มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจากบาป – อย่าอาฆาตกันเลย

มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจากบาป – อย่าอาฆาตกันเลย

        บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ แม้จะหนีไปในอากาศ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร หรือหนีไปยังซอกเขา ก็ไม่อาจพ้นจากกรรมชั่วของตนได้ เพราะไม่มีที่ใดที่ความตายจะไม่มาสู่เขา

        การไปสู่พระนิพพาน เปรียบเสมือนการเดินทางไกล จึงจำเป็นจะต้องมีเสบียง คือ บุญเป็นเครื่องสนับสนุน ให้เราได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ท่านได้สร้างบารมี ๓๐ ทัศจนเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ในที่สุดก็ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอาศัยบุญอย่างเดียวเท่านั้น  ดังนั้น บุญจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่เราต้องให้ความสำคัญ  เมื่อโอกาสแห่งการสร้างบุญสร้างบารมีมาถึง จงอย่าปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย ให้รีบขวนขวายสะสมสร้างบารมีกันทุกคน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า
น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ          น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสํ
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส        ยตฺรฏฺีตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจุ

        บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ แม้จะหนีไปในอากาศ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร หรือหนีไปยังซอกเขา ก็ไม่อาจพ้นจากกรรมชั่วของตนได้ เพราะไม่มีที่ใดที่ความตายจะไม่มาถึงเขา

        ไม่มีใครที่จะหนีผลแห่งกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมย่อมให้ผลเสมอ ถ้าใครสร้างกุศลกรรมไว้ บุญก็จะบันดาลให้ประสบแต่สิ่งที่ดีงาม แต่ถ้าใครสร้างบาปกรรมก็จะได้รับวิบากกรรมที่แสนทุกข์ทรมาน จะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น เมื่อถึงขีดถึงคราวที่กรรมตามมาทันก็จะให้ผลทันที ยิ่งผู้ใดได้ทำบาปกรรมหยาบช้ามากๆ ยิ่งมีโทษหนัก ไม่มีสถานที่ใด ที่จะพ้นไปจากเงื้อมมือของพญามัจจุราชได้

        *ดังเรื่องในสมัยพุทธกาล พระเจ้าสุปปพุทธะ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระนางพิมพาแห่งกรุงเทวทหะ ได้ผูกอาฆาตในพระบรมศาสดา ด้วยเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ทอดทิ้งพระมเหสีคือพระนางพิมพา แล้วออกผนวช

        เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ในนิโครธาราม พระเจ้าสุปปพุทธะผู้ทรงเก็บความแค้นเคืองในพระทัยมาเป็นเวลานาน จึงมีโอกาสชำระความแค้น ได้หาวิธีการกลั่นแกล้งพระบรมศาสดา และกระทำกรรมอันหยาบช้า ด้วยการเสด็จไปขัดขวางการเสด็จบิณฑบาตของพระพุทธองค์ โดยประทับนั่งเสวยน้ำจัณฑ์อยู่กลางถนน แม้มหาดเล็กจะทูลทัดทานอย่างไร ก็ไม่ฟัง

        เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึง เห็นพระเจ้าสุปปพุทธะประทับนั่งขวางถนนอยู่ ทรงรู้ว่ามีพระประสงค์จะกลั่นแกล้ง จึงเสด็จกลับไปยังพระวิหาร และทรงแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ พระอานนท์เถระเห็น จึงทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุให้พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระเจ้าข้า  พระศาสดาตรัสถามว่า เมื่อครู่นี้ เธอได้เห็นพระเจ้าสุปปพุทธะไหม  พระอานนท์ทูลรับว่า เห็นพระเจ้าข้า

        พระบรมศาสดาตรัสว่า พระเจ้าสุปปพุทธะทรงปิดกั้นหนทาง ขัดขวางการดำเนินของตถาคตเพื่อไปโปรดสัตว์ ครั้งนี้นับว่าพระองค์ได้ทำกรรมหนักมาก เพราะกรรมนี้ ในวันที่ ๗ หลังจากนี้ไป พระองค์จะถูกธรณีสูบที่เชิงบันได ภายใต้มหาปราสาทของพระองค์

        เมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับพระวิหารแล้ว พระเจ้าสุปปพุทธะทรงยินดีปรีดาสาสมพระทัย และได้ส่งมหาดเล็กคนหนึ่งให้คอยติดตามหมู่ภิกษุสงฆ์ไป เพื่อสอดแนมว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสว่าอย่างไร  และให้กลับมาถวายรายงาน  พระเจ้าสุปปพุทธะด้วย

        เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะทรงรู้ถึงพุทธพยากรณ์ ทรงหวั่นพระทัยเป็นอย่างมาก พลางดำริว่า คำพยากรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมเป็นจริง แต่พระพุทธองค์ตรัสเฉพาะเจาะจงว่า เราจะต้องถูกธรณีสูบที่เชิงบันไดในวันที่ ๗ เราจะทำให้วาจานี้คลาดเคลื่อน โดยเราจะไม่ไปใกล้ที่เชิงบันไดปราสาท

        พระเจ้าสุปปพุทธะผู้มีความอาฆาตในพระราชหฤทัยอย่างยากที่จะลบเลือน ได้สั่งให้ข้าราชบริพารทั้งหลายขนเครื่องอุปโภคบริโภคไปไว้บนปราสาทชั้น ๗ และทรงคัดเลือกทหารที่มีรูปร่างกำยำล่ำสัน ให้ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าที่ประตูปราสาททุกๆ ชั้น ประตูละ ๒ คน เป็นกรณีพิเศษ

        จากนั้นทรงเรียกประชุมทหารผู้มีความจงรักภักดีเหล่านั้น โดยมีรับสั่งอย่างเฉียบขาดว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากพวกเจ้า เห็นเราลงมาจากปราสาทด้วยความประมาทแล้ว พวกเจ้าอย่าได้เกรงใจ จงฉุดกระชากเราขึ้นไปอยู่บนปราสาทตามเดิม อย่าได้ปล่อยให้เราลงไปอย่างเด็ดขาด พวกเจ้าจงปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเคร่งครัด

        คนในพระราชวังได้รู้ข่าวที่พระเจ้าสุปปพุทธะทรงเตรียม การทุกอย่างด้วยความพยายามอย่างยิ่ง ที่จะไม่ให้พระองค์ต้องถูกธรณีสูบที่เชิงบันได จึงได้นำความนี้ไปบอกพระภิกษุสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายจึงไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา และกราบทูลพระองค์ พลางถามถึงพระพุทธฎีกาที่ทรงพยากรณ์แก่พระอานนท์ว่า จะยังคงเป็นจริงอยู่หรือไม่

         พระบรมศาสดาผู้ทรงพระสัพพัญญุตญาณทรงประทานพุทธดำรัสว่า  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อย่าว่าแต่พระเจ้าสุปปพุทธะ จะขึ้นไปอยู่บนปราสาทชั้น ๗ และมีทหารกำยำล่ำสันเฝ้ารักษาประตูอยู่เช่นนี้เลย แม้จะมีฤทธิ์เหาะไปได้ในอากาศ หรือจะทรงหนีไปทางมหาสมุทร หรือจะทรงหนีเข้าไปในซอกเขา ก็จะต้องถูกแผ่นดินสูบที่เชิงบันไดของปราสาทนั่นแหละ เพราะถ้อยคำของตถาคตไม่เป็นสอง เรากล่าวอย่างไร ย่อมเป็นอย่างนั้น

        พระเจ้าสุปปพุทธะทรงกระสับกระส่ายมาตลอดราตรี จนกระทั่งถึงเช้ามืดของวันที่ ๗ เมื่อทรงเห็นว่ายังไม่มีเหตุการณ์ อะไรเกิดขึ้น ก็ทรงมีความสบายพระทัยว่า พระวจนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงจะไม่เป็นจริง แต่ก็ยังไม่ทรงวางพระทัย จึงสั่งกำชับทหารยามทุกคนให้ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

        กระทั่งเวลาล่วงไป จนตรงกับเวลาที่พระราชาได้ปิดกั้นหนทางเสด็จของพระบรมศาสดาเมื่อ ๗ วันก่อน ม้าพระที่นั่งตัวโปรดของพระราชาเกิดพยศขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งเตะทั้งถีบผนังโรงเลี้ยงม้าเสียงดังสนั่น และเป็นที่รู้กันว่า ม้าตัวนี้เมื่อเกิดพยศขึ้นมาแล้ว มีเพียงพระเจ้าสุปปพุทธะเท่านั้นที่จะปราบให้สงบลงได้ เสียงพยศของม้าดังขึ้นตลอดเวลา จนพระราชาทรงกระวนกระวายพระทัยยิ่งนัก

        ในที่สุดพระราชาทรงลืมพุทธพยากรณ์จนหมดสิ้น มีพระประสงค์จะไปปราบม้าพยศอย่างเดียว จึงออกจากห้องประทับ ทันใดนั้น กรรมได้บันดาลให้ประตูทุกบานเปิดออกได้เอง ฝ่ายทหารต่างลืมหน้าที่ของตนจนหมดสิ้น กลับช่วยกันผลักให้พระองค์ลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว  เมื่อใกล้ถึงเชิงบันไดเบื้องล่าง มหาปฐพีส่งเสียงดังสนั่น ทันทีที่พระบาทของพระราชาแตะถึงพื้นดิน แผ่นดินก็แยกออกเป็นสองส่วน และสูบเอาร่างของ พระเจ้าสุปปพุทธะลงไปยังอเวจีมหานรกทันที

        เพราะฉะนั้น บาปกรรมที่ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยนั้น เป็นกรรมหนัก เพราะพระรัตนตรัยเป็นของสูง มีคุณอนันต์ ถ้าหากใครไปลบหลู่ดูหมิ่นแม้เพียงเล็กน้อย ผู้นั้นย่อมได้รับโทษอย่างมหันต์ แต่ถ้าเราเคารพกราบไหว้ด้วยจิตเลื่อมใส บูชาท่าน ด้วยอามิสบูชา และปฏิบัติบูชาแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์มากมายสุดที่จะนับจะประมาณ ดังนั้น อย่าให้อกุศลธรรมความเห็นผิดเข้ามาครอบงำจิตใจของเรา อย่าได้ผูกโกรธหรืออาฆาตพยาบาทกัน แต่ให้อภัย และมีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ชักชวนกันสร้างบุญกุศล จะได้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตกันทุกคน

*มก. พระเจ้าสุปปพุทธะ เลม ๔๒ หนา ๖๑ 

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/3161
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๔

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *