พรหมปาริสัชชาภูมิ ( พรหมชั้นแรก )

พรหมปาริสัชชาภูมิ ( พรหมชั้นแรก )

ความบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นทางมาแห่งความสุขความสงบในจิตใจของทุกคน และยังสามารถแผ่ขยายไปยังบุคคลรอบข้าง ตลอดจนกระทั่งมวลมนุษยชาติทั้งหลาย ความบริสุทธิ์ที่หลวงพ่อกล่าวถึงนี้ เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพราะมีอยู่แล้วในตัวของพวกเราทุกๆ คน และต้นแหล่งของความบริสุทธิ์ ก็อยู่ในกลางพระธรรมกายภายในตัวของเรา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความบริสุทธิ์ และความสุขที่แท้จริง เมื่อใจของทุกคนหยุดเข้าไปอยู่ในกลางพระธรรมกาย ความสุขและความบริสุทธิ์ จะพรั่งพรูขึ้นมาอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น จิตใจของทุกคนก็จะรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกาย เมื่อนั้นสันติสุขที่แท้จริงย่อมบังเกิดขึ้นในโลก

มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน เมตตาสูตร ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเมตตาเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภด้วยดีแล้ว เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่งขึ้นไปย่อมบังเกิดในพรหมโลก”

* พรหมโลกคือภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของรูปพรหมผู้ประเสริฐ เหตุที่ได้ชื่อว่าประเสริฐ เพราะมีใจออกห่างและไม่ข้องแวะกับเบญจกามคุณ เป็นผู้ที่มีใจสูงกว่าเทวดา มีการเสวยอารมณ์ที่นำความสุขมาให้ ซึ่งเกิดจากอำนาจรูปฌานสมาบัติ ที่ได้ปฏิบัติเอาไว้ในครั้งที่ได้เป็นมนุษย์ อย่างเช่น นักบวช ฤๅษี ชีไพร นักพรต สิทธาทั้งหลาย ท่านอุทิศตนเพื่อการบำเพ็ญพรตประพฤติพรหมจรรย์ ปฏิบัติตนอย่างสมถะ มักน้อย สันโดษ อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร และเจริญเมตตาจิต จนอยู่ในขั้นอัปปนาสมาธิ เป็นเมตตาเจโตวิมุตติที่ชำนาญและมั่นคง

เมื่อหมั่นสั่งสมและเจริญเมตตาอยู่เป็นประจำสมํ่าเสมอจนตลอดชีวิต แต่ยังไม่ถึงขั้นบรรลุธรรมกาย เพราะไม่รู้จักมัชฌิมาปฏิปทา เส้นทางสายกลางซึ่งเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน ครั้นละโลกไปแล้ว นักบวชเหล่านี้ผู้มีฌานสมาบัติ มักจะไปบังเกิดในพรหมโลก เสวยความสุขด้วยอำนาจฌานสมาบัติเป็นเวลายาวนาน นับอายุขัยเป็นกัปๆ กันเลยทีเดียว

พรหมโลกจัดอยู่ในรูปภพ คือภพที่ยังข้องอยู่ในรูป ยังมีรูปตัณหาอยู่ บางทีก็เรียกว่าภวตัณหา พรหมโลกที่จัดอยู่ในรูปภพมีอยู่ด้วยกัน ๑๖ ชั้น พรหมโลกชั้นที่หนึ่งชื่อ พรหมปาริสัชชา ที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะพรหมโลกชั้นนี้เป็นที่สถิตของพรหมผู้เป็นบริวารของพรหม ซึ่งสถิตอยู่ในชั้นมหาพรหมภูมิ แม้พรหมโลกชั้นนี้จะเป็นชั้นล่างที่สุด แต่ก็ตั้งอยู่สูงกว่าสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี เพราะฉะนั้น จึงอยู่ห่างไกลจากมนุษยโลกของเรามาก

มีคำกล่าวของผู้รู้ในกาลก่อนได้อุปมาระยะทางระหว่างพรหมโลกกับมนุษยโลกไว้ว่า หากมีศิลาก้อนหนึ่ง ซึ่งมีความใหญ่เท่าโลหะปราสาท ศิลาก้อนใหญ่นี้ได้ถูกทิ้งดิ่งลงจากพรหมโลก ลอยละลิ่วลงมาด้วยความเร็วสูง  โดยไม่มีอะไรขวางกั้นเลย กว่าจะถึงพื้นโลกของเรา ต้องใช้เวลายาวนานถึง ๔ เดือน แสดงให้เห็นว่าพรหมโลกชั้นนี้อยู่ไกลจากมนุษยโลกมาก ในพรหมโลกนี้มีปราสาทแก้วเป็นพรหมวิมาน และมีเครื่องประดับอลังการสวยงามประณีตมากกว่าสมบัติของเหล่าทวยเทพ หลายร้อยหลายพันเท่า เพราะว่าสมบัติเหล่านั้นเป็นพรหมสมบัติที่เกิดจากการบำเพ็ญภาวนา ซึ่งถือว่าเป็นบุญละเอียดกว่าการให้ทานและรักษาศีลทั่วๆ ไป

ผู้ที่ไปอุบัติในพรหมโลกนี้ ก็ด้วยฌานสมาบัติที่ตนเองได้เพียรพยายามอุตสาหะฝึกฝน ซึ่งในพรหมโลกนี้ล้วนมีแต่บุรุษเพศ จะไม่มีสตรีหรือเพศหญิงเลย และไม่ต้องบริโภคเหมือนสัตว์ในภูมิอื่น แต่เป็นอยู่ได้ด้วยปีติในฌานสมาบัติ จึงไม่มีมูตรคูถอุจจาระปัสสาวะ ทั้งเนื้อตัวหน้าตาของพรหมก็สะอาดเกลี้ยงเกลา สวยงามมาก มีรัศมีออกจากกายของตัวเอง ที่รุ่งเรืองยิ่งกว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มากนัก สว่างไสวมาก เมื่อพระพรหมยื่นมือข้างหนึ่งออกไป เพื่อหวังให้รัศมีส่องสว่างไปทั่วทั้งจักรวาล ก็สามารถทำได้ อวัยวะร่างกายข้อต่อของกายพรหม ไม่ว่าหัวเข่าก็ดี แขนก็ดี ก็กลมเกลี้ยง ไม่มีปุ่มไม่มีปม หาที่ต่อไม่ได้เลย คือสวยงามเหมือนลำเทียน เกศเกล้าของพระพรหมก็งดงามเป็นพิเศษ พระพรหมทั้งหลายจะเสวยสุขด้วยอำนาจฌานสมาบัติจนกว่าจะสิ้นอายุ จะไม่จุติด้วยเหตุอื่นเหมือนเทวดาทั่วๆ ไป

เมื่อกล่าวถึงอายุในพรหมโลกนี้ พวกพรหมมีอายุยืนนานมาก จะนับด้วยวันเดือนปีเหมือนการนับอายุของมนุษย์หรือเทวดานั้นไม่ได้ ต้องนับกันเป็นกัปๆ อย่างพรหมโลกชั้นแรกคือชั้นพรหมปาริสัชชานี้ มีอายุยืนถึงหนึ่งในสามของวิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป คำว่ากัปและอสงไขยเป็นคำที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆ เพราะใช้กับสิ่งที่จะนับจะประมาณไม่ได้ ซึ่งจะมาเทียบกับชีวิตของพรหม เพราะอายุเขายาวนานมาก จนกระทั่งไม่สามารถจะนับกันเป็นปี แต่นับกันเป็นกัปๆ

อันที่จริงมนุษย์ในยุคต้นๆ ก็มีอายุยืนยาวถึงอสงไขยปี คือนับอายุกันไม่ไหว แล้วค่อยๆ ลดอายุลงมา เมื่อกิเลสแรงกล้าขึ้นเช่นในยุคปัจจุบันนี้ ร้อยปีอายุจะลดลงมาปีหนึ่ง ลดลงมาเรื่อยๆ เรียกว่ากัปไขลง จนกระทั่งเมื่ออายุของมนุษย์ลดลงเหลือเพียง ๑๐ ปี อาการที่อายุลดลงนี้ เราจะเห็นตัวอย่างดังเช่น ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ มนุษย์ในสมัยนั้นมีอายุ ๑๐๐ ปี ตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ นับได้ ๒,๕๐๐ ปีเศษ หรือนับได้ ๒๕ ร้อยปีเศษแล้ว

เมื่อทุกร้อยปีลดลงปีหนึ่ง ปัจจุบันก็คงเหลือ ๗๕ ปี สรุปคือ ในปัจจุบัน อายุมนุษย์โดยเฉลี่ยเหลือ ๗๕ ปีเท่านั้นเอง สั้นนิดเดียวเมื่อเทียบกับยุคสมัยต้นกัป และเมื่ออายุลดลงไปจนกระทั่งเหลือเพียง ๑๐ ปีแล้ว คราวนี้จะไม่ลดลงอีก แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือทุกร้อยปีเพิ่มขึ้นปีหนึ่ง หรือบางทีก็มากกว่านี้ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมนุษย์มีอายุยืนนานถึงอสงไขยปีอีกตามเดิม บางทีก็เพิ่มขึ้นจาก ๑๐ ปี เป็น ๒๐ เป็น ๔๐ หรือทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นช่วงกัปไขขึ้น เวลานานครบหนึ่งรอบอสงไขยปี เรียกว่า อันตรกัป

เมื่อนับอันตรกัปที่ว่ามานี้ได้ ๖๔ อันตรกัป จึงจะเป็น ๑ อสงไขยกัป อสงไขยกัปนี้มีอยู่ ๔ ช่วง คือ ๑.สังวัฏฏอสงไขยกัป ได้แก่ตอนที่โลกกำลังถูกทำลาย ๒.สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป ได้แก่ตอนที่โลกถูกทำลายแล้ว ๓.วิวัฏฏอสงไขยกัป คือตอนที่โลกกำลังพัฒนากลับคืนสู่ปกติ ๔.วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป เป็นตอนที่โลกพัฒนาเรียบร้อยแล้ว คือทุกสิ่งทุกอย่างตั้งอยู่ตามปกติเรียกว่า วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป

สัตว์โลกทั้งหลายจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ เฉพาะตอนอสงไขยกัปสุดท้าย คือ วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัปเท่านั้น ส่วนทั้งสามช่วงแรกของกัปที่กล่าวข้างต้นนั้น ไม่มีสิ่งที่มีชีวิตอาศัยอยู่เลย เพราะเป็นตอนที่โลกกำลังถูกทำลายพังพินาศ อสงไขยกัปหนึ่งๆ นั้นนับเป็นเวลานานมาก คือ ในแต่ละช่วงอสงไขยกัป จะนานถึง ๖๔ อันตรกัป รวมทั้ง ๔ อสงไขยกัป ก็เป็น ๒๕๖ อันตรกัป เวลาทั้งหมดนี้ เรียกว่า ๑ มหากัป

ถ้าจะพูดให้เข้าใจอีกครั้งคือ ๑ มหากัป เท่ากับ ๔ อสงไขยกัป ๑ อสงไขยกัปเท่ากับ ๖๔ อันตรกัป ๑ อันตรกัปเท่ากับหนึ่งรอบอสงไขยปี ที่ว่าพวกพรหมชั้นปาริสัชชาภูมิ มีอายุนานถึงหนึ่งในสามของวิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป จึงหมายถึงมีอายุยืนนานถึง ๒๑ อันตรกัปเศษนั่นเอง ที่หลวงพ่อได้อธิบายมาทั้งหมดนี้ อาจจะรู้สึกว่าเข้าใจยาก แต่เราต้องเจอคำเหล่านี้อยู่บ่อยๆ  ดังนั้นเราควรรู้ไว้บ้าง ถ้าฟังบ่อยๆ และตรองตามไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ เข้าใจไปเอง แต่ถ้าจะให้เข้าใจแจ่มแจ้งโดยไม่ต้องจำ ก็ต้องอาศัยภาวนามยปัญญา คือการทำใจหยุดใจนิ่งให้เข้าถึงพระธรรมกาย  ดังนั้น ให้พวกเราทุกคนหมั่นฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระธรรมกาย จะได้เกิดปฏิเวธขึ้นมาในใจ แล้วเราจะได้แจ่มแจ้งทั้งภาคปริยัติและปฏิบัติรวมไปถึงได้ปฏิเวธกันทุกคน

* ภูมิวิลาสินี (พระพรหมโมลี)

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13752
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “พรหมปาริสัชชาภูมิ ( พรหมชั้นแรก )”

  1. ✨น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🏵️🌼🌺🌸💮🌟🌷🌟💮🌸🌺🌼🏵️

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *