บุพกรรมของพระพุทธเจ้าตอนที่ ๑
เส้นทางในสังสารวัฏนั้นเป็นเส้นทางที่ยาวนาน เป็นความยาวนานเกินกว่าจะคาดเดาว่าจะมากน้อยแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตในขณะที่ยังเป็นมนุษย์ ถ้าหากผู้ใดหมั่นสั่งสมบุญเอาไว้ให้มาก เส้นทางอันยาวไกลของเขาก็สั้นเข้ามา แต่ถ้าหากใครเผลอพลั้งพลาดไปทำบาปอกุศลเข้า ก็จะทำให้หนทางพระนิพพานยืดยาวนานออกไปอีก ดังนั้น การประคับประคองชีวิตให้ดำเนินอยู่บนเส้นทางแห่งความดี บนเส้นทางแห่งบุญ จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถูกทางที่สุด ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองตัวของเราให้ปลอดภัย ทั้งภัยในชีวิต ภัยในอบายภูมิ และภัยในสังสารวัฏ โดยเฉพาะการเจริญสมาธิภาวนาเพื่อชำระกาย วาจา ใจของเราให้บริสุทธิ์ จะทำให้เส้นทางไปสู่อายตนนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายปลายทางของมวลมนุษยชาติอันแท้จริงยิ่งใกล้เข้ามา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า
“น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ
น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสฺส
น วิชฺชเต โส ชคติปฺปเทโส
ยตฺรฏฺฐิโต มุญฺเจยฺย ปาปกมฺมา
บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ ถึงจะหนีไปทางอากาศ ก็พ้นจากกรรมชั่วไปไม่ได้ หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็พ้นจากกรรมชั่วไปไม่ได้ หนีเข้าไปในซอกเขาก็ไม่พ้นจากกรรมชั่วไปได้ บุคคลอยู่ในส่วนแห่งภาคพื้นใดพึงพ้นจากบาปกรรม ส่วนแห่งภาคพื้นนั้น ย่อมไม่มี”
จากการศึกษาพุทธประวัติที่ผ่านมา ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะหยิบยกเอาตัวอย่างเรื่องของกรรมฝ่ายดีหรือที่เรียกว่าผลบุญในอดีตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรามาให้รับทราบกัน เพื่อจะได้เป็นแบบอย่าง เป็นกำลังใจที่จะดำเนินตามปฏิปทาของพระองค์ท่าน อย่างเช่นได้ยกตัวอย่างว่า การที่พระพุทธองค์ได้ลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ ก็เพราะทรงฝึกฝนอบรมพระองค์เองมาอย่างเต็มที่ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าท่านจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ก็จะสร้างบารมีมาตลอด ตั้งแต่สร้างมหาทานบารมีเรื่อยไป จนกระทั่งบารมีครบทั้ง ๑๐ ทัศ พระองค์ท่านทรงทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อมุ่งหวังอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทำให้ได้เป็นองค์ศาสดาเอกของโลก ที่เป็นต้นบุญต้นแบบให้ทุกๆ ท่านได้เคารพกราบไหว้บูชา
อย่างไรก็ตามแม้ในภพชาตินี้ วิบากกรรมฝ่ายดีทุกๆ อย่างยังตามส่งผลให้พระองค์ท่านได้มาบังเกิดเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สมบูรณ์ด้วยมหาสมบัติจักรพรรดิ ทรงดำรงชีวิตประดุจทวยเทพบนสวรรค์ แต่เมื่อคราวเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม พระองค์ต้องเสียเวลาในการแสวงหาทางหลุดพ้น รวมไปถึงการบำเพ็ญทุกรกิริยาถึง ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และแม้เมื่อได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว ก็ยังมีเหตุการณ์หลายอย่างที่มาขัดขวางหนทางการเผยแผ่พระสัทธรรม ที่จะนำความสว่างไปสู่มวลมนุษยชาติ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากบุพกรรมที่ไม่ดีในอดีตตามส่งผลทั้งนั้น
เมื่อศึกษาพุทธประวัติอย่างละเอียดแล้ว ในพระไตรปิฎกได้รวบรวมเหตุการณ์ซึ่งมีผลเนื่องมาจากอดีต ที่ทำให้พระองค์ทรงได้รับความลำบากหลายอย่าง เช่น การทรมานร่างกาย การถูกกล่าวโทษ ถูกด่าบริภาษ ถูกกล่าวหาใส่ร้าย ถูกทำร้ายจนถึงขั้นห้อพระโลหิต ต้องผ่าตัดด้วยศาสตรา ทำให้พระองค์ต้องเสวยเวทนากล้าจากสะเก็ดหิน และยังถูกช้างนาฬาคิรีวิ่งเข้าใส่เพื่อหมายจะปลงพระชนม์ บ่อยครั้งที่ทรงปวดพระเศียร ปวดหลัง และทรงอาพาธหนักถึงขั้นลงพระโลหิต สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ล้วนเป็นวิบากกรรมฝ่ายอกุศลตามส่งผล หลวงพ่อจึงขอนำบุพกรรมในอดีตที่พระองค์เคยทำผิดพลาดเอาไว้มาให้ได้รับทราบกัน เพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า อย่าดูเบาในกรรมแม้เพียงเล็กน้อย เพราะแม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่อาจทรงหลีกหนีวิบากกรรมได้พ้น เพื่อให้เราจะได้ไม่ประมาทพลาดพลั้งไปทำอกุศลเข้าอีก
* ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ประทับนั่งริมสระอโนดาต ทรงเล่าบุพกรรมในอดีตให้ภิกษุสงฆ์ฟังว่า การที่พระองค์ทรงหิวน้ำ แต่ก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา ก็เนื่องจากในอดีตที่พระองค์เสวยพระชาติเป็นเด็กเลี้ยงโค ห้ามโคไม่ให้ดื่มน้ำขุ่น ได้ไล่โคไปดื่มน้ำที่อื่น กรรมเพียงเล็กๆ แค่นั้น ยังตามส่งผลให้พระองค์ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนา พระองค์ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ดื่ม แต่พระอานนท์เห็นว่า กองเกวียน ๕๐๐ เล่ม พึ่งผ่านลำธารสายนั้นไป ทำให้น้ำในลำธารขุ่น ท่านจึงไม่ไปตักน้ำ จนพระผู้มีพระภาคเจ้าต้องรับสั่งถึง ๓ ครั้ง พระอานนท์จึงยอมไป เมื่อไปถึงลำธาร ด้วยพุทธานุภาพอันไม่มีประมาณ ทำให้น้ำในลำธารกลับใสสะอาดในพริบตา พระอานนท์ก็บังเกิดความอัศจรรย์ใจ แล้วตักน้ำมาถวายพระองค์ได้ดื่มแก้กระหาย
การที่พระพุทธองค์ต้องใช้เวลานานในการบำเพ็ญภาวนา ถึงขั้นต้องบำเพ็ญทุกรกิริยาจนแทบจะสิ้นพระชนม์ เพราะในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า พระองค์ทรงบังเกิดเป็นลูกของพราหมณ์ชื่อว่าโชติปาละ เนื่องจากเป็นวรรณะพราหมณ์จึงไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เวลาฆฏิการะผู้เป็นอุบาสกมาชักชวนไปฟังธรรม จึงกล่าววาจาจ้วงจาบพระกัสสปพุทธเจ้าว่า “การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ที่ไหน เพราะการตรัสรู้ธรรมเป็นสิ่งที่ทำได้โดยยากยิ่ง” ด้วยวิบากกรรมนั้น เมื่อมาในภพชาติปัจจุบันนี้ ทำให้พระองค์ต้องใช้เวลาในการแสวงหาโมกขธรรมนานถึง ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้ธรรม
เรื่องการที่พระองค์ทรงถูกคนอื่นใส่ร้ายทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง เพราะภพชาติในอดีต พระพุทธองค์เคยเสวยพระชาติเป็นนักเลงชื่อว่า มุนาฬิ เนื่องจากคบเพื่อนไม่ดี จึงเป็นคนเกเรมาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งมุนาฬิไปเที่ยวป่ากับเพื่อนๆ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า สุรภิ ผู้มีฤทธานุภาพมาก แทนที่จะเกิดความเลื่อมใส กลับรู้สึกขัดเคืองใจ เพราะเห็นว่าเอาแต่นั่งเฉยๆ ไม่ได้กล่าวสอนใคร มีแต่รอรับอาหารจากคนอื่น จึงกล่าวด่าทอพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นพระทุศีล ห่มจีวรหลอกชาวบ้าน ไม่ยอมทำมาหากินเหมือนคนทั่วไป มัวแต่เที่ยวเดินขออาหารจากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ”
เพราะกรรมนั้น ทำให้ท่านต้องหมกไหม้อยู่ในนรกทุกข์ทนทรมานหลายพันปีนรก มาในภพชาติสุดท้าย หลังจากที่ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศพระสัทธรรมที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์อย่างแท้จริง ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นมากมาย แต่ลาภสักการะของพวกเดียรถีย์กลับเสื่อมถอยลงทุกขณะ พวกเดียรถีย์เกิดความอิจฉาริษยา ก็พากันคิดหาอุบาย ที่จะเรียกศรัทธากลับคืนมาสู่พวกของตน
เมื่อคิดกลอุบายอันแยบยลได้แล้ว ก็ส่งปริพาชิกาชื่อสุนทรีเดินเข้าไปในวัดพระเชตวันในเวลาที่มหาชนเดินออกมาเพื่อกลับบ้าน ทำทีว่ามีความเลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า นางทำต่อเนื่องอย่างนั้นอยู่ ๒-๓ วัน ก็ถูกเดียรถีย์ว่าจ้างโจรให้ไปฆ่านาง แล้วนำศพไปทิ้งไว้ที่กองหยากเยื่อหลังพระคันธกุฎี จากนั้นก็ให้ใส่ความว่า พระบรมศาสดาเป็นคนฆ่านาง พวกปุถุชนยังไม่ได้พิจารณาให้ดีก็พากันหลงเชื่อ คิดว่าเป็นเรื่องจริง จึงพากันด่าทอพระพุทธองค์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แต่ก็ได้อาศัยพระราชาทรงวินิจฉัยคดีด้วยพระองค์เอง สามารถสืบทราบจนพบต้นสายปลายเหตุทุกอย่าง ทำให้พระองค์พ้นจากการถูกใส่ความ นั่นเป็นเพราะกรรมในอดีตตามมาส่งผล
นอกจากนี้ พระองค์ยังเคยถูกนางจิญจมาณวิกากล่าวตู่ ว่าได้นอนในพระคันธกุฎีร่วมกับพระพุทธองค์จนนางตั้งครรภ์ ทำให้มหาชนที่มีจิตยังไม่มั่นคงพลอยหลงเชื่อ ที่เป็นเช่นนี้เพราะภพในอดีต พระองค์เคยกล่าวตู่พระอรหันต์รูปหนึ่งชื่อนันทเถระ ว่าท่านเป็นพระแต่แอบไปหลับนอนกับหญิง ห่มผ้าเหลืองซึ่งเป็นธงชัยของพระอรหันต์ แต่ใจกลับยินดีในกามคุณเหมือนคฤหัสถ์ทั่วไป เพราะบาปกรรมนั้น ท่านได้พลัดตกไปบังเกิดเป็นสัตว์นรก เสวยทุกข์ทรมานเป็นเวลายาวนานถึงหนึ่งหมื่นปี เมื่อได้มาเป็นมนุษย์แล้วก็ถูกกล่าวตู่มากมาย แม้ภพชาตินี้กรรมยังตามส่งให้พระองค์ถูกนางจิญจมาณวิกากล่าวตู่ด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นจริงต่อหน้าสาธารณชนเช่นนั้น
นี่ก็เป็นเพียงบุพกรรมส่วนหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงหลงไปทำผิดพลาดเอาไว้ในสมัยที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีอยู่ เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้วให้ทุกคนพึงสังวร อย่าได้ประมาทในชีวิต เมื่อมีบุญได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ต้องเห็นคุณค่าของชีวิต เร่งสร้างบุญสร้างกุศลให้เต็มที่ อย่าประมาทไปทำบาปอกุศลกัน ควรใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อการสั่งสมบุญกุศลล้วนๆ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ขอให้ใช้เวลาทุกวินาทีให้มีคุณค่าด้วยการสร้างบารมีกันทุกๆ คน
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๘ ๗๓
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/12991
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับผลของบาป
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน
✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
🏵️🌼🌺🌸💮🌟🌷🌟💮🌸🌺🌼🏵️