อานิสงส์ของการภาวนาพุทธคุณ

อานิสงส์ของการภาวนาพุทธคุณ (ภาวนาพุทธคุณ ทำให้หมองูรอดตายจากพญานาค)
 
     การศึกษาวิชชาความรู้ในทางพระพุทธศาสนา เป็นกิจที่ควรทำควบคู่กับการศึกษาทางโลก เพราะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นความรู้อันบริสุทธิ์ ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวล เป็นสัจธรรมที่ควรศึกษา ยิ่งศึกษาก็ยิ่งแตกฉาน ยิ่งแตกฉานก็ยิ่งอยากทำตนให้บริสุทธิ์ จะได้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปสู่อายตนนิพพาน การศึกษาในทางธรรมมีเป้าหมายเพื่อฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อจะได้เข้าถึงแหล่งแห่งความรู้ที่สมบูรณ์ อันจะนำไปสู่การเข้าถึงความสุขที่แท้จริงภายในตัวเรา การศึกษาธรรมะให้ซาบซึ้งและเห็นถูกต้องร่องรอยตรงไปตามความเป็นจริงนั้น จะต้องอาศัยใจที่หยุดนิ่ง เพราะใจหยุดนิ่ง จะทำให้เราเกิดความรู้แจ้ง ได้ทั้งความรู้ ความสุขและความบริสุทธิ์ไปพร้อมๆ กัน

มีคำขอถึงไตรสรณคมณ์ที่เราสมาทานกันอยู่บ่อยๆ ว่า
“พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ  ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ  สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
     ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมว่าเป็นสรณะ และข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ”

     การนับถือเป็นสรณะ คือ ขอยึดเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด สิ่งอื่นไม่เอาทั้งนั้น มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก ที่กล่าวคำขอถึงพระรัตนตรัยว่าเป็นสรณะ โดยที่ไม่เข้าใจความหมายของภาษาบาลี เพราะไม่ได้ให้โอกาสกับตนเองในการศึกษา จึงสักแต่ว่ากล่าวตามกันไปเท่านั้น ไม่ได้ซาบซึ้งหรือมีเจตนาว่า จะทำตามที่ได้กล่าวไปแล้ว เมื่อไม่เข้าใจความหมาย จึงนำไปสู่การปฏิบัติไม่ได้ เมื่อขอถึงแล้วไม่ได้ลงมือทำ ก็เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในไม่ได้

     เราเป็นชาวพุทธจำเป็นจะต้องรู้และศึกษาให้ลึกซึ้ง เพราะยังมีบางท่าน หลังจากสมาทานขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกแล้ว เมื่อกลับไปบ้านก็ยังไปอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น ขอถึงภูเขาบ้าง ต้นไม้ใหญ่บ้าง  ยึดเอาจอมปลวกบ้าง ศาลเจ้าที่ได้ยินว่ามีเจ้าพ่อเจ้าแม่อาศัยอยู่บ้าง ก็เข้าไปนอบน้อมยึดเป็นที่พึ่ง เพื่อหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองรักษาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือมีโชคมีลาภ จึงไปอ้อนวอนต่างๆ นานา  

     คำว่าขอถึงพระรัตนตรัยนี้ เริ่มตั้งแต่ยึดเอาพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นบุคคลผู้เลิศประเสริฐที่สุดในโลกเป็นที่พึ่งที่ระลึก เพราะพระองค์ทรงเป็นบรมครูของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย ไม่มีใครจะยิ่งกว่าหรือเสมอเหมือนพระองค์อีกแล้ว จึงควรที่เราจะยึดเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด อีกทั้งเราจะยึดเอาพระธรรมคำสอนอันบริสุทธิ์เป็นที่พึ่ง คือศึกษาธรรมะ แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดผลคือปฏิเวธ จะได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมที่ควรรู้ควรเห็น ชีวิตจะได้ดำเนินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง เป็นชีวิตที่ไม่มีวันผิดพลาด นอกจากพระพุทธ และพระธรรมแล้ว เรายังยึดเอาพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบว่าเป็นที่พึ่งอีกด้วย ไม่ว่าจะมีปัญหาใดก็เข้าไปสนทนาธรรมกับท่าน ท่านจะได้เมตตาแนะนำสั่งสอน ชี้เส้นทางบุญ บอกหนทางไปสู่สวรรค์นิพพานให้กับเรา

     คำนอบน้อมถึงพระรัตนตรัยนั้น เป็นวาจาที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะถือว่าเราได้นอบน้อมบุคคลผู้เลิศ มนุษย์และเทวาได้ยินคำนี้แล้ว เขาจะปีติเบิกบานใจอนุโมทนาสาธุการด้วยความยินดี ในสมัยก่อน แม้เพียงคำกล่าวนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า โดยที่ใจยังไม่ได้เลื่อมใส ก็ยังสามารถทำให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้  

     * มีเรื่องเล่าว่า ในครั้งที่พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ชาวชมพูทวีปผู้มีความเลื่อมใสในคุณของพระรัตนตรัยพร้อมใจกันสร้างพระเจดีย์ทองประดับประดาด้วยรัตนะ ๗ ประการ

     สมัยนั้น หมองูคนหนึ่ง มีอาชีพแสดงงูให้คนดูตามหมู่บ้านต่างๆ วันหนึ่ง หมองูได้เปิดการแสดงให้ชาวบ้าน ซึ่งส่วนมากนับถือพระรัตนตรัย ครั้นพอตกกลางคืน เขาได้ยินเสียงชาวบ้าน ท่องคำภาวนานึกถึงพระพุทธคุณว่า นโม พุทฺธาย   หมองูได้ยินคำนั้น รู้สึกเป็นคำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อโสตประสาทเหลือเกิน รู้สึกหงุดหงิดใจมาก ไม่อยากฟังคำภาวนานั้น เพราะตนไม่ศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เนื่องจากเป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่เมื่อหมองูได้ยินเสียงชาวบ้านท่องคำภาวนาว่า นโม พุทฺธาย บ่อยเข้าๆ ตนก็ท่องตามในทำนองล้อเลียน โดยไม่ได้มีความเลื่อมใสแต่อย่างใด

     ต่อมา หมองูได้ออกจากบ้านไปหางูเพื่อใช้ประกอบอาชีพ เขาเดินเข้าไปในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบพญานาคตัวหนึ่ง กำลังมานอบน้อมพระเจดีย์ทอง จากนั้นก็ไปพักอยู่ที่จอมปลวกใกล้ๆ พระเจดีย์ หมองูจึงร่ายมนตร์หวังจะจับพญานาคราช

     นาคราชได้ยินเสียงมนตร์ รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมาทันที ไม่พอใจที่จะมีคนมาประทุษร้าย จึงคิดจะฆ่าหมองู ได้เลื้อยไปตามเสียงมนตร์ด้วยความโกรธ  หมองูเห็นว่ามนตร์ของตนไม่สามารถทำอันตรายพญานาคราชได้ ก็ตกใจกลัว รีบวิ่งหนีอย่างสุดฤทธิ์ พญานาคได้เลื้อยตามไปหวังจะฆ่าให้ตาย ขณะนั้นเอง หมองูได้สะดุดก้อนหินล้มลง เกิดความหวาดกลัวสุดชีวิต จึงได้อุทานขึ้นมาว่า  นโม พุทฺธาย ด้วยความที่เคยพูดคำนี้เล่นบ่อยๆ

     คำอุทานของหมองู เปรียบดั่งนํ้าอมฤตที่แผ่ซ่านไปทั่วกายนาคราช ยังใจของนาคราชให้นุ่มนวลชุ่มชื่นเบิกบาน เหมือนนํ้าเย็นที่ราดรดเปลวไฟที่กำลังลุกโพลง ความโกรธที่มีอยู่ก็พลันมลายหายไปทันที ด้วยความที่ตัวเองมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอยู่แล้ว พญานาคราชจึงกล่าวกับหมองูว่า “เพื่อนเอ๋ย อย่ากลัวเราเลย บัดนี้เราถูกมนต์คือพุทธคุณของพระพุทธเจ้าเข้าแล้ว มนต์นั้นยังใจของเราให้ผ่องใสเบิกบานยิ่งนัก พร้อมทั้งเกิดความเลื่อมใสต่อท่านด้วย วันนี้เราจะให้เครื่องบรรณาการแก่ท่าน ขอท่านจงรับเครื่องบรรณาการจากเราด้วยเถิด”

     ครั้นพญานาคราชพูดจบ ก็เลื้อยเข้าไปเอาดอกไม้ทองคำ ๓ ดอกมามอบให้ พลางกล่าวว่า “ดอกไม้ทั้ง ๓ ดอกนี้ ดอกแรกจงนำไปบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นบุญของท่าน ดอกที่สองจงบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นบุญของเรา ส่วนดอกที่สามให้ท่านนำไปขายเพื่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่เป็นสุขเถิด  ท่านอย่าได้ประมาทในบุญทั้งหลาย จงเร่งรีบสั่งสมบุญเถิด และดำรงชีวิตอยู่ด้วยคุณงามความดี ให้ละกรรมอันต่ำช้านั้นเสีย แล้วเลิกเบียดเบียนผู้อื่นเถิด” จากนั้น พญานาคได้เลื้อยจากไปสู่นาคพิภพตามเดิม

     หมองูเห็นอานุภาพแห่งคำภาวนาที่เกิดขึ้นกับตนเช่นนั้น บังเกิดความปีติเลื่อมใสในพระรัตนตรัย และดีใจที่ได้ลาภใหญ่ จึงได้ทำตามที่นาคราชแนะนำ โดยเลิกอาชีพหมองูซึ่งต้องเบียดเบียนสัตว์ และหันมาสั่งสมบุญกุศล ตั้งมั่นในความดีอย่างเดียวจนตลอดชีวิต เมื่อละโลกไปด้วยใจที่เลื่อมใส จึงเป็นผู้เพียบพร้อมไปด้วยสมบัติอันเป็นทิพย์มากมาย

     พระพุทธคุณนั้น เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ อานุภาพเป็นอจินไตย สามารถบันดาลให้ใจที่ขุ่นมัวด้วยความอาฆาตมาดร้ายของนาคราชสงบลง เพียงได้ยินคำกล่าวระลึกถึงพุทธคุณ จิตใจก็ผ่องใสเบิกบาน แช่มชื่น เปี่ยมไปด้วยความเมตตาปรานี และยังใจที่มืดบอดด้วยมิจฉาทิฏฐิของหมองูกลับมาเป็นสัมมาทิฏฐิ ได้พบกับแสงสว่างของชีวิต และตระหนักซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัยในที่สุด

     ใจของเราซึ่งภาวนาสรรเสริญพุทธคุณว่า สัมมา อะระหัง ก็เช่นเดียวกัน ย่อมได้รับผลอย่างอัศจรรย์  การที่หลวงปู่วัดปากนํ้าภาษีเจริญ ท่านสอนให้กำหนดดวงแก้วหรือองค์พระเป็นบริกรรมนิมิต พร้อมกับภาวนาว่า สัมมา อะระหัง   ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้เราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน เป็นวิธีนำออกจากทุกข์และเข้าถึงความสุขที่แท้จริง

     คำภาวนา สัมมา อะระหัง เป็นพุทธานุสติ สัมมาแปลว่าชอบหรือถูกต้อง  อะระหัง หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ห่างไกลจากกิเลสอาสวะ  สัมมา อะระหัง จึงหมายถึงการส่งใจไปถึงพระพุทธเจ้าผู้ห่างไกลแล้วจากกิเลส ผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ การส่งใจไปถึงองค์พระแก้วใส และบริกรรมภาวนาว่า สัมมา อะระหัง อยู่เสมอ จะทำให้เราเข้าถึงพระธรรรมกายภายใน มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง เมื่อใดที่เราปรารถนาความสุข พึงระลึกถึงพุทธคุณเมื่อนั้น ระลึกถึงเพียงหนึ่งนาที ย่อมเป็นนาทีทองแห่งความสุข นาทีแห่งบุญกุศล ระลึกถึงหนึ่งชั่วโมง ก็มีความสุขตลอดหนึ่งชั่วโมง ถ้าหากระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา ก็จะมีความสุขตลอดเวลา เป็นสุขทุกทิวาราตรีกาล เพราะฉะนั้นให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ทำตามหลักที่หลวงปู่วัดปากนํ้าท่านได้สอนไว้ แล้วเราจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยกันทุกๆ คน

* ภูมิวิลาสินี (พระพรหมโมลี)

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/12624
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๒

กลับสู่
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ๑๘ เล่ม 1080 เรื่อง

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *