อานิสงส์ถวายนมสด

อานิสงส์ถวายนมสด (ภัททชิกุมาร บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขณะเป็นฆราวาส)

     จุดกำเนิดของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่า คนนั้นดีหรือชั่ว แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่บุคคลได้ทำอะไรให้แก่ใคร และเป็นประโยชน์มากน้อยเพียงใด  การกระทำนั้นจะเป็นเครื่องบ่งบอกเอง เราสามารถจัดการชีวิตของตัวเอง ให้ไปในทิศทางที่ตนต้องการและปรารถนาจะให้เป็นไปได้

     ชีวิตของเราต้องดำเนินตามทางของนักสร้างบารมี ทั้งในอดีตและปัจจุบัน คือ ต้องสร้างบารมีกันให้ถึงที่สุด  สร้างบารมีกันให้ครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง ๓๐ ทัศ  โดยเฉพาะทาน ศีล ภาวนา เพราะการทำทานรักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาอย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ จะทำให้บารมีอื่นๆ ทำได้สมบูรณ์ไปด้วย

                    มีพุทธพจน์ที่มีใน มังคลัตถทีปนี นิธิกัณฑ์ ว่า
                   “เอส เทวมนุสฺสานํ        สพฺพกามทโท นิธิ
                     ยํ ยํ เทวาภิปตฺเถนฺติ      สพฺพเมเตน ลพฺภติ
                     สุวณฺณตา สุสรตา        สุสณฺฐานํ  สุรูปตา
                     อาธิปจฺจํ ปริวาโร         สพฺพเมเตน ลพฺภติ ฯ
     บุญนิธินั้น ให้สมบัติน่าใคร่ทุกอย่างแก่ทวยเทพและมนุษย์ ปรารถนาผลใดๆ ผลนั้นๆ ทั้งปวง  ย่อมได้ด้วยบุญนิธินั้น ความเป็นผู้มีวรรณะงาม ความเป็นผู้มีเสียงไพเราะ ความมีทรวดทรงสมส่วน ความเป็นผู้มีรูปสวย ความเป็นใหญ่ ความมีบริวาร  ผลทั้งปวงย่อมได้ด้วยบุญนิธินั้น”

     บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต ทั้งในอดีต ปัจจุบันและในอนาคต จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า บุญเป็นชื่อของความสุข คนที่มีความสุขก็เพราะมีบุญมาก คนที่มีความทุกข์ก็เพราะมีบุญน้อย

     ความสำเร็จในชีวิตก็เช่นกัน ใครที่มีบุญมากความสำเร็จในชีวิตก็มีมาก จะทำธุรกิจการงานอะไรก็สำเร็จหมด และได้ผลเกินควรเกินคาด  ตรงกันข้ามคนที่มีบุญน้อยจะทำอะไรก็ฝืดเคือง ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำธุรกิจการงานก็ขาดทุน ได้ไม่พอกับที่ลงทุนไป บางทีซํ้าร้ายไปกว่านั้นถึงกับล้มละลายก็มี

     เพราะฉะนั้น บุญจึงที่มีอานุภาพเกินกว่าสิ่งใดๆ ในโลกนี้  เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว ก็ควรหมั่นสั่งสมบุญให้กับตัวของเราเองให้ได้มากๆ บุญจะได้ช่วยประคับประคองเราในเส้นทางการสร้างบารมีตลอดไป เหมือนพระภัททชิเถระที่ท่านสั่งสมบุญไว้มาก จนในที่สุด บุญนั้นก็สามารถช่วยให้ท่านได้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุด และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา

     * ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ  พระภัททชิเถระท่านเคยบังเกิดในตระกูลพราหมณ์  พอเจริญวัย ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบการศึกษาในศิลปศาสตร์ของพราหมณ์  ท่านมีจิตใฝ่ในการบวชไม่ต้องการที่จะครองเรือน จึงออกบวชถือเพศเป็นดาบส สร้างอาศรมอยู่ในป่า วันหนึ่งมองเห็นพระศาสดาเสด็จมาทางอากาศ บังเกิดความเลื่อมใสในจริยาวัตรของพระศาสดาเป็นอย่างมาก จึงยืนประคองอัญชลี

     พระศาสดาทรงเห็นอัธยาศัยของท่าน จึงเสด็จลงจากอากาศมาประทับยืน ณ ที่ใกล้อาศรม  ท่านได้น้อมนํ้าผึ้ง เหง้าบัว เนยใสและนมสดเข้าไปถวาย  พระศาสดาก็ทรงอนุเคราะห์แก่ท่าน  และทรงกระทำอนุโมทนากถาแล้วเสด็จหลีกไป  ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ดำรงอยู่ในสวรรค์ชั้นนั้นจนตลอดอายุขัย จุติจากอัตภาพนั้น ก็ท่องเที่ยวไปในสุคติภพอย่างเดียว

     ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ท่านได้เกิดเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์มาก ได้ถวายผ้าไตรด้วยความเลื่อมใสแด่ภิกษุสงฆ์ถึง ๑ ล้าน ๘ แสนรูป  ท่านทำกุศลไว้เป็นอันมาก พอละโลกได้บังเกิดในเทวโลก  เมื่อเคลื่อนจากเทวโลกนั้น มาบังเกิดในมนุษยโลกสมัยที่โลกว่างเปล่าจากพระพุทธเจ้า แต่บุญก็บันดาลให้ท่านได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ พระองค์ จุติจากอัตภาพนั้น ไปบังเกิดในราชตระกูล  ท่านหมั่นพรํ่าสอนทศพิธราชธรรมแก่ราชบุตรทั้งหลาย แล้วได้บำรุงโอรสของตนที่ได้บรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ  เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านก็ถือเอาพระบรมธาตุบรรจุไว้ในเจดีย์เพื่อสักการบูชา  ท่านได้บำเพ็ญมหากุศลอันเป็นบุญใหญ่นับภพนับชาติไม่ถ้วนอย่างนี้

     ในกาลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี้ ท่านได้มาบังเกิดเป็นลูกชายคนเดียวของภัททิยเศรษฐี ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมากถึง ๘๐ โกฏิ ในภัททิยนคร มีนามว่า ภัททชิกุมาร  อิสริยสมบัติ โภคสมบัติและบริวารสมบัติของท่านได้มีพร้อมทุกอย่าง  พระบรมศาสดาทรงตั้งพระทัยจะอนุเคราะห์ภัททชิกุมาร จึงเสด็จออกจากเมืองสาวัตถีไปภัททิยนคร พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ทรงประทับอยู่ในชาติวัน

     วันหนึ่ง ขณะที่ภัททชิกุมารกำลังนั่งอยู่ในปราสาทเปิดสีหบัญชรมองดู เห็นมหาชนกำลังเดินไปฟังธรรม ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีความสงสัยว่า มหาชนนี้กำลังจะไปที่ไหนกัน เมื่อทราบแล้วก็ไปยังสำนักของพระศาสดาพร้อมด้วยบริวารหมู่ใหญ่ เพียงแค่ได้ฟังธรรมครั้งเดียวและเป็นครั้งแรก ท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ทั้งที่ยังประดับประดาไปด้วยอาภรณ์ทั้งหลาย

     พระบรมศาสดาทรงตักเตือนท่านภัททิยเศรษฐีว่า “บุตรชายของท่านประดับประดาด้วยเครื่องอลังการฟังธรรม ได้ดำรงอยู่ในพระอรหัตแล้ว บุตรของท่านสมควรที่จะบวชเสียเดี๋ยวนี้  ถ้าไม่บวชก็จักปรินิพพาน”  เศรษฐีกราบทูลว่า “บุตรของข้าพระองค์ยังเป็นคนหนุ่มแน่นอยู่ กิจด้วยการปรินิพพานจะมีไม่ได้ ขอพระองค์จงให้เขาบวชเถิด” พระบรมศาสดาทรงให้เขาได้บรรพชาอุปสมบท ประทับอยู่ในที่นั้นได้ ๗ วันแล้ว ก็เสด็จไปยังโกฏิคามใกล้ฝั่งแม่นํ้าคงคา  ชาวบ้านโกฏิคามได้ถวายมหาทานแด่หมู่ภิกษุมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข  พระภัททชิเถระปรารถนาจะบันลือสีหนาท  ท่านจึงกำหนดเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมา แล้วก็ได้นั่งเข้าสมาบัติที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง

     เมื่อพระมหาเถระทั้งหลายมาถึง ท่านก็มิได้ลุกขึ้นต้อนรับ ทำให้ภิกษุที่ยังเป็นปุถุชนต่างพากันเพ่งโทษว่า ภิกษุรูปนี้บวชมายังไม่ทันไร ก็กลายเป็นผู้แข็งกระด้างไปเสียแล้ว ไม่ยอมลุกขึ้นในเวลาที่พระมหาเถระทั้งหลายมาถึง ส่วนชาวบ้านโกฏิคาม  ได้พากันผูกเรือแพเป็นอันมากถวายแด่พระศาสดาและภิกษุสงฆ์

     พระบรมศาสดาจึงทรงดำริที่จะประกาศถึงอานุภาพของพระภัททชิ  จึงประทับยืนบนเรือ ตรัสถามว่า “ภัททชิไปไหน”  พระภัททชิเถระกราบทูลว่า “พระเจ้าข้า”  แล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดา ยืนประคองอัญชลี  พระบรมศาสดาตรัสว่า “ภัททชิ มานี่ซิ เธอจงขึ้นเรือลำเดียวกันกับเราเถอะ”  พระภัททชิจึงเหาะขึ้นไปในอากาศ แล้วลงในเรือลำเดียวกันกับพระศาสดาประทับ  

     ในเวลาที่เรือแล่นไปในท่ามกลางแม่นํ้าคงคา พระบรมศาสดาตรัสว่า “ภัททชิ ในเวลาที่เธอเป็นพระเจ้ามหาปนาทะ รัตนปราสาทจมลงในที่ไหนเล่า”  พระเถระกราบทูลว่า “จมลงในที่ตรงนี้ พระเจ้าข้า”  พระบรมศาสดาตรัสว่า “ถ้าเช่นนั้น เธอก็ควรตัดความสงสัยของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายเถอะ”

     พระเถระจึงเอานิ้วเท้าคีบยอดปราสาทอันใหญ่ประมาณ ๒๕ โยชน์ แล้วเหาะไปในอากาศ  ท่านได้ยกปราสาทขึ้นสูงถึง ๕๐ โยชน์  เมื่อปราสาทถูกยกลอยไป  พวกญาติของท่านในภพก่อน ซึ่งได้เกิดเป็นปลาเต่าและกบเพราะความโลภในปราสาท ก็พากันล้มกลิ้งไปมา พระบรมศาสดาจึงตรัสว่า “พวกญาติเธอกำลังลำบาก” พระเถระจึงปล่อยปราสาท  ปราสาทก็ตั้งสถิตอยู่ตามเดิม  ทำให้ภิกษุทั้งหลายหายสงสัยในคุณวิเศษของท่าน

     เราจะเห็นว่า การที่คนใดคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุดได้นั้น เบื้องหลังของความสำเร็จที่แท้จริง ล้วนมาจากบุญที่เคยทำเอาไว้ในอดีต นับภพนับชาติไม่ถ้วนนั่นเอง  แม้การที่พระภัททชิเถระนี้ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้  ก็เพราะบุญบารมีที่ท่านบำเพ็ญมาในพระพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ทั้งหลายในอดีต  บำเพ็ญมาเรื่อยไม่เคยขาด บุญที่ท่านทำนั้นมีแต่บุญใหญ่ทั้งนั้น เป็นบุญที่สามารถทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยเร็วพลัน  

     เราทุกคนก็เช่นเดียวกัน ต้องสั่งสมบุญบารมีให้มากๆ เราต้องตั้งใจสร้างบารมีกันต่อไป จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือได้บรรลุมรรคผลนิพพาน

* มก. เล่ม ๗๒ หน้า ๔๗๗

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11520
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *