นิมมานรดี (เรื่อง สุภัททาเทพนารี)

นิมมานรดี (เรื่อง สุภัททาเทพนารี)

พระธรรมกายคือกายแห่งการตรัสรู้ธรรม ซึ่งมีอยู่แล้วภายในตัวของพวกเราทุกๆ คน และของมนุษย์ทุกคนในโลก เราจะเข้าถึงพระธรรมกายได้ เมื่อใจหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หากเราทั้งหลายตั้งใจลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง และปฏิบัติอย่างถูกวิธี ก็จะเข้าถึงพระธรรมกายได้อย่างแน่นอน ขอเพียงให้มีฉันทะ มีใจรักที่จะเข้าถึง และมีความเพียรพยายาม ไม่ท้อแท้ท้อถอยในการฝึกฝนใจ หมั่นเอาใจจดจ่ออยู่กับศูนย์กลางกายในทุกอิริยาบถ โดยมีใจมุ่งมั่นว่าจะต้องเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ อีกทั้งรู้จักสังเกตข้อบกพร่องของตัวเราเอง ว่าทำไมใจของเราจึงไม่หยุดนิ่ง แล้วตอนที่ใจเราสงบนิ่งนั้น เราทำอย่างไร หากใช้สติปัญญาพิจารณาหมั่นสังเกตก็จะพบเหตุแห่งความบกพร่อง และช่องทางแห่งความสำเร็จในการเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน

มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ทานสูตร ความว่า
“ดูก่อนสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตใจผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน อีกทั้งไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า “เราหุงหากินได้ แต่สมณะ หรือพราหมณ์ทั้งหลาย ไม่ได้หุงหากิน การไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหลาย ย่อมเป็นการไม่สมควร” แต่ให้ทานด้วยคิดว่า “เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทานเช่นเดียวกับท่านฤาษีทั้งหลาย ผู้ที่ได้เคยจำแนกแจกทาน ตามแบบอย่างของบัณฑิตนักปราชญ์ในกาลก่อน บุคคลนั้นให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลาย ในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี”

สวรรค์ชั้นที่ ๕ มีนามว่า นิมมานรดี สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของเทพบุตรเทพธิดา ผู้มีบุญที่ได้สั่งสมบุญมาอย่างดี มีท้าวนิมมิตตเทวาธิราชเป็นผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนี้ ทวยเทพแต่ละองค์จะมีทิพยวิมานปราสาทแก้ว ปราสาททองและปราสาทเงินเป็นวิมานที่อยู่ อีกทั้งมีกำแพงแก้ว กำแพงทองล้อมรอบ และยังมีพื้นวิมานเป็นทองที่นุ่มราบเรียบเสมอกัน มีสระโบกขรณีและสวนอุทยานสวรรค์ มีที่ประชุมเทวสมาคมศาลาแสดงธรรม เหมือนอย่างของเหล่าเทวดาชั้นดุสิต แต่ว่าทุกสิ่งในสวรรค์ชั้นนี้จะสวยสดงดงามและประณีตกว่าชั้นดุสิตมากนัก

เทพบุตรเทพธิดาผู้สถิตอยู่ที่สวรรค์ชั้นนี้ มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม น่าดูน่าชมยิ่งกว่าชาวสวรรค์ทั้ง ๔ ชั้น และมีรัศมีรุ่งเรืองสว่างไสวยิ่งขึ้นไปอีก  หากมีความปรารถนาในเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ชนิดไหน ก็สามารถเนรมิตเอาได้ตามความพอใจของตน ที่สามารถเนรมิตได้ทุกอย่างดังใจปรารถนา ซึ่งสวรรค์ชั้นตํ่าลงไปนั้นจะนึกได้สมปรารถนาก็ต่อเมื่อเคยได้ทำบุญชนิดนั้นๆ ไว้เท่านั้น ไม่สามารถนึกหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทุกอย่าง แต่ชาวสวรรค์ชั้นนี้ นึกอยากได้หรืออยากเปลี่ยนสิ่งใดก็สมปรารถนาในทุกเรื่อง เพราะฉะนั้น จึงได้ชื่อว่านิมมานรดี

เทพบุตรเทพธิดาที่มีบุญมาอุบัติในสวรรค์ชั้นนี้ โดยมากเมื่อครั้งเป็นมนุษย์นั้น เป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ได้สร้างกุศลที่มีอานิสงส์ใหญ่เอาไว้มาก เช่น มหาอุบาสิกาวิสาขาเทพนารี และเทพธิดานามว่าสุภัททา สำหรับชีวประวัติของมหาอุบาสิกาวิสาขา พวกเราคงได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว หลวงพ่อจะเล่าเรื่องชีวประวัติของสุภัททาเทพนารี เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบารมีของพวกเราว่า นางได้ทำบุญอะไรเอาไว้ ถึงได้มาเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นนิมมานรดีแห่งนี้

* เรื่องของนางมีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล มีคหบดีผู้หนึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากของพระเรวตเถระ ท่านได้ถึงพระรัตนตรัยและมีความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาเป็นพิเศษ ท่านได้นิมนต์พระเรวตเถระให้มาฉันอาหารที่บ้านเป็นประจำ คหบดีท่านนี้มีธิดาสองคน ธิดาคนพี่มีชื่อว่า ภัททา ส่วนธิดาคนน้องชื่อคล้ายกันว่า สุภัททา ภัททากุลธิดาคนพี่เป็นคนชอบชักชวนคนอื่นทำความดี ทั้งจิตใจก็เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

ต่อมา นางได้แต่งงานกับลูกเศรษฐี แต่เนื่องจากนางเป็นหมัน ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ จึงได้บอกสามีให้ไปรับสุภัททาน้องสาวมาเป็นภรรยาคนที่สอง จักได้มีบุตรสืบสกุลต่อไป ครั้นสามีไปรับน้องสาวมาอยู่ด้วยกันแล้ว นางก็ให้โอวาทน้องสาวว่า ให้ยินดีในการทำทาน ให้ประพฤติธรรม อย่าได้ประมาท หากเธอปรารถนาอยากได้ทิพยสมบัติในภายภาคหน้า ก็จงทำตามคำของพี่เถิด

ฝ่ายสุภัททาเป็นคนที่ว่าง่าย เชื่อฟังโอวาทของพี่ ทั้งที่ตนเป็นคนรู้น้อยไม่ค่อยพูดจา แต่มากด้วยความศรัทธาเลื่อมใส มีจิตใจบริสุทธิ์ เธอประพฤติตามคำที่พี่สาวแนะนำพรํ่าสอนทุกอย่าง และตั้งใจทำอย่างเต็มที่ วันหนึ่งนางให้คนไปนิมนต์พระเรวตเถระ ให้เข้ามาฉันภัตตาหารในบ้าน พระเรวตเถระผู้มีจิตกรุณาปรารถนาจะให้สุภัททาได้บุญกุศลเพิ่มมากขึ้น จึงนิมนต์พระภิกษุ ๗ รูป ล้วนแต่ทรงคุณเป็นพระอรหันต์ทุกรูป ไปฉันภัตตาหารที่บ้านของนาง เพื่อจะให้นางได้ถวายเป็นสังฆทาน

นางสุภัททาเห็นภิกษุสงฆ์มากันหลายรูปก็เข้าไปต้อนรับขับสู้ด้วยความปีติดีใจ ที่เห็นพระมาโปรดที่บ้านหลายรูป ได้อาราธนาพระให้นั่งบนอาสนะ แล้วถวายอาหารหวานคาวที่ประณีตบรรจงด้วยมือของนางเอง และได้ถวายภัตตาหารแด่พระอรหันต์ทั้ง ๗ รูป ด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธา และต่อมาก็มีโอกาสได้บำเพ็ญมหากุศลอีกหลายอย่าง ฝ่ายภัททาพี่สาวแม้เป็นกัลยาณมิตรให้น้องสาว แต่ก็ไม่ได้ทุ่มเทสร้างบุญอย่างเต็มที่เหมือนน้องสาว

ครั้นสิ้นอายุขัย พี่น้องทั้งสองต่างต้องละโลกไปตามธรรมดาของสังขาร ภัททาอุบาสิกาได้ไปเกิดเป็นบาทบริจาริกาของท้าวสักกเทวราชในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ฝ่ายสุภัททาอุบาสิกาซึ่งเป็นน้องนั้น ไปบังเกิดในวิมานทองสวรรค์ชั้นนิมมานรดี เป็นเทพนารีทรงรัศมีรุ่งเรืองงดงามมาก นางได้พิจารณาดูสมบัติของตนว่าได้ด้วยบุญกุศลใด ครั้นตรวจตราดูด้วยทิพยจักษุก็รู้ว่า เพราะได้ถวายทานแด่พระอริยสงฆ์องค์อรหันต์ ซึ่งมีพระเรวตเถรเจ้าเป็นประธาน อีกทั้งนางเป็นผู้ไม่ประมาท ได้ทำบุญกุศลเต็มกำลังจนตลอดชีวิต เพราะได้ทำตามโอวาทของภัททาพี่สาว จึงได้เสวยสมบัติใหญ่เช่นนี้

เมื่อพิจารณาต่อไปก็พบว่า บัดนี้ ภัททาพี่สาวผู้มีใจงดงามไปบังเกิดในไพชยนต์ปราสาท เป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ นางจึงลงมาจากสวรรค์ชั้นนิมมานรดี แล้วเข้าไปหาพี่สาว ภัททาเทพกัญญาประหลาดใจ ได้ถามขึ้นว่า “ท่านผู้เจริญ ตัวท่านรุ่งเรืองสว่างไสวไปด้วยรัศมีประดุจพระสุริยันยามตะวันเที่ยง มียศและอานุภาพยิ่งกว่าปวงเทพในดาวดึงส์ ข้าพเจ้ามิเคยเห็นท่านมาก่อน ท่านมาจากเทวโลกชั้นไหน ข้าพเจ้าอยากจะรู้จักนามของท่าน ขอท่านจงได้บอกแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”

สุภัททาเทพนารีตอบว่า “ดูก่อนเทพธิดาผู้เลอโฉมงามโสภา ข้าพเจ้ามีนามว่าสุภัททา เป็นน้องสาวของท่านในชาติก่อน ท่านได้คอยพรํ่าสอนให้ข้าพเจ้าทำทาน ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ ข้าพเจ้าได้ไปอุบัติบังเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ข้าพเจ้านึกถึงคุณของพี่สาว จึงลงมาเยี่ยมเยียน”

เทพธิดาทั้งสองสนทนากันเรื่องบุญกุศลที่ตนได้ทำมา ซึ่งให้ผลแตกต่างกัน ในที่สุดภัททานางฟ้าจึงกล่าวว่า “ดูก่อนเทพนารีน้องรัก แต่ก่อนนี้พี่มิรู้เลยว่า การถวายทานแด่พระอริยสงฆ์ผู้เป็นอรหันต์ จักมีอานิสงส์มากถึงปานนี้ ที่สอนน้องให้ทำบุญนั้นเพราะเห็นว่าคุณพ่อได้ทำเอาไว้เป็นประเพณีที่ดีงาม จึงได้แนะนำน้องให้ทำต่อไป ทีนี้พี่รู้แล้ว หากพี่ลงไปเกิดเป็นมนุษย์เมื่อใด ก็จะไม่ประมาท จะถวายสังฆทานแด่พระอริยสงฆ์ให้ได้ทุกวัน” ครั้นสนทนากันสมควรแล้ว เทพนารีสุภัททาก็อำลานางฟ้าพี่สาว กลับขึ้นไปสรวงสวรรค์ชั้นนิมมานรดีตามเดิม

เห็นไหมว่า คนสองคนทำบุญกุศลโดยทุ่มเทต่างกันย่อมให้ผลต่างกัน เพราะบุญกิริยาและความตั้งใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน คนหนึ่งทำตามกำลัง อีกคนหนึ่งทำเต็มกำลัง และมีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความศรัทธาในพระอริยสาวก ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลอันเยี่ยม เพราะความทุ่มเททำอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทำให้ได้สวรรค์สมบัติที่ละเอียดประณีตกว่า

เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต้องทุ่มเทสร้างบารมีให้เต็มที่เต็มกำลัง อย่าออมกำลังเรี่ยวแรง ออมทรัพย์สมบัติ และอย่าตระหนี่ มีความรู้ความสามารถเท่าไรต้องนำออกมาใช้ให้เต็มที่ ส่วนความตระหนี่มีอยู่เท่าไร ต้องสลัดออกจากใจให้หมด ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี้ต้องสร้างบารมีอย่าให้ขาดตกบกพร่อง จะได้ไม่ต้องมาบ่นเสียดายในภายหลังว่า รู้อย่างนี้ทำให้เต็มที่เสียก็ดี ดังนั้นให้หมั่นสร้างบารมีทุกรูปแบบ และหมั่นนั่งธรรมะเป็นประจำสมํ่าเสมอ ฝึกใจให้หยุดนิ่งกันไปจนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายกันทุกคน

* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๒๗๙

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13733
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “นิมมานรดี (เรื่อง สุภัททาเทพนารี)”

  1. ✨น้อมกราบ สาธุ สาธุ สาธุครับ
    🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟✨🌟

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *