มงคลที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ – อย่าทอดทิ้งกัน

มงคลที่ ๑๗ สงเคราะห์ญาติ – อย่าทอดทิ้งกัน

วิญญูชนผู้มีปัญญา ได้โภคะแล้ว เขาย่อมบริโภค และทำกิจ
เขาเป็นคนอาจหาญ เลี้ยงดูหมู่ญาติ ไม่ถูกติเตียน ย่อมเข้าถึงแดนสวรรค

เป้าหมายชีวิตของเรา คือ การเดินทางไปสู่พระนิพพาน เป็นพระอรหันต์ หมดกิเลสอาสวะ หมดต้นเหตุที่จะทำให้เราเกิดความทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะเป็นทุกข์กาย ทุกข์ใจ ทุกข์ในสังสารวัฏ ทุกข์ในอบายภูมิ หรือทุกข์ต่างๆ ที่เราเคยพบ ไม่ว่าจะเกิดมากี่ภพกี่ชาติ เป้าหมายชีวิตนี้ต้องไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อพบกัลยาณมิตร เราจะได้พบหนทางของชีวิต ได้เข้าใจเป้าหมายที่แท้จริง และได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม ทำใจหยุดใจนิ่ง ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตได้

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า
ธีโร จ วิญฺญู อธิคมฺม โภเค        โส ปริภุญฺชติ กิจฺจกโร จ โหติ
โส ญาติสงฺฆํ นิสโภ ภริตฺวา        อนินฺทิโต สคฺคมุเปติ ฐานํ

วิญญูชนผู้มีปัญญา ได้โภคะแล้ว เขาย่อมบริโภค และทำกิจ เขาเป็นคนอาจหาญ เลี้ยงดูหมู่ญาติ ไม่ถูกติเตียน ย่อมเข้าถึงแดนสวรรค์

เราไม่ได้อยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว จำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย ในสภาวะของการเป็นมนุษย์นั้น ย่อมต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า หากต่างคนต่างมีความปรารถนาดีต่อกัน โลกย่อมจะร่มเย็น เป็นอยู่ด้วยสันติสุข ทุกคนจะรู้สึกอบอุ่นใจ มีความปลอดภัยในชีวิต

ต้นไม้แต่ละต้นที่เกิดรวมกันเป็นป่าดง ย่อมช่วยปะทะป้องกันลมพายุให้แก่กันและกัน จึงยืนต้นอยู่ได้นาน ผิดจากต้นไม้ที่เกิดอยู่โดดเดี่ยว แม้จะเป็นไม้สูงใหญ่ก็ตาม  แต่เมื่อต้องโต้พายุตามลำพัง ย่อมหักโค่นลงโดยง่าย คนที่มีญาติมิตรผู้เป็นที่รัก มีพวกพ้องบริวารอยู่พร้อมหน้าก็เช่นเดียวกัน เมื่อถึงคราวคับขัน หรือยามประสบกับมรสุมชีวิต ย่อมมีคนคอยช่วยเหลือ ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

คำว่า ญาติ หมายถึง บุคคลที่คุ้นเคย และไว้วางใจกันได้ ไม่ว่าจะเป็นญาติโดยสายโลหิต หรือโดยความใกล้ชิดคุ้นเคย หากเราสามารถผูกใจญาติของเราได้ ด้วยการสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ ไม่ว่าเราจะตกทุกข์ได้ยากเพียงไร ญาติเหล่านี้จะคอยช่วยเหลือในภายหลัง และจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ในยามที่เราต้องประสบกับมรสุมของชีวิต

*ดังเช่นญาติของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ชื่อ กาฬกรรณี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ยังเล็ก เติบโตมาด้วยกัน และได้ศึกษาศิลปวิทยาในสำนักของอาจารย์เดียวกันอีกด้วย  เมื่อกาลเวลาผ่านไป เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้บังเกิดขึ้น นายกาฬกรรณี ประสบเคราะห์กรรม ซึ่งทำให้เขาต้องตกทุกข์ได้ยาก ไม่มีการงานใดๆ เลี้ยงชีพ จึงไปหาท่านเศรษฐี เพื่อหวังความอนุเคราะห์จากเพื่อน

ท่านเศรษฐีเห็นชะตากรรมของนายกาฬกรรณีแล้ว เกิดความกรุณา จึงปลอบใจให้คลายจากความทุกข์ แล้วแบ่งทรัพย์สมบัติให้ ตั้งแต่นั้นมา นายกาฬกรรณีก็อยู่ในความอุปการะของท่านเศรษฐีมาโดยตลอด เขาได้ช่วยทำกิจการงานทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ แม้จะมีคนมาล้อเลียนเสมอๆ ว่า ชื่อของเขาไม่เป็นมงคลเลย บางครั้งคอยเยาะเย้ยถากถาง ประหนึ่งว่าตัวเขาเป็นคนรับใช้ กาฬกรรณีก็ไม่เคยโกรธเคือง ยังคงวางตัวสงบเสงี่ยม อดทนตลอดมา

แม้กระนั้นก็ตาม คนใกล้ชิดของท่านเศรษฐีมักปรารภให้ฟังว่า อย่าเลี้ยงนายกาฬกรรณีไว้เลย เพราะชื่อของเขาไม่เป็นมงคล และยังเป็นคนยากไร้ ไม่มีศักดิ์ศรีเสมอท่านเศรษฐี จะเลี้ยงคนๆ นี้ไว้ทำไม  ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ไม่ได้สนใจ กลับตอบว่า บัณฑิตย่อมไม่ถือมงคลจากชื่อเสียงเรียงนาม เพียงแค่ชื่อที่ไม่เป็นมงคล ถึงกับจะให้ทอดทิ้งเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กนั้น เราทำไม่ได้ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

วันหนึ่ง ท่านเศรษฐีมีธุระจะต้องไปต่างอำเภอ จึงมอบหมายให้นายกาฬกรรณีดูแลบ้านแทน ข่าวการไปต่างอำเภอของท่านเศรษฐี รู้ไปถึงหูของพวกโจร จึงปรึกษากันว่า ช่วงที่ท่านเศรษฐีไปต่างอำเภอนั้น คงจะไม่มีใครดูแลบ้าน เพราะฉะนั้น พวกเราจะไปปล้นบ้านของท่าน ครั้นตกกลางคืน พวกโจรพากัน ถืออาวุธครบมือ ไปล้อมบ้านท่านไว้

คืนนั้น นายกาฬกรรณีคอยเฝ้าดูแลบ้านเป็นอย่างดี เขาเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ในช่วงที่ท่านเศรษฐีไม่อยู่บ้าน อาจมีพวกโจรฉวยโอกาสมาปล้นบ้านได้ จึงได้นั่งเฝ้าดูเหตุการณ์ตลอด ไม่ยอมนอนทั้งคืน  ครั้นรู้ว่ามีโจรมา เขารีบปลุกทุกคนในบ้านให้ตื่น ให้เป่าสังข์ ตีกลอง ทำเสมือนกับมีมหรสพโรงใหญ่ ทั้งบ้านจึงมีแต่เสียงสนั่น ครื้นเครงตลอดเวลา พวกโจรได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจ คิดว่า ที่ได้ยินข่าวว่า ท่านเศรษฐีไม่อยู่นั้น เป็นแค่ข่าวลือ ไม่เป็นความจริงเลย ต่างพากันทิ้งอาวุธในมือตรงนั้นเอง และรีบหนีไปทั้งหมด

เช้าวันรุ่งขึ้น  เมื่อคนในบ้านเห็นอาวุธที่พวกโจรทิ้งไว้ ต่างเกิดความสังเวชใจว่า หากเมื่อคืนไม่มีนายกาฬกรรณี คอยตรวจบ้านเช่นนี้แล้ว พวกโจรคงปล้นบ้านไปหมดแล้วเป็นแน่ แต่เพราะมีเขาอยู่ด้วย ทำให้ท่านเศรษฐี รวมทั้งพวกตนไม่ต้องถึงกาลวิบัติ ต่างรู้สึกชื่นชม พากันกล่าวสรรเสริญยกย่องนายกาฬกรรณีไม่ขาดปากทีเดียว

เมื่อท่านเศรษฐีกลับมารู้เรื่องราวทั้งหมด จึงได้พูดกับคนในบ้านว่า ถ้าหากวันนั้น เราไล่นายกาฬกรรณีไปตามที่พวกเธอบอก วันนี้เราคงจะไม่มีทรัพย์สินเหลืออยู่เลย แต่เพราะมีเขา พวกเราจึงยังอยู่เป็นปกติสุขได้  ท่านเศรษฐีมอบทรัพย์สมบัติให้นายกาฬกรรณีมากยิ่งขึ้นไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวเยาะเย้ยถากถางนายกาฬกรรณีอีกเลย

เราจะเห็นว่า เพราะการสงเคราะห์เกื้อกูลญาติมิตร ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ทำไว้ จึงทำให้ตระกูลของท่านมั่นคงอยู่ได้ ทรัพย์สมบัติไม่ต้องถูกพวกโจรทำลายไป ฉะนั้น เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการสงเคราะห์ ช่วยเหลือจุนเจือหมู่ญาติอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพราะทำให้ตระกูลของเราเจริญรุ่งเรืองได้นาน เปรียบเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้น ที่มีแต่สว่างขึ้น ทุกๆ วันจนเต็มดวง หากเราไม่มีญาติมิตร ไม่มีพวกพ้องบริวาร ความสะดวกย่อมไม่มี จะทำอะไรก็ติดขัด แต่หากเรามีญาติ มิตร มีพวกพ้องบริวารแล้ว ความสะดวกย่อมจะมีตามมา เพราะได้รับการสนับสนุนดูแลจากญาติทั้งหลายนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ยังมีญาติอีกประเภทหนึ่ง ที่เราต้องไม่ลืมการสงเคราะห์ คือญาติทางธรรม เพราะโลกนี้เป็นเสมือนบ้านหลังใหญ่ ที่ทุกคนในโลกเป็นประดุจญาติมิตรของเรา จึงต้องมีการอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นกัลยาณมิตรชี้แนะเส้นทางบุญ บอกหนทางสวรรค์ และยกใจเขาขึ้นสู่ทางพระนิพพานนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเรานักสร้างบารมีจะต้องช่วยกัน เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ย่อมดำเนินชีวิตผิดพลาดได้

กัลยาณมิตร คือ ผู้ที่จะหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่มวลมนุษยชาติ ด้วยการนำพาชาวโลกให้เข้ามาสู่เส้นทางแห่งการเข้าถึงธรรมกาย เพราะเมื่อใดผู้คนทั้งหลายเข้าถึงธรรมกาย  เมื่อนั้น มวลมนุษย์ย่อมมีความสุขอย่างแท้จริง ทุกคนจะ    มองกันด้วยความเป็นเพื่อนเป็นญาติ เป็นเพื่อน คือ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกัน เสมอเหมือนกันหมด จะมองกันฉันญาติว่า ทุกคนในโลกนี้ประดุจครอบครัวเดียวกัน เหมือนพี่เหมือนน้อง ความคิดที่จะเบียดเบียนกัน หรือความเห็นแก่ตัวต่างๆ ก็จะหมดสิ้นไป

ตัวเราเองมีส่วนอย่างสำคัญ ในการสร้างสิ่งที่ดีงามนี้ให้เกิดขึ้นแก่โลก ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกาย ชักชวนหมู่ญาติให้ได้มาประพฤติปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา ร่วมกันเปิดบ้านของเราเป็นบ้านกัลยาณมิตร บ้านแก้วแห่งความสว่างไสว และแนะนำต่อๆ กันไป ไม่ช้าแสงสว่างแห่งธรรมก็จะแผ่ขยายไปทั่วทั้งโลก สันติสุขอันไพบูลย์จะบังเกิดขึ้นกับมวลมนุษยชาติ เพราะฉะนั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไป ให้ทุกท่านตั้งใจปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ อีกทั้งทำหน้าที่ของกัลยาณมิตร นำแสงสว่างแห่งธรรมกายไปสู่ญาติของเรา คือ ชาวโลกทั้งมวลนั่นเอง

*มก. กาฬกัณณิชาดก เล่ม ๕๖ หน้า ๒๘๓

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/3107
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๔

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *