ดวงแก้วคุณยาย แก้วสารพัดนึก

ดวงแก้วคุณยาย แก้วสารพัดนึก

หลวงพ่อเคยกราบเรียนถามคุณยายตั้งแต่สมัยเริ่มเข้าวัดว่า “ดวงแก้วกายสิทธิ์นี้มไว้ทำอะไร แล้วเขาเป็นใคร” คุณยายตอบชัดเจนว่า “เขาไม่ใช่กายทิพย์ ไม่ใช่กายมนุษย์ แต่เขามีลักษณะพิเศษ ของเขา ถ้าเขาอยู่กับผู้ที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม เขาจะทำหน้าที่คล้าย ๆ ลูกศิษย์วัด คือ ดูแลตามสมบัติให้ แต่เขาก็ไม่ใช่เทวดา เขามีสภาพอีกสภาพหนึ่ง คือ เป็นผู้คอยหล่อเลี้ยงมนุษย์”

ในเวลาที่เจ้าของดวงแก้วตั้งใจปฏิบัติธรรม เขาจะทำหน้าที่ของเขาอีกเหมือนกัน คือ ช่วยดึงดูดใจของผู้ปฏิบัติธรรมให้เข้าไปสู่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้ง่ายขึ้น คุณยายท่านใช้คำว่า “ช่วยคุมบุญให้ ช่วยคุมใจเวลานั่งสมาธิให้” เพราะว่าเขามีฤทธิ์อยู่ในตัว โบราณจึงเรียกกันว่า แก้วกายสิทธิ์

หากใครได้อ่านคัมภีร์โบราณทั้งของจีน ของอินเดีย และของไทย จะเจอคำว่าดวงแก้วกายสิทธิ์ ซึ่งมีฤทธิ์ดังนี้ คือ
• ตามสมบัติให้ได้
• เวลาปฏิบัติธรรมช่วยคุมธรรมะให้ได้
• เวลามีอุปสรรค จะช่วยทำหน้าที่เหมือน body guard เหมือนขุนพล หรือเหมือน รปภ.ที่ดูแลรักษา คุ้มครองเจ้านาย

ดวงแก้วจะอยู่กับผู้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมเท่านั้น อาหารของพวกเราเป็นข้าว เป็นน้ำ แต่อาหารของเขา คือ บุญ แต่เขาทำบุญด้วย ตัวเองไม่ถนัด ต้องอาศัยบุญจากผู้เป็นเจ้าของดวงแก้ว ตัวเขาในฐานะที่ไปช่วยตามสมบัติ ช่วยคุ้มครอง ปกป้อง และช่วยคุมธรรมะให้ ก็เลยได้บุญร่วมไปกับเราด้วย แต่มีข้อแม้ว่า ผู้ที่ได้ดวงแก้วไปต้องตั้งใจสร้างบุญ หากไม่ตั้งใจสร้างบุญ ก็เหมือนปล่อยให้เขาอดอาหารเขา จะไม่อยู่ด้วย ตรงกันข้ามหากตั้งใจสร้างบุญ กายสิทธิ์พวกนี้จะยิ่งรัก ยิ่งเคารพ ยิ่งเทิดทูนเจ้าของ เพราะเขาได้บุญโดยอาศัยเรา

หากเราผู้เป็นเจ้าของตั้งเป้าว่าจะทำบุญเท่าไร พวกนี้เขาจะรับทราบ และมีหน้าที่ช่วยเรา แต่ถ้าเราปล่อยปละละเลย ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ พวกนี้ก็เฉาเหมือนกัน ไม่ยอมอยู่ด้วย ต้องไปหานายใหม่ที่ตั้งใจใช้เขาสร้างบุญ สร้างบาปเขาก็ไม่เอา

กล่าวโดยสรุป แก้วกายสิทธิ์กับเราต้องพึ่งพาอาศัยกัน เขาช่วย ทำหน้าที่คุ้มครองปกป้องรักษาเรา ช่วยตามสมบัติมาให้เราใช้สร้างบุญ สร้างบารมี ยามป่วย ยามเจ็บ ยามไข้ ก็คุ้มครองเราได้อีกด้วย และเขาจะขยันมาก ๆ เมื่อเราตั้งใจทำบุญ ตั้งอยู่ในบุญ เพราะถ้าเราได้บุญ เขาก็ได้บุญด้วย

คุณยายกล่าวเน้นอีกว่า เริ่มต้นหลวงปู่เป็นผู้สอนให้คุณยายฝึกดวงแก้วกายสิทธิ์ของคุณยายให้มีฤทธิ์ ยิ่งฝึกเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ของเขามากเท่านั้น หากเป็นกายสิทธ์ที่ไม่ได้ฝึก ก็จะมีฤทธิ์แบบทั่ว ๆ ไป ดังที่มีคำร่ำลือว่า ในวันพระมีดวงแก้วลอยขึ้นมาที่นั่น ที่นี่

ดวงแก้วที่คุณยายนำมาฝึกแล้วเขาอยากอยู่กับคุณยาย คุณยายก็เลยตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ตั้งแต่มาอยู่วัดพระธรรมกาย เพราะว่าวัดพระธรรมกายมีทุนเริ่มต้นเพียง ๓,๒๐๐ บาท เงินทุนเท่านี้สร้างวัดไม่พอ ต้องอาศัยกายสิทธิ์เหล่านี้ซึ่งรักบุญช่วยไปตามคน

เมื่อตอนเริ่มต้นสร้างวัด คุณยายบอกว่า “๑๐ ปีแรก หลวงพ่อทัตตะไม่ต้องออกไปเทศน์นอกวัด เดี๋ยวไม่ทันโลก” หลวงพ่อก็ถามคุณยายว่า “แล้วเราอยู่ที่วัดใครเขาจะมาฟังเทศน์” คุณยายบอกว่า “ท่านไม่ต้องกลัว ยายจะใช้กายสิทธิ์ไปตามคนมาให้ ท่านตั้งใจเตรียมเทศน์ให้ดี ก็แล้วกัน ยายจะตามมาให้”

ตอนนั้น หลวงพ่อก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็เป็นอย่างที่คุณยายบอกจริง ๆ คือ ถ้าเทศน์ที่วัดพระธรรมกายก็อย่างที่เราเห็น จะมีคนฟังเป็นหมื่น เป็นแสน หลาย ๆ แสน เกือบ ล้านคนก็เคยมี แต่ถ้าให้หลวงพ่อไปเทศน์ที่สนามหลวง สงสัยไม่มีใครมาฟังเลย เพราะกายสิทธิ์เขามีหน้าที่ทำที่นี่ เขาไม่ได้ไปสะเปะสะปะ จะต้องบอกเขาให้ชัดเจนว่า จะไปทำอะไร ได้บุญมากมายขนาดไหน เขาก็ทุ่มเต็มที่ เพราะเขาก็ต้องการบุญเหมือนอย่างพวกเรา

เพราะฉะนั้นทุกท่านที่ได้ไปแล้ว อย่าวางเขาไว้เฉย ๆ ให้คิดถึงเขา แล้วชวนเขาทำบุญทุกบุญ นึกถึงหน้าใครได้ก็บอกกายสิทธิ์ให้ไปตามเขามาสร้างบุญด้วย อันนี้เป็นหน้าที่ของเขา แล้วก็ไม่ต้องกลัวเขาเหนื่อย เขาต้องการทำงาน เพราะเขาก็ต้องการบุญเช่นเดียวกับเรา

เมื่อได้ไปแล้วเก็บรักษาเขาให้ดีด้วย ไม่ว่าจะประกอบธุรกิจการงานใด ๆ บอกเขาไปเถิดว่า “เอาบุญร่วมกันนะ และให้ไปช่วยตามลูกค้ามาเยอะ ๆ ด้วย” ใครที่เป็นครูบาอาจารย์ เป็นนักศึกษา หรืออาชีพอะไรก็ตาม บอกเขาไปเถิด เดี๋ยวเขาจะมาช่วยเวลาทำงาน ใครทำไร่ ทำสวน บอกเขาไปเถิด เดี๋ยวผลไม้รากไม้เต็มสวน รสชาติดีเป็นพิเศษ ใครรับราชการงานเมือง ใช้งานเขาเถิด แต่มีข้อแม้ว่า ต้องทำทานเป็นประจำ ต้องรักษาศีลเป็นประจำ ต้องนั่งสมาธิเป็นประจำ แล้วเขาจะเป็นเหมือนแก้วสารพัดนึกของเรา

กายสิทธิ์ประเภทนี้ เรารู้จักในนามของแก้วจักรพรรดิ เป็นแก้ว ชุดเดียวกับแก้วจักรพรรดิ ที่พระเจ้าจักรพรรดิท่านมี แม้กำลังบุญของเราขณะนี้ยังไม่ถึงพระเจ้าจักรพรรดิผู้ปกครองโลก แต่ว่าได้ขุนพลแก้วที่ คุณยายเตรียมทำไว้ให้ก็แสนวิเศษแล้ว เก็บรักษาให้ดีด้วย ขยันใช้เขาด้วย แล้วเขาจะมีฤทธิ์เหมือนกับดวงแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ

พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)
วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

ที่มา
หนังสือ ดวงแก้วคุณยาย
www.dhamma01.com/book/81

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *