ปรทัตตูปชีวีเปรต (เปรตญาติพระเจ้าพิมพิสาร)

ปรทัตตูปชีวีเปรต (เปรตญาติพระเจ้าพิมพิสาร)

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเป็นผู้ชี้แนะหนทางไปสู่สวรรค์และนิพพาน เราทั้งหลายจะต้องลงมือปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห็นจริงตามคำสอนของพระพุทธองค์ให้ได้ ถ้าหากเราตั้งใจปฏิบัติกันจริงๆ และปฏิบัติอย่างถูกวิธี เราก็จะเข้าถึงธรรมได้อย่างแน่นอน เนื่องจากธรรมทั้งหลายมีอยู่ภายในตัวของพวกเรา ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นหรือสมมติขึ้นมา แต่เป็นของที่มีอยู่แล้วในตัวของมนุษย์ทุกคนในโลก จะเข้าถึงได้ต้องทำใจให้หยุดนิ่ง เมื่อใจหยุดนิ่ง สิ่งที่เป็นความเร้นลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย เราจะเปลี่ยนจากผู้ไม่รู้ มาเป็นผู้รู้แจ้ง การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอันยิ่งใหญ่จะบังเกิดขึ้นเมื่อเราทำใจหยุดนิ่งได้เท่านั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ติโรกุฑฑสูตร ว่า
“ยถา วาริวหา ปูรา      ปริปูเรนฺติ สาครํ
เอวเมว อิโต ทินฺนํ      เปตานํ อุปกปฺปติ
อทาสิ เม อกาสิ เม     ญาติมิตฺตา สขา จ เม
เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา   ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ
น้ำฝนตกลงในที่ดอนย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม ฉันใด ทานที่ญาติมิตรให้แล้วจากมนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่เปรตทั้งหลาย ฉันนั้น ห้วงน้ำใหญ่เต็มแล้ว ย่อมยังสาครให้เต็มเปี่ยม ฉันใด ทานที่ญาติหรือมิตรให้แล้ว จากมนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่เปรตทั้งหลาย ฉันนั้น กุลบุตรเมื่อหวนระลึกถึงอุปการคุณ ที่ท่านทำแล้วในกาลก่อนว่า คนโน้นได้ให้สิ่งของแก่เรา คนโน้นได้ทำอุปการคุณแก่เรา ญาติมิตรและสหายได้ให้สิ่งของแก่เราและได้ช่วยทำกิจของเรา พึงให้ทักษิณาแก่เปรตทั้งหลาย ”

คำว่าเปรตมีสองนัยด้วยกัน นัยที่หนึ่งคือ ผู้ใดที่ล่วงลับไปแล้ว ไปเกิดอยู่ในภพภูมิของเปรต เรียกว่าเปตชน สำหรับนัยที่สอง ได้แก่บรรพบุรุษหรือหมู่ญาติของเรา เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ไปเกิดเป็นเปรตอยู่ในเปตโลก เรื่องเปรตนี้มีตัวตนกันจริงๆ มีความเป็นอยู่อย่างลำบากหิวโหย ต้องรับทุกข์ทรมานซึ่งเป็นผลที่เกิดจากความโลภและความตระหนี่ในสมัยเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ นานๆ จึงจะมีคนเห็นเปรตเหล่านี้ด้วยตาเนื้อ แต่ถ้าอยากเห็นกันจริงๆ ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมกาย แล้วอาศัยธัมมจักขุและญาณทัสสนะของธรรมกายไปตรวจดู เราก็จะเห็นและเข้าใจความเป็นอยู่ของเปรตเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน เปรตในนัยที่สองนี่แหละ ที่หลวงพ่อกำลังจะนำมาเล่าให้ทุกท่านได้รับฟังกัน

เปรตในเปตโลกนั้นสามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด ๑๒ ตระกูล และเปรตทั้ง ๑๒ ตระกูลนี้เป็นเปรตที่เกิดด้วยอำนาจอกุศลกรรมและผลบาปของตนเอง ต้องเสวยผลกรรมชั่วจนกว่าจะสิ้นกรรม จึงจะมาเกิดเป็นเปรตอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต ซึ่งมีอกุศลเบาบางลงมาบ้างแล้ว ซึ่งถ้าหากหมู่ญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ แล้วตัวเองมีจิตยินดี อนุโมทนาในกุศลนั้น ก็จะพ้นจากอัตภาพของเปรตไปได้

แต่กว่าหมู่ญาติจะทำบุญไปให้ ตัวเองต้องรอและต้องท่องเที่ยวไปมา นึกถึงหมู่ญาติของตนว่าอยู่ที่ไหนกันบ้าง แล้วก็ไปคอยท่าอยู่ใกล้ๆ โดยหวังว่า เมื่อไรหนอ หมู่ญาติจะอุทิศส่วนกุศลให้เสียที ครั้นญาติทำบุญกุศลแล้ว แต่ลืมอุทิศให้ตน หรืออุทิศให้แก่คนอื่นไม่อุทิศให้ตน เปรตเหล่านี้ก็จะเดินวนไปมาหน้าเศร้าสร้อยด้วยความผิดหวัง ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่อย่างนั้นนานแสนนานเป็นล้านๆ ปี เป็นกัปๆ หรือเป็นพุทธันดร

นี่เป็นข้อคิดอย่างหนึ่งว่า คนที่ตระหนี่มัวประมาทในชีวิต เมื่อไปเกิดเป็นเปรตแล้ว อย่าคิดว่าหมู่ญาติจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นะ แม้ตัวเราในยามที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ห่วงใยตัวเอง ด้วยการทำทานเอาไว้ให้มาก จะได้เป็นเสบียงในภพชาติหน้าบ้าง พวกลูกหลานก็จะมีข้อแม้เหมือนกันว่า ไม่มีเวลา หรือทึกทักเอาเองว่า เราคงไปสวรรค์แล้ว จึงหวงแหนทรัพย์ที่เรามอบให้เป็นมรดก ไม่ยอมทำบุญอุทิศไปให้

สำหรับครั้งนี้ หลวงพ่อมีตัวอย่างของผู้ที่ไปเป็นปรทัตตูปชีวีเปรตมาเล่าให้ฟัง เพื่อจะได้ศึกษากัน
* เรื่องมีอยู่ว่า ย้อนหลังกลับไปในกัปที่ ๙๒ นับแต่ภัทรกัปนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปุสสะ ทรงอุบัติขึ้น พระโอรสต่างมารดาของพระองค์อยากได้บุญใหญ่ จึงตั้งใจที่จะถวายมหาสังฆทานตลอด ๓ เดือน อีกทั้งยังนุ่งขาวห่มขาว ตั้งใจสมาทานศีล ๘ อีกด้วย พระโอรสทั้ง ๓ ได้มอบหมายให้บุตรของคฤหบดีผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานรักษาเรือนคลังของพระราชโอรส ให้ทำหน้าที่ถวายมหาสังฆทานแด่พระสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข

นายเสมียนตั้งใจถวายทานด้วยความเคารพ แต่หมู่ญาติของท่านซึ่งถูกเกณฑ์ให้มาช่วยกันจัดเตรียมภัตตาหารถวายสงฆ์ ตอนแรกๆ ก็มีจิตเลื่อมใสอยู่บ้าง พอนานวันเข้า ก็เห็นแก่ปากแก่ท้อง แอบกินอาหารก่อนจะถวายสงฆ์บ้าง เมื่อลูกร้องงอแงก็ให้ลูกๆ กินบ้าง ครั้นตายลง แทนที่จะไปเกิดในสวรรค์เหมือนพระราชา ก็กลับไปเกิดในนรก ท่องเที่ยวจากนรกขุมนั้นไปขุมนี้ ใช้เวลานานถึง ๙๒ กัป

ต่อมา ในภัทรกัปนี้ หมู่ญาติที่พ้นจากนรกขุมบริวารแล้ว ก็มาเกิดเป็นเปรต รอคอยญาติอุทิศส่วนกุศลไปให้ก็ไม่ได้สักที จึงพากันไปเข้าเฝ้าพระกกุสันธสัมมาสัมพุทธเจ้า ทูลถามว่า “เมื่อไรหนอ พวกข้าพระองค์จึงจะพ้นจากอัตภาพของเปรต” ถามพระพุทธเจ้าเรื่อยมา ตั้งแต่พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า และพระกัสสปพุทธเจ้า ก็จะได้รับพุทธพยากรณ์ว่า ให้ไปถามพระพุทธเจ้าพระองค์หน้าโน้น

ต่อมา เมื่อมาถึงในสมัยพุทธกาลของเรา พระเจ้าพิมพิสารซึ่งเคยเป็นญาติของพวกเปรต เมื่อทรงถวายวัดเวฬุวันแด่พระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลไปให้ พวกเปรตซึ่งบัดนี้อยู่ในสภาวะที่พอจะรับบุญได้แล้ว ที่เราเรียกว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต จึงมาปรากฏกายให้พระองค์เห็น บางพวกพากันยืนอยู่นอกฝาบ้าง ที่ทาง ๔ แพร่งบ้าง ที่นอกประตูก็มีเยอะแยะไปหมด บางพวกมีหนวดและผมยาว หน้าดำ ผอมเกรียมดำเหมือนต้นตาลถูกไฟไหม้ บางพวกมีหลอดคอเล็กเท่ารูเข็ม มีท้องใหญ่ บางพวกมีรูปร่างแปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน พากันส่งเสียงร้องโหยหวนในพระราชนิเวศน์

ครั้นรุ่งเช้า พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทรงทราบว่าเป็นเปรตญาติมาขอส่วนบุญ พระองค์จึงได้ถวายภัตตาหาร ผ้าไตรจีวรและไทยธรรมทุกอย่าง อุทิศส่วนกุศลให้หมู่ญาติ พวกเปรตเหล่านั้นจึงพ้นจากอัตภาพของเปรต มีทิพยสมบัติบังเกิดขึ้น ได้อาหารทิพย์ มีทิพยภูษาอาภรณ์ มีสวน มีสระโบกขรณีสวยสดงดงามมาก ครั้นหมู่ญาติพ้นจากอัตภาพของเปรตแล้ว ก็มาปรากฏกายให้พระราชาเห็นเป็นการแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็ไปเสวยสุขในสุคติโลกสวรรค์

เราจะเห็นว่ากรรมที่ทำลงไปด้วยความประมาทชะล่าใจ เพราะตามใจกิเลส หรือทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ต้องไปเกิดในอบายภูมิอย่างที่หลวงพ่อนำมาเล่าให้ทุกท่านไดัรับฟัง กว่าจะพ้นจากอัตภาพอันแสนเลวร้ายนั้นมาได้ ต้องผ่านความทุกข์ทรมานแสนสาหัสสากรรจ์ และกว่าจะหลุดพ้นจากนรกหรือเปรตได้ก็ต้องกรรมหมดก่อน หรือเมื่อกรรมเบาบางก็เป็นปรทัตตูปชีวีเปรตจึงจะพอรับบุญจากญาติที่อุทิศไปให้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากหมู่ญาติทำบุญใหญ่ชนิดที่เป็นมหัคคตกุศล ทำถูกเนื้อนาบุญอันเลิศกันจริงๆ บุญนั้นก็สามารถที่จะช่วยเหลือหมู่ญาติที่ตกไปในอบายภูมิได้ โดยเฉพาะถ้าทำบุญถูกธรรมกาย ถูกทักขิไณยบุคคลที่เป็นอู่แห่งทะเลบุญ ทำวิชชาธรรมกายเป็น จึงจะสามารถนำบุญที่ญาติทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้บรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งแม้จะตกไปอยู่อบายภูมิ ญาติเหล่านั้นก็สามารถหลุดพ้นจากอัตภาพของทุคติขึ้นมาได้

นี่เป็นเรื่องอจินไตย อยู่เหนือวิสัยที่เราจะนึกคิดด้วยจินตมยปัญญา เพราะเป็นภาวนามยปัญญา ธรรมกายนั้นเป็นอจินไตย ผู้เข้าถึงธรรมกายและทำวิชชาเป็นจึงจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้ดี ถ้าอยากรู้ว่าธรรมกายเป็นอจินไตยอย่างไร ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ จะได้อาศัยวิชชาธรรมกายไปตรวจดูสัตว์นรกต่างๆ และช่วยเหลือหมู่ญาติของเราที่ตกไปในอบายภูมิได้ แล้วเราจะหายสงสัย ดังนั้นให้หมั่นนั่งธรรมะกันเป็นประจำทุกวัน จะได้เข้าถึงองค์พระธรรมกายใสๆ ในตัวกันทุกคน

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13584
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

2 thoughts on “ปรทัตตูปชีวีเปรต (เปรตญาติพระเจ้าพิมพิสาร)”

  1. น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🏵️🌺🌸💮🌼🌷🌷🌼💮🌸🌺🏵️

  2. 🌟น้อมกราบสาธุ สาธุ สาธุครับ🌟
    🏵️💮🌺🌸🌼🏵️🌼🌸🌺💮🏵️

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *