อานิสงส์ถวายเสา ๕ ต้น ร่วมสร้างหอฉัน

อานิสงส์ถวายเสา ๕ ต้น ร่วมสร้างโรงฉัน (เสลมาณพและบริวาร 300 คน)

     สมรภูมิชีวิตของเรา ตลอดทั้งชีวิตเราต้องซ้อมรบเอาไว้  การจะรู้แพ้รู้ชนะ ให้ดูกันที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะละโลก ชีวิตต้องผ่านการหล่อหลอมให้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ ให้สมบูรณ์ด้วยทาน ศีล ภาวนาอยู่ตลอดเวลา จึงจะมั่นใจได้ว่า เราจะเป็นผู้มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป  ถ้าเราได้พัฒนาฝึกฝนอบรมตนมาอย่างดีแล้ว จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง  เมื่อภัยมาก็ยิ้มสู้ได้ แม้ความตายจะมาเยือน ก็พร้อมเสมอที่จะเดินทางไปสู่ปรโลก  เราจะก้าวข้ามโลกนี้ไปอย่างผู้มีชัยชนะ  เพราะฉะนั้น เมื่อรักจะสร้างความดี ต้องไม่กลัว   ต่อความยากลำบาก ไม่กลัวอุปสรรคที่บังเกิดขึ้น ยิ่งสั่งสมบุญมากเพียงใด  พลังใจจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนไม่มีขอบเขต และสามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย จะคว้าธงชัยของชีวิต มีปีติสุขเป็นรางวัลกันทุกคน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สัปปุริสสูตร ว่า
               “สุจึ ปณีตํ กาเลน           กปฺปิยํ ปานโภชนํ
                อภิณฺหํ ททาติ ทานานิ     สุเขตฺเตสุ พฺรหฺมจาริสุ
                เนว  วิปฺปฏิสาริยํ           จชิตฺวา อามิสํ พหุ ํ
                เอวํ ทินฺนานิ ทานานิ       วณฺณยนฺติ วิปสฺสิโน
                เอวํ ยชิตฺวา เมธาวี         สทฺโธ มุตฺเตน เจตสา
                อพฺยาปชฺฌํ สุขํ โลกํ       ปณฺฑิโต อุปปชฺชติ
     สัตบุรุษย่อมให้ทาน คือ ข้าวและน้ำที่สะอาด ประณีตตามกาล สมควร เนืองนิตย์ ในผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ผู้เป็นเขตดี บริจาคของมากแล้วก็ไม่รู้สึกเสียดาย ท่านผู้มีปัญญาเห็นแจ้งย่อมสรรเสริญทานที่สัตบุรุษให้แล้วอย่างนี้  เมธาวีบัณฑิตผู้มีศรัทธา มีใจอันสละแล้ว บริจาค ทานอย่างนี้แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความเบียดเบียนเป็นสุข”

      การเดินทางไกลในสังสารวัฏ เสบียงเดินทางที่ดีที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่าบุญ บุญจะเป็นมิตรแท้ติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ จะคอยสนับสนุนส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต ธุรกิจการงาน และสิ่งที่พึงปรารถนา การสั่งสมบุญที่เกิดจากการให้ทานนั้น เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว  เพียงแต่การให้ที่ถูกหลักวิชา เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องศึกษากันเอาไว้ให้ดี บางคนให้ทานเหมือนกัน แต่ได้ผลบุญไม่เท่ากัน เพราะความต่างกันในลักษณะของการให้ทาน ๘ ประการ ที่หลวงพ่อได้ยกขึ้นมากล่าวเมื่อสักครู่นี้  ดังนั้นให้ทานทั้งที ต้องให้ได้บารมีมากที่สุด ให้สมกับการเกิดมาเพื่อสร้างบารมีกัน

     * หลวงพ่อก็มีตัวอย่างของผู้ที่ให้ทานอย่างสัตบุรุษที่ทำถูกหลักวิชา  มาเล่าให้ได้ศึกษากันเอาไว้  เรื่องของท่านก็มีอยู่ว่า ในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ  ครั้งนั้น ท่านพระเสลเถระบังเกิดเป็นลูกเศรษฐีอยู่ในนครหงสาวดี  พอทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลก ท่านก็ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนหมู่ญาติจำนวน ๓๐๐ คน ให้ช่วยกันสร้างหอฉันที่ใหญ่โตสวยงาม  ถวายแก่ภิกษุสงฆ์ ได้ถวายไทยธรรมชนิดต่างๆ ที่บรรจงจัดอย่างประณีต จากนั้นก็ได้ทำการฉลองหอฉัน ด้วยการถวายภัตตาหารแด่ภิกษุสงฆ์หนึ่งแสนรูป มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ท่านทำด้วยความปลื้มปีติใจ

     ข้อสังเกตสำหรับเรื่องนี้อยู่ตรงที่ว่า แม้ท่านจะได้ทำบุญใหญ่ แต่ก็ไม่ได้อธิษฐานจิต หรือขอพรจากพระพุทธเจ้าให้ได้รับเอตทัคคะด้านใดด้านหนึ่ง ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า  ท่านปรารถนาเพียงแค่ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน แต่บุญที่ได้ทำเอาไว้นั้น เป็นมหัคคตกุศล มีผลยิ่งใหญ่ไพศาลมาก  หลังจากนั้นก็ตั้งใจสั่งสมบุญจนตลอดชีวิต  เมื่อละโลกแล้ว ได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ ท่านรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกชั้นต่างๆ ตลอดสามหมื่นกัป  ในระหว่างนั้น ท่านได้เป็นใหญ่กว่าเทวดา คือเป็นจอมเทพยาวนานถึง ๕๐๐ กัป  พอลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ท่านก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑,๐๐๐ ครั้ง  บุญนั้นยังส่งต่อไปอีก หลังจากเป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่มายาวนานแล้ว ก็ได้เป็นพระราชาประเทศราช  อีกนับครั้งไม่ถ้วน

     คราวนี้ เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับผลบุญจากการสร้างหอฉันกัน ว่าได้เผล็ดผลแก่ท่านอย่างไร ท่านเสลเศรษฐีได้ไปหาเสาไม้อย่างดีมาทำเป็นเสาหอฉันจำนวน ๕ ต้น บุญนั้นทำให้ท่านได้คุณสมบัติที่พิเศษ  ๕ อย่าง  คือ  เป็นผู้มีจิตใจมั่นคงตลอด ไม่เคยมีจิตหวาดสะดุ้งเลย ท่านได้สมบัติตักไม่พร่องจนตลอดชีวิต มีถ้อยคำน่าเชื่อถือ พูดเรื่องอะไรก็มีคนคล้อยตามทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นพระราชาหรือเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ท่านจะไม่มีศัตรู คือใครที่รู้จักท่านแล้ว ก็จะพากันรักท่านทุกคน ไม่มีใครแสดงความรังเกียจเลย และท่านก็รักทุกคนเหมือนญาติพี่น้อง ทำให้อยู่อย่างมีความสุขจนตลอดชีวิต

     อานิสงส์ที่ท่านได้ถวายอาสนะสงฆ์ และทำบัลลังก์สวยงาม ถวายแด่พระพุทธเจ้า ทำให้ท่านเกิดในสกุลสูง มีโภคสมบัติมาก เป็นผู้พรั่งพร้อมด้วยสมบัติทุกอย่าง มีแล้วก็ไม่ตระหนี่ เมื่อท่านเป็นเทวดา ปรารถนาจะไปที่ไหน ทิพยบัลลังก์บังเกิดรองรับท่านอยู่ตลอดเวลา รัตนบัลลังก์นี้จะเป็นพาหนะชั้นเลิศสำหรับท่องไปในแดนสวรรค์อย่างมีความสุข อานิสงส์ที่ได้ถวายเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ในหอฉัน ทำให้ท่านเป็นผู้ทรงอภิญญาและมีพละกำลังมาก ในที่มืดท่านก็มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ และด้วยอานิสงส์ที่ท่านได้ถวายหอฉันนั้น  ท่านไม่เคยอดอยาก ไม่เคยลำบากในเรื่องการแสวงหาอาหารเลย และภัยทุกชนิดไม่สามารถมากล้ำกรายท่านได้เลย ท่านเป็นผู้ที่แคล้วคลาดจากภยันตรายทุกชนิด มีจิตเกษมตลอดเวลา

     และอานิสงส์ที่ท่านถวายไม้มาทำเป็นกลอนหอฉัน ๘ ท่อนทำให้ท่านได้รับการบูชาจากทั่วสารทิศ มีโภคทรัพย์สมบัติบังเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย ท่านเป็นที่พึ่งของมนุษย์ทั้งหลาย ไม่มีความสะดุ้งหวาดกลัวเลย ไม่มีความเจ็บป่วยไข้จนตลอดชีวิต เป็นผู้มีอายุขัยยืนยาวกว่าคนทั่วไปในยุคสมัยนั้น เป็นผู้มีผิวพรรณละเอียดอ่อน

     พอมาในภพชาตินี้ ท่านได้บังเกิดเป็นลูกของพราหมณ์ชื่อวาเสฏฐะมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ มีชื่อว่าเสละ มีเพื่อนพ้องบริวารมากมาย เมื่อเติบโตเป็นหนุ่ม ท่านก็ได้เป็นครูสอนคัมภีร์พระเวทให้กับลูกศิษย์ ๓๐๐ คน มีอยู่วันหนึ่ง ท่านได้เห็นเกณิยชฏิลกำลังจัดแจงเครื่องบูชาอย่างประณีตบรรจง จึงได้เดินเข้าไปถามไถ่ด้วยความใคร่รู้ว่า ท่านชฏิลกำลังจัดงานบวงสรวงใครกันหรือ ?

     ท่านเกณิยชฏิลได้พรรณนาคุณของพระพุทธเจ้าให้ฟังว่า พ่อหนุ่ม เรากำลังทำการบวงสรวงต่อพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดในโลก พร้อมทั้งเทวโลก พระพุทธเจ้ามีพระคุณหาประมาณมิได้ ไม่มีผู้เปรียบเทียบได้ ทรงเปรียบเหมือนไฟบนยอดภูเขา ดังพระจันทร์วันเพ็ญ เป็นผู้เลิศกว่าพรหม มีญาณไม่สิ้นสุด เปรียบด้วยเขาสุเมรุ ถึงความเป็นยอด เปรียบด้วยท้องฟ้า ทรงเป็นที่พึ่งของบรรดาผู้กลัวภัยเป็นที่ต้านทานของบรรดาผู้ถึงสรณะ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นเป็นบุญเขต ของผู้แสวงบุญ เป็นบ่อเกิดแห่งรัตนะ ทรงมีศีลอันไม่มีเครื่องเปรียบ มีวิมุตติ อันไม่มีอะไรเทียมทัน เราได้นิมนต์พระพุทธองค์ให้มาฉันภัตตาหารในวันพรุ่งนี้

     เสลมาณพพอได้ยินคำว่า พระพุทธเจ้า คำเดียวเท่านั้น ความปีติยินดีก็แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย รีบไต่ถามว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่ไหน ข้าพเจ้าอยากจะไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น  ข้าพเจ้าค้นหาบุคคลผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธเจ้ามานานแสนนาน เปรียบเหมือนคนกระหายน้ำ หาน้ำมาดื่มเพื่อดับกระหาย  เหมือนคนหิวข้าวแสวงหาอาหาร ประดุจดังแม่โครักลูกวิ่งร้องหาลูกที่หายไปจากฝูง ขอท่านจงบอกที่ประทับอยู่ของพระองค์แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

     เมื่อเกณิยชฏิลชี้ทางไปวัดเชตวันให้แล้ว เสลมาณพพร้อมทั้งเพื่อนอีก ๓๐๐ คน ก็รีบออกเดินทางไปทันที  เมื่อไปถึงก็ได้สนทนากับพระบรมศาสดาซึ่งรอคอยการมาของเสลมาณพผู้มีบุญอยู่แล้ว ครั้นได้ฟังธรรมจากพระองค์  ก็ตัดสินใจออกบวชพร้อมด้วยลูกศิษย์ทั้ง ๓๐๐ คนทันที พอบวชแล้วยังไม่ถึงกึ่งเดือน ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์กันหมดทุกองค์

     เราจะเห็นว่าผู้ที่สั่งสมบุญเอาไว้อย่างดีแล้ว บุญนั้นจะเป็นธาตุสำเร็จคอยอำนวยผลให้ประสบแต่ความสุขและความสำเร็จไปทุกภพทุกชาติ ถ้าบุญในตัวมีมากความสำเร็จก็มีมาก  บุญในตัวน้อยความสำเร็จก็น้อย ถ้ากระแสบุญแรงกว่า กระแสบาปก็ไม่อาจปิดกั้นรูปสมบัติ คุณสมบัติและทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา  ดังนั้น เมื่อเข้าใจกันอย่างนี้แล้ว ก็ให้หมั่นสั่งสมบุญกัน  เศรษฐกิจกับจิตใจต้องไปด้วยกัน ชีวิตในปรโลกเขาวัดกันที่มีบุญมากหรือบุญน้อย ฉะนั้นต้องขยันสั่งสมบุญกุศลติดตัวเอาไว้ให้มากๆ และที่สำคัญอย่าลืมหมั่นทำใจของเราให้ใจหยุดใจนิ่งควบคู่ไปด้วย ทำกันไปจนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน

* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๙๐๖
 

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/11507
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *