจในบุญที่ได้ทำ ทั้งในขณะทำความดีด้วยตนเองและเมื่อชักชวนผู้อื่นทำความดี ยิ่งปลื้มมากเท่าใด บุญก็จะทับทวีเพิ่มมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

          ประการที่สี่ กล่าวสรรเสริญคุณความดีประกาศให้มหาชนได้รับรู้รับทราบ เพื่อจะได้แผ่ขยายความดีขยายความปลื้มในความดีให้กว้างไกลออกไป เมื่อปลื้มได้อย่างนี้ บุญจะเกิดได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง

      ๓. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อสร้างบารมีเป็นทีม

     ปัจจุบันเกิดความผิดพลาดกันไปทั่วโลกคือ เดี๋ยวนี้นับวันการชวนคนทำความดีมีแต่น้อยลง ๆ ทั้งโลกเลย แต่ชวนกันทำสิ่งที่ไม่ดีไม่เข้าท่ามีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การสรรเสริญคุณงามความดีของคนสร้างบุญจึงไม่ค่อยมียิ่งในสังคมออนไลน์หรือสื่อใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่กดไลค์กดแชร์ส่วนมากก็มีแต่เรื่องไม่ดีไม่งามของชาวบ้านทั้งนั้น มีมากกว่าจะแชร์ส่งต่อขยายเรื่องคนทำความดี

     จากหลักปฏิบัติทั้ง ๓ ข้อนี้ หลวงพ่อก็ขอฝากเป็นข้อคิดไว้ รีบไปชักชวนไปเชื้อเชิญบุคคลใกล้ชิดทั้งหลายให้เขาได้มารู้และเข้าใจความจริงของชีวิต ให้เขาได้มาสั่งสมบุญและได้มาบวชกันเยอะ ๆ ตามลูกตามหลานของตัวเองมาบวชให้ได้ หน้าที่ของเราชาวพุทธจะต้องช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ชาวโลกได้ที่พึ่งที่แท้จริง

     การที่เราตั้งใจทำความดีด้วยตัวเอง นั่นเป็นการยืนยันว่าพระพุทธศาสนาดีจริง ว่าที่ฉันทำดีอย่างนี้ ก็เพราะอาศัยคำสอนในพระพุทธศาสนา

     ไปตามลูกตามหลาน ไปตามเพื่อนบ้านมาอบรมมาบวชกันให้ดี เพื่ออาศัยคำสอนในพระพุทธศาสนาช่วยฝึกลูกหลานของเรา ช่วยฝึกเพื่อนบ้านของเราให้เป็นคนดีตามมาอีกด้วยช่วยกันขยายความดีให้รุ่งเรือง ให้มีบุญกันทั่วแผ่นดิน

     การสร้างวัดวาอาราม สร้างโบสถ์สร้างศาลา แม้สร้างพระพุทธรูปนั้น ก็ยังเป็นเพียงการสร้างอุปกรณ์ในการผลิตคนดีขึ้นมาในโลกแต่การประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยตัวเอง การชักชวนผู้อื่นมาปฏิบัติธรรม แล้วเคี่ยวเข็ญให้ปฏิบัติจนได้ผลบุญ เป็นการสร้างคนดีให้เกิดขึ้นจริง ช่วยเพื่อนมนุษย์ให้ค้นพบตัวเอง แล้วจะได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง

     การมีชีวิตอยู่ในโลกจึงจะเป็นการเกื้อกูลกันและกันให้ทำประโยชน์ได้สำเร็จ ซึ่งจะทำให้เกิดไปกี่ภพกี่ชาติเบื้องหน้า เราก็จะมีแต่เพื่อนดี ๆ ลูกหลานดี ๆ ไปสร้างบุญสร้างบารมีเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปทุกภพทุกชาติ แล้วบุญก้อนนี้ก็จะมาเป็นต้นทุนให้เราฝึกสมาธิได้ก้าวหน้าถึงในระดับระลึกชาติหนหลังของตนเองได้ ทำให้เรามีกำลังใจไม่สิ้นสุดในการสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม โดยพร้อมหน้าด้วยกัน

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนพฤษภาคมพ.ศ. ๒๕๕๙
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *