อสุรกายภูมิ

อสุรกายภูมิ

สาระที่แท้จริงของชีวิตอยู่ที่การทำใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่ง เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางคือที่สุดแห่งธรรม อุปสรรคเป็นเพียงเครื่องทดสอบกำลังใจของนักสร้างบารมีว่าจะยังคงมั่นและรักษาปณิธานเดิมเอาไว้ได้มากเพียงไร  หากเราใช้สติและปัญญา ปัญหาทั้งหลายที่มีอยู่ก็จะค่อยๆ หมดไป แม้ปัญหาใหม่จะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ หากเราทำใจให้หยุดนิ่งได้ ดวงปัญญาก็จะเกิดขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้อย่างอัศจรรย์ การทำใจหยุดนิ่งจึงเป็นงานหลักที่จะทำให้เราได้เข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต และไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว

มีวาระพระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน อามกธัญญเปยยาลวรรควรรณนา ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่ตายจากมนุษย์ไปแล้ว จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกมีน้อย โดยที่แท้สัตว์ทั้งหลาย ที่ตายจากมนุษย์ไปแล้ว ย่อมไปเกิดในเปตวิสัย มีประมาณมากกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่จุติจากเปตวิสัยไปแล้ว จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อย โดยที่แท้สัตว์ที่จุติจากเปตวิสัยไปแล้ว ย่อมกลับไปเกิดในเปตวิสัย ในนรก ในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน มีประมาณมากกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์ที่จุติจากเปตวิสัยไปแล้ว จะไปเกิดเป็นเทวดามีน้อย โดยที่แท้สัตว์ที่จุติจากเปตวิสัยไปแล้ว ย่อมกลับไปเกิดในนรก ในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน ในเปตวิสัย มีประมาณมากกว่า เหมือนฝุ่นในแผ่นดินใหญ่ มีมากกว่าฝุ่นในเล็บมือ”

นี่เป็นอุปมาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ เป็นการบอกให้พวกเรารู้ว่า การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏของสรรพสัตว์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะได้มนุษย์สมบัติและสวรรค์สมบัติ ซึ่งเป็นสุคติภพไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน ส่วนใหญ่แล้วมักจะระทมทุกข์อยู่ในทุคติภูมิ คือพลัดไปตกอยู่ในนรก เป็นเปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน ทำให้หมดโอกาสที่จะได้สั่งสมบุญให้กับตัวเอง หนทางที่จะแผ้วถางทางไปสู่พระนิพพานก็ยืดยาวออกไปอีก

* เมื่อกล่าวถึงสัตว์ในเปตวิสัยแล้ว หลวงพ่ออยากกล่าวถึงสัตว์อีกประเภทหนึ่ง ซึ่งมีชีวิตความเป็นอยู่และการเสวยทุกขเวทนาคล้ายคลึงกับเปรต เป็นทั้งทุคติภูมิและเป็นวินิบาต เป็นโลกของพวกอสุรกาย ซึ่งเป็นโลกที่จัดอยู่ใน ๑ ของอบายภูมิ ๔ คือ สัตว์นรก เปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ในภูมิอสุรกายนี้ จะไม่มีความสนุกสนานร่าเริง ไม่มีการเล่นหัวให้ได้รับความบันเทิงเหมือนในมนุษยโลกของเรา เป็นภพภูมิที่ปราศจากความร่าเริงสนุกสนาน

หากจะกล่าวถึงความเป็นอยู่ อสุรกายนี้มีชีวิตอยู่อย่างแสนลำเค็ญ เช่นเดียวกับพวกเปรตเป็นส่วนใหญ่ เช่น อสุรกายบางตัวมีร่างกายวิกลวิกาล ตัวเป็นคนหัวเป็นควาย ตัวเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่มีหัวเป็นคน รูปร่างแปลกประหลาดมากทีเดียว บางตัวมีร่างกายผ่ายผอม แต่ว่าสูงชะลูดเป็นร้อยเป็นพันวาขึ้นไป ไม่มีเนื้อเลือดในร่างกายแม้เพียงนิดเดียว มีแต่หนังหุ้มกระดูก เป็นสัตว์ตายซาก ประดุจดังใบไม้แห้ง มีกลิ่นเหม็นสาบเหม็นสาง ดวงตาเล็กนิดเดียวเท่ากับตาของปูที่เราเห็นกันอยู่ และตาของอสุรกายก็ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ใบหน้าเหมือนอย่างตาของมนุษย์ บางตัวมีตาอยู่บนศีรษะตรงกระหม่อมก็มี ปากของอสุรกายก็เหมือนกัน อสุรกายจะมีปากเล็กเท่ารูเข็ม ตั้งอยู่บนศีรษะกลางกระหม่อมใกล้ๆ กับดวงตาของอสุรกาย

นอกจากจะมีรูปร่างแปลกพิลึกดังที่หลวงพ่อเล่ามานี้ พวกอสุรกายยังมีความเป็นอยู่อย่างแสนลำบากยากเข็ญ ต้องต่อสู้กับความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา เพราะการแสวงหาอาหารของอสุรกายนั้นยากลำบาก เนื่องจากมีตาเล็กเหลือเกิน ไม่สมกับรูปร่างที่สูงชะลูด มิหนำซ้ำยังไปตั้งอยู่บนศีรษะกลางกระหม่อม ทำให้มองไม่เห็นอาหารได้ง่ายๆ แม้พบเจออาหารจะบริโภคแต่ละครั้ง ก็แสนยากลำบาก เวลาจะบริโภคอาหารจะต้องเอาหัวก้มปักลงมาข้างล่าง เอาเท้าชี้ฟ้า ต้องตั้งท่าอย่างนี้จึงจะบริโภคได้ และกว่าอาหารจะเข้าปากไปได้  ก็น่าเวทนา เพราะมีปากเท่ารูเข็มเท่านั้นเอง ต้องเสวยกรรมเป็นอสุรกาย ทนทุกข์ทรมานหิวกระหายอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะสิ้นอกุศลกรรมที่ทำไว้

บางท่านอาจจะสงสัยว่า สัตว์เหล่านี้ได้ทำกรรมอะไรไว้ จึงได้พากันมาถือกำเนิดเป็นสัตว์ในอสุรกายภูมิ เท่าที่ปรากฏโดยมากอกุศลกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำ ก็มาจากความโลภเป็นหลัก จึงส่งผลให้มาเกิดเป็นอสุรกาย เช่น เมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีความโลภประจำดวงจิต ได้ประกอบทุจริตกรรมด้วยการจี้ปล้นลักขโมย หรือกระทำการฉ้อโกงทรัพย์สมบัติของผู้อื่น ไม่รู้จักประกอบอาชีพทำมาหากิน เห็นผู้อื่นมีทรัพย์สมบัติก็เกิดริษยา ปรารถนาจะทำลายล้าง หรืออยากจะเอามาเป็นสมบัติของตน แล้วลงมือประกอบอกุศลกรรม เพื่อจะให้ได้มาซึ่งสมบัติที่ตนปรารถนา หรือมิฉะนั้นก็เป็นคนละโมบโลภมากจนหน้ามืด ฉ้อโกงเอาทรัพย์สินที่เป็นของสงฆ์ ซึ่งคนอื่นเขามีศรัทธาอุทิศถวายเป็นมหาสังฆทาน แต่กลับอยากได้เอามาเป็นของตน  ครั้นไม่ได้ก็ทำลายทิ้งไม่ยอมให้คนอื่นใช้

เมื่อแตกกายทำลายขันธ์ อกุศลธรรมเหล่านี้ก็ฉุดกระชากลากลงไปให้เกิดในนรก ต้องหมกไหม้อยู่ด้วยไฟนรกเป็นเวลาช้านาน จากมหานรกก็เลื่อนขึ้นมาสู่ อุสสทนรก แล้วหลุดออกมาอยู่ยมโลก เมื่อพ้นจากนรกแล้วต้องมาถือกำเนิดในภูมิอสุรกายด้วยอำนาจเศษกรรมที่เหลือ ต้องเสวยทุกขเวทนาไปจนกว่าจะสิ้นกรรม

ตามที่หลวงพ่อเล่ามานี้ จะเห็นได้ว่า อสุรกาย มีภาวะที่ละม้ายคล้ายกับเปรตเป็นส่วนมาก ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ และอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แต่ชาติปางก่อนก็คล้ายๆ กัน แต่รูปร่างหน้าตาไม่สมประกอบ น่าเกลียดน่ากลัวและก็น่าละอายกว่าพวกเปรตมาก ทั้งนี้เพราะภูมิทั้ง ๒ นี้ ใกล้ชิดติดกันมาก  เพราะฉะนั้น บางครั้งจึงเรียกติดต่อกันว่าเปรตอสุรกาย แต่ความจริงแล้วเป็นคนละอย่างกัน

เช่นในเปตวิสัยนั้น หมู่สัตว์ที่ไปเกิดในเปตโลก นอกจากต้องเสวยผลของกรรมชั่วที่ตัวทำไว้ มีลักษณะอาการต่างๆ ตามประเภทของกรรมที่ชักนำให้ไปบังเกิดเป็นเปรตแล้ว ยังต้องประสบทุกขเวทนาเพราะอดอยากอาหารตลอดเวลา ส่วนมากจะไม่ได้บริโภคอาหารที่ประณีตเลย ต้องถูกความโหยหิวเข้าครอบงำเหลือประมาณ ตราบใดกรรมยังไม่สิ้น ตราบนั้นก็ต้องมีความโหยหิวอยู่ ยกเว้นหมู่ญาติจะทำบุญใหญ่ แล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ จึงจะพ้นจากอัตภาพของเปรตได้เร็วขึ้น

ส่วนในอสุรกายภูมินั้น หมู่สัตว์ที่ไปบังเกิดในโลกอสุรกาย มักจะประสบทุกขเวทนาเพราะความหิวกระหายนํ้าเป็นหลัก เพราะอกุศลวิบากทำให้ไม่ได้ดื่มนํ้าสักหยดตลอดเวลา ๒-๓ พุทธันดร บางทีเห็นบ่อบึงหรือมหานที ก็ยินดีว่าจะได้ดื่มนํ้าแก้กระหายพยายามตะเกียกตะกายไป แต่เมื่อไปถึงแม่นํ้า น้ำในท้องนทีก็กลับกลายเป็นเพลิงรุ่งโรจน์โชตนาการเผาตนเอง หรือบางทีก็กลับกลายเป็นแผ่นศิลาที่แห้งผาก อสุรกายเหล่านั้นจะมีจิตเหือดแห้งด้วยกระหายนํ้า ต้องเสวยทุกขเวทนาเพราะความกระหายนํ้าอยู่อย่างนี้ จนกว่าอกุศลกรรมที่ทำไว้จะหมดสิ้นไป

พวกเราจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของเปรตหรืออสุรกาย ก็มีความลำบากในการครองชีวิตอย่างแสนสาหัสเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เมื่อได้ยินได้ฟังเช่นนี้แล้ว ก็อย่าได้ประมาทกัน ให้อดทนที่จะทำความดีกันให้มากๆ ต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะการทำความดีนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน หักห้ามใจจากสิ่งที่คุ้นเคย เราอดทนเพียงไม่กี่ปี แต่ได้ไปเสวยสุขในสัมปรายภพ เทียบกับการปล่อยใจไปตามกระแสกิเลส แต่ต้องไปทนทุกข์ในอบายภูมินานนับล้านๆ ปี ฉะนั้นให้วัดใจของเราว่า จะเลือกเส้นทางไหน แม้ว่ามนุษย์ที่ละโลกไปแล้ว จะไปสู่อบายภูมิมากกว่าไปสวรรค์ ซึ่งท่านอุปมาเหมือนฝุ่นในปฐพีกับฝุ่นในเล็บมือก็ตาม พวกเรานักสร้างบารมีก็จะต้องอดทนสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จะได้เป็นเหมือนฝุ่นในเล็บมือที่ไขว่คว้าธงชัยของชีวิตและไต่เต้าให้สูงขึ้นไป สามารถเอาบุญหนุนส่งตนเองให้ได้ไปถึงสุคติโลกสวรรค์กันหมดทุกคน

* ภูมิวิลาสิ นี (พระพรหมโมลี)

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13601
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *