อานิสงส์ถวายสังฆทาน

อานิสงส์ถวายสังฆทาน (พระทัพพะมัลลบุตรผู้เลิศด้านการจัดแจงเสนาสนะ” )

     ทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนเกิดมาจากสถานที่ที่แตกต่างกัน ได้รับการอบรมเลี้ยงดูหล่อหลอมจากสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่ในความเหมือนของมนุษย์  คือเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อฝึกฝนอบรมตนเองทั้งกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อเพิ่มเติมบุญบารมีให้มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกิเลสเข้าสู่อายตนนิพพาน ซึ่งหนทางที่ลัดที่สุดในการพัฒนากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ คือการทำใจให้หยุดนิ่ง  ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา เมื่อเราฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งสนิทดีแล้ว ความบริสุทธิ์ก็จะเกิดขึ้น ทำให้ใจของเราใสสว่าง จะคิดก็คิดแต่สิ่งที่ดีเป็นสิริมงคล แล้วก็จะส่งผลออกมาถึงคำพูดและการกระทำให้ดี เป็นไปเพื่อบุญกุศลล้วนๆ และเพื่อให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

มีถ้อยคำสุภาษิตที่ปรากฏใน ขุททกนิกาย อปทาน ว่า
     “ด้วยกรรมที่ทำสังฆทานไว้ดีแล้ว และด้วยการตั้งเจตจำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง  เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ เพราะกรรม  คือการถวายสังฆทานนั้นนำไป เราจึงมีความสุขในที่ทุกสถาน”

     นี่เป็นถ้อยคำของพระทัพพะมัลลบุตรที่ท่านระลึกชาติย้อนหลัง ไปดูประวัติการสร้างบารมีของตัวเอง ว่ามีบุญอะไรบ้างหนอที่เป็นเหตุให้ท่านได้นิพพานสมบัติ ก็รู้ว่าเป็นเพราะบุญที่ได้ถวายสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข การที่ท่านประสบความสำเร็จแล้วย้อนกลับไปดูต้นเหตุแห่งความสุขและความสำเร็จนั้น  ทำให้ตระหนักว่า การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเกิดมาในโลกนี้  ล้วนแล้วจะต้องตั้งเป้าหมายของชีวิตเอาไว้ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนหรืออยู่ในสถานะใดก็ตามต้องมีเป้าหมาย และดำเนินไปตามปณิธานที่ได้ตั้งใจเอาไว้

     สิ่งหนึ่งที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต ที่จะลืมเสียไม่ได้เลย นั่นคือบุญ บุญเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการผลักดันให้งานต่างๆ ทั้งที่เป็นทางโลกและทางธรรมบรรลุผล เพราะบุญนี้คือทุกสิ่ง เป็นพลังความดีที่จะคอยช่วยเหลือประคับประคองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ได้  และบุญนี่แหละที่ดลบันดาลความสุขความสำเร็จให้เรา  ไม่ว่าจะเป็นความสุขที่เป็นโลกิยะหรืออริยะ

     พระทัพพมัลลบุตรเถระก็เช่นเดียวกัน ท่านเป็นตัวอย่างของนักสร้างบารมีที่มีประวัติการสร้างบารมีน่าสนใจทีเดียว คือท่านชอบถวายสังฆทานเป็นประจำ ท่านรู้ว่าสังฆทานมีอานิสงส์ใหญ่ เป็นบุญที่ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ ต้องมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ต้องมีพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญ เพราะบางชาติอาจไปเกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นเลยจึงยากที่จะพบเนื้อนาบุญ เพราะฉะนั้นเมื่อปรารภเหตุอะไรแล้วก็ต้องรีบสั่งสมบุญ

     * พระเถระเมื่อระลึกชาติย้อนไปในยุคเริ่มสร้างบารมีของท่าน ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ สมัยนั้นมนุษย์มีอายุขัยแสนปี ท่านได้เป็นลูกชายของมหาเศรษฐีผู้ใจบุญในพระนครหงสวดี  เมื่อเติบใหญ่ขึ้น ได้มีโอกาสเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาพร้อมกับเพื่อนๆ เป็นประจำ ได้ฟังพระธรรมเทศนา  มีอยู่วันหนึ่ง ท่านได้ฟังพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแต่งตั้งพระอรหันตเถระรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งภิกษุผู้เลิศ ในด้านจัดตั้งเสนาสนะแก่ภิกษุทั้งหลาย ท่านจึงเข้าไปกราบทูลเพื่อปรึกษาพระพุทธองค์ ว่าทำอย่างไรจึงจะได้ตำแหน่งนั้นบ้าง

     พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้ถวายมหาสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์ตลอด ๗ วัน และให้ตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ให้มั่น จะทำบุญอะไรก็ให้อธิษฐานจิตตอกยํ้าอยู่เสมอๆ  เมื่อรู้วิธีแล้ว ก็กลับไปบ้าน นำทรัพย์สมบัติที่มีอยู่มากมายนั้น มาเปลี่ยนเป็นอาหารหวานคาว จัดเตรียมมหาทานเพื่อถวายภิกษุสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ชักชวนเพื่อนๆ และบริวารให้มาช่วยกันเอาบุญใหญ่ในครั้งนี้ด้วย

     เมื่อถวายทานครบ ๗ วันแล้วพระบรมศาสดาจึงพยากรณ์ด้วยอนาคตังสญาณว่า “บุตรเศรษฐีนี้ ได้นิมนต์พระโลกนายกพร้อมด้วยพระสงฆ์ให้ฉันภัตตาหารตลอด ๗ วัน เขาจักมีอินทรีย์ดังใบบัว มีผิวพรรณดุจทองคำ  ในกัปที่แสนนับแต่กัปนี้ พระบรมศาสดามีพระนามว่า โคดม  จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก  บุตรเศรษฐีนี้จักได้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ปรากฏโดยชื่อว่า ทัพพะ เป็นภิกษุผู้เลิศฝ่ายจัดแจงเสนาสนะตามที่ปรารถนา”

     บุตรเศรษฐีเมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เช่นนั้น ก็เกิดความปลื้มปีติขนลุกชูชัน จึงเกิดความอุตสาหะที่จะสั่งสมบุญให้ได้ตลอดชีวิต ตั้งแต่นั้นมา จึงอาศัยโอกาสในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นลูกเศรษฐี มีเนื้อนาบุญให้ได้ทำบุญอยู่ใกล้ๆ  จึงตั้งใจถวายสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่อยู่เป็นประจำ ควบคู่ไปกับการรักษาศีล ฟังธรรมะ และเจริญสมาธิภาวนาจนตลอดชีวิต เมื่อละโลกไปแล้ว ท่านได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ได้เสวยทิพยสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง  เป็นพระเจ้าประเทศราชอีกนับครั้งไม่ถ้วน  เพราะบุญที่เกิดจากการถวายสังฆทานนั้น  ทำให้ท่านเป็นผู้มีความสุขในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ

     เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านก็ได้เป็นลูกเศรษฐีอีก  และที่โชคดี ยิ่งไปกว่านั้นคือ ได้เกิดในยุคสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ท่านได้ถวายสลากภัตรนํ้านมแด่พระสาวกของพระพุทธองค์ และก็ถวายสังฆทาน  ทำบุญกุศลอันเป็นเหตุให้ได้ทิพยสมบัติหลังจากละจากอัตภาพนั้นแล้ว  ท่านได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ไม่เคยพลัดตกไปในอบายภูมิเลย

     พอมาในสมัยของพระกัสสปทศพล ซึ่งเป็นช่วงที่พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานได้ไม่นาน ท่านก็ได้บังเกิดเป็นลูกเศรษฐีเหมือนเดิม แต่ชาตินั้นท่านเกิดความเบื่อหน่ายในเพศฆราวาสไม่อยากครองเรือนอีกต่อไป จึงขอลาบวชเป็นภิกษุในบวรพระพุทธศาสนา เนื่องจากเมื่อไม่มีพระบรมศาสดา ผู้ปฏิบัติตามคำสอนก็เริ่มย่อหย่อน หาผู้ที่ตั้งใจจะปฏิบัติให้หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ก็ยากเหลือเกิน  ท่านเลยปรึกษากับเพื่อนสหธรรมิกอีก ๗ รูป ว่าจะเข้าป่าเพื่อไปปฏิบัติธรรมกันอย่างจริงๆ จังๆ

     ทั้ง ๗ รูป ได้ใช้บันไดปีนขึ้นไปนั่งบนยอดเขา ด้วยความตั้งใจว่า  จะฝึกฝนใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่ง ให้บรรลุเป็นพระอรหันต์ให้ได้ ในบรรดา ๗ รูปนั้น มีเพียงพระสังฆเถระเท่านั้นที่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พระเถระรองลงมาได้เป็นพระอนาคามี พระเถระอีก ๕ รูปนอกนี้รวมถึงตัวท่านด้วยเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ได้มรณภาพลงแล้วไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสุขในเทวโลกหนึ่งพุทธันดร

     พอมาในสมัยพุทธกาล ภิกษุ ๔ รูป ก็ได้มาบังเกิดเป็นพระปุกกุสาติ สภิยะ  พาหิยะ และกุมารกัสสปะ ส่วนตัวของท่านทัพพะได้บังเกิดในอนุปิยนคร  ท่านออกบวชตอนอายุเพียง ๗ ขวบเท่านั้น  เมื่อบวชแล้วก็ตั้งใจทำความเพียรเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานเพียงไม่กี่วัน ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ

     เมื่อหมดกิจในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านจึงอาสารับหน้าที่จัดเสนาสนะเพื่อภิกษุสงฆ์ เช่นเมื่อจะส่งพระภิกษุทั้งหลายในเวลามืดคํ่า ก็ใช้นิ้วส่องแสงสว่างดุจแสงประทีปตามส่งพวกภิกษุอาคันตุกะทั้งหลาย  ท่านทำหน้าที่จัดแจงเสนาสนะ และหน้าที่จัดแจงเรื่องภัตตาหารได้อย่างบริบูรณ์ เป็นที่พอใจของภิกษุสงฆ์ทั้งที่อยู่ประจำและที่เป็นอาคันตุกะ  พระบรมศาสดาจึงทรงแต่งตั้งท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศว่า “พระทัพพมัลลบุตร เป็นผู้เลิศแห่งหมู่ภิกษุผู้จัดแจงเสนาสนะ” ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านได้อย่างดีเยี่ยม  และมีความสุขอยู่ในโลกุตตรสมาบัติตราบกระทั่งเข้าสู่นิพพาน  

     เราจะเห็นว่า  บุญที่ทำเอาไว้ดีแล้วนี้ ประดุจเงาตามตัวที่สามารถติดตามตัวเราไปได้ทุกหนทุกแห่งและทุกภพทุกชาติ โดยเฉพาะบุญใหญ่จากการถวายสังฆทาน เป็นบุญพิเศษที่หาทำได้โดยยาก ปัจจุบันเราอยู่ในดินแดนที่มีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง จึงอาจดูเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรเลย แต่เมื่อเทียบกับชาวโลกอีกมากมายแล้ว จะเห็นว่าเราได้โอกาสที่ชาวโลกหาทำกันได้ยากจริงๆ เพราะนี่เป็นโอกาสทองเฉพาะผู้มีบุญที่อยู่ในถิ่นที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น  เมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว ก็ให้หมั่นขวนขวายในการสั่งสมบุญให้กับตัวเองให้มากๆ  เพราะเมื่อหมดชีวิตก็คือหมดโอกาส  แต่เมื่อยังมีโอกาสก็ต้องรีบสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง

* มก. เล่ม ๗๒ หน้า ๒๖๑

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11838
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *