หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย

อ่านหนังสือผ้าสีสุดท้ายในรูปแบบ EBook ที่นี่

๑-๑ นาถของโลก

วันเวลาที่ผ่านไป ก็ให้ผ่านไปด้วยการสั่งสมความดีความบริสุทธิ์ผุดผ่องเข้ามาใส่ตัวของเราให้มากๆ ให้หมั่นตรวจตราดูแลตัวของเราเองให้ดี ตั้งแต่ภายในออกมาสู่ภายนอก นั่นคือตรวจตราดูแลจิตใจ ความรู้สึกนึกคิดของเรา ให้สะอาด ให้เกลี้ยงเกลา จากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อกุศล ต่อความบริสุทธิ์ ผุดผ่อง ให้ใจเราผ่องใสประภัสสรอยู่ตลอดเวลา ตรวจตราดูแลวาจาและการกระทำของเรา ให้บริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่ตลอดเวลา ตรวจตราดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ เครื่องนุ่งห่ม อาวาสที่อยู่อาศัย ตลอดจนกระทั่งอาหารที่จะนำเข้าไปสู่ร่างกายของเรา ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องตลอดหมด สิ่งอะไรที่จะไหลผ่านกาย วาจา ใจของเราต้องสะอาด ต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง อย่างนี้ถึงจะสมกับการได้เข้ามาสู่เส้นทางอันบริสุทธิ์สายนี้ เมื่อเราบริสุทธิ์ผุดผ่อง กระทั่งเป็นที่พึ่งต่อตัวเราเองได้ ก็จะได้เป็นหลักเป็นที่พึ่งของชาวโลกต่อไปในอนาคต ชาวโลกนั้นขาดที่พึ่ง เขายังว้าเหว่อยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนชีวิตถึงจะรอดปลอดภัยจากความทุกข์ทรมานในสังสารวัฏและ ในอบาย เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องแสวงหาผู้รู้ที่จะเป็นหลักที่พึ่งให้เขาได้ ผู้รู้ที่จะเป็นที่พึ่งแก่ชาวโลกได้นั้นก็คือ ผู้ที่ได้เข้าถึงธรรมกายภายใน เพราะว่าเมื่อถึงหลักของชีวิตแล้ว เอาตัวรอดปลอดภัยแล้ว ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ที่จะเป็นหลักเป็นที่พึ่งให้ชาวโลก ถ้ารู้แล้วเห็นแล้วไม่ไปทำหน้าที่นี้ มันก็ผิดหน้าที่ หน้าที่ของเราก็ไม่สมบูรณ์ ได้แค่ประโยชน์ตน แต่ว่าประโยชน์ท่านนั้นยังไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็จะต้องทำหน้าที่กันต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เหมือนอ้อยที่เขาหีบเอาความหวานหมดไป เหลือแต่ชานก็ทิ้งไปอย่างนั้น ร่างกายนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อเราอาศัยสร้างความดีเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงคราวที่ร่างกายใช้ไม่ได้ก็จากไปสู่ภพภูมิใหม่ เหมือนภาชนะดินที่แตกทำลายไปใช้ภาชนะทองคำแทนอย่างนั้น การที่จะเดินทางไปสู่เส้นทางสายกลางภายในนั้น เป็นการเดินสวนกระแสกิเลส กระแสแห่งความทุกข์ทรมาน เพราะฉะนั้นจงมีความสุขและสนุกสนานกับการสวนกระแส ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้กาย …

๑-๑ นาถของโลก Read More »

๕-๒ บ่วงแห่งมาร

จำไว้ว่าเส้นทางนี้ต้อง “สู้” อย่างเดียว ขอให้นึกถึงคำเดียวเท่านั้น จำง่ายๆ ว่า “สู้” ลูกเณรต้องสู้ เมื่อเจอสิ่งที่ยั่วยวนทำให้หลงใหลไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ถ้าเราไม่เผลอสติ มีใจหยุดนิ่งอยู่ภายในกลาง ทุกเรื่องเป็นเรื่องเล็ก จะรู้สึกเฉยๆ เรื่องโน้นเรื่องนี้ก็ไม่มีความหมาย ทำอะไรเราไม่ได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ เป็นปฏิรูปเทสที่สำคัญ ที่ลูกเณรจะต้องนำใจมาตั้งไว้อยู่ตลอดเวลา ให้ติดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับองค์พระภายในตัวเรา หลวงพ่อขอให้ลูกเณรได้เดินทางในเส้นทางนี้โดยปลอดภัย ไปให้ถึงที่หมายอย่างอัศจรรย์ หลวงพ่อจะเป็นธงชัยให้ลูกเณร แล้วก็จะเป็นทุกสิ่งให้ลูกเณร เพื่อที่เราจะได้ไปถึงที่หมายพร้อมๆ กัน หลวงพ่อจะไม่ทิ้งลูกเณรแม้แต่รูปเดียว เพราะฉะนั้นลูกเณรก็อย่าทิ้งหลวงพ่อไปนะ เดี๋ยวเกิดไปเจอในบางสิ่ง ก็มี ๒ เรื่องเป็นหลัก คือ สตรีกับสตางค์นี่แหละ ที่จะทำให้ลูกเณรทิ้งหลวงพ่อ นอกนั้นเป็นเรื่องรองลงมา แต่ถ้าหากว่าตั้งใจสู้ละก็ เรื่องใหญ่มันก็เป็นเรื่องเล็ก จนกระทั่งไร้ความหมายไปในที่สุด แต่ถ้าไม่สู้ เรื่องเล็กก็เป็นเรื่องใหญ่ ยามใดที่เกิดความท้อแท้เบื่อหน่าย หรือมีอุปสรรคอันใดเกิดขึ้นก็ตาม ยามนั้นให้นึกถึงสิ่งที่หลวงพ่อได้พูด ให้นึกถึงพระอาจารย์ ให้นึกถึงเพื่อนสหธรรมิกที่มีกำลังใจเข้มแข็ง มีเป้าหมาย ปณิธาน อุดมการณ์ …

๕-๒ บ่วงแห่งมาร Read More »

๑-๒ สิ่งที่ควรรู้ ควรศึกษา

ในช่วงใกล้นี้เรากำลังจะสอบบาลีสนามหลวงกัน ใครที่กำลังจะสอบก็ให้ตั้งใจดูหนังสือให้ดี อย่าให้ใจซัดส่ายไปที่อื่น แล้วก็อย่าลืมว่า การสอบทุกครั้งเป็นเพียงเครื่องพิสูจน์ว่า เรามีความเข้าใจในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากน้อยเพียงไร การที่จะศึกษาตำรับตำรา… อย่างไรก็ตาม ให้ศึกษาเพื่อที่จะเรียนรู้ ทำความเข้าใจต่อพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนการสอบได้เป็นผลพลอยได้เท่านั้น ให้มุ่งประเด็นนี้เป็นสำคัญ ขอให้มีความสุขและสนุกต่อการศึกษา ศึกษาด้วยความเคารพ เหมือนอยู่ต่อหน้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะหากว่าไม่มีพระองค์ท่าน คำสอนนี้ก็ไม่มี ถ้าไม่มีคำสอน เราก็จะดำเนินชีวิตไม่ถูกต้อง คำสอน จึงเป็นประหนึ่งแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องศึกษาด้วยความเคารพ อย่างเพื่อนต่างศาสนิกของเรา เวลาที่เขาจะอ่านคัมภีร์เขาต้องกราบ ต้องยกมือไหว้ และ เก็บคัมภีร์ไว้บนที่สูง ร่ำเรียนศึกษาเหมือนอยู่ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า เหมือนสิ่งนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าทีเดียว ของเราก็ควรจะเป็นเช่นนี้ จะอ่านตำรับตำราพระธรรมวินัยที่ไหนก็แล้วแต่ จะอยู่คนเดียวหรือจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็ให้ศึกษาด้วยความเคารพในพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้ศึกษา เพื่อที่ว่าเราจะได้นำมาสั่งสอนตัวของเราเอง มาฝึกฝนอบรมตัวของเราให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง จะได้หลุดพ้นเช่นเดียวกับพระพุทธองค์ ส่วนหนังสืออื่นที่อ่านแล้วทำให้ใจของเราเร่าร้อนกระสับกระส่าย ทุรนทุราย ฟุ้งซ่าน จิตไม่ตั้งมั่น ไม่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ไม่เป็นเหตุให้เข้าถึงธรรมกาย ให้ลูกทุกรูปพึงเว้น เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ถ้าจะศึกษาเพื่อเป็นความรู้รอบตัว ก็ต้องมีสติ มีสัมปชัญญะ มีปัญญา คุ้มครองตัวเองให้ดี ให้รอดปลอดภัยจากความเร่าร้อน ให้ลูกหมั่นระลึกเสมอว่า เมื่อเราเข้ามาสู่ในเพศภาวะนี้ นั่นหมายถึงว่า …

๑-๒ สิ่งที่ควรรู้ ควรศึกษา Read More »

๕-๓ ธรรมรักษา

การปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ มีความสำคัญต่อลูกเณรมาก ในขณะนี้ลูกเณรอยู่ใกล้หลวงพ่อ ห่างจากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้จิตหยาบ มีจิตใจที่ละเอียดอ่อน เพราะไม่มีเครื่องกังวลในเรื่องกิจวัตรกิจกรรม หรือการศึกษาเล่าเรียน ดังนั้นในขณะนี้จิตใจของลูกเณรยังเข้มแข็งอยู่ การก้าวเดินไปในเส้นทางนี้และในหนทางที่เราจะเดินต่อไปในอนาคต ดูรู้สึกไม่ยากเย็นอะไร มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้ลูกเณรประคองตนอยู่ในเส้นทางนี้ได้โดยปลอดภัย นั่นคือ ลูกเณรจะต้องปฏิบัติธรรมให้สม่ำเสมอ ทำจิตให้มันละเอียดเรื่อยๆ ไป อย่างน้อยก็รักษาในระดับที่ลูกเณรได้เข้าถึงในตอนนี้ อย่าให้มันทรุดตกต่ำกว่านี้ แล้วให้มีองค์พระติดตัวเราไปเป็นสรณะตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำกิจวัตรกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ถ้าทำได้อย่างนี้ หลวงพ่อเชื่อว่าสิ่งที่ลูกเณรตั้งใจไว้จะสมปรารถนา โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) วันที่ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่มา หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย อ่านในรูปแบบ EBook ที่นี่

๒ ผ้าสีสุดท้าย ๑

ลูกเณรรู้ตัวหรือเปล่าว่า ลูกเณรมีบุญมากที่ได้มาศึกษาพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เขาจะวัดว่าใครมีบุญมากบุญน้อย วัดกันตรงนี้ วัดว่าใครดับทุกข์ได้ เป็นผู้บริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปสู่อายตนนิพพานได้ อย่างนี้เขาถือว่าเป็นผู้มีบุญมากที่สุด เขาไม่ได้ดูว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นมหาเศรษฐีของโลก เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแค่นั้นนะ นั่นมีบุญเหมือนกัน แต่มีบุญระดับปานกลาง มีบุญมากที่สุดต้องไปสู่พระนิพพาน การมีบุญที่ได้เป็นเทือกเถาเหล่ากอของสมณะอย่างที่ลูกเณรเป็น มีเครื่องแบบชุดสุดท้ายของสังสารวัฏ คือผ้ากาสาวพัสตร์ที่ลูกเณรได้ครองอยู่ ถือเป็นผ้าผืนสุดท้ายที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว ในสมัยพุทธกาล แม้เกิดเป็นพระราชามหากษัตริย์อย่างพระมหากัปปินะ ในที่สุดพระองค์ก็ต้องทิ้งเครื่องทรงพระราชามาสวมใส่ชุดนี้ หรือมหาเศรษฐีที่มีสมบัติตักไม่พร่องอย่างท่านโชติกเศรษฐี สุดท้ายก็มาสวมชุดนี้ จะเกิดเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง หรือชั้นล่าง ในที่สุดก็ต้องมาอยู่ในชุดนี้ แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเกิดเป็นพระราชามหากษัตริย์ก็ดี เป็นสามัญชนก็ดี ตอนสุดท้ายพระองค์ก็สละราชสมบัติออกบวชบำเพ็ญพรต ครองผ้ากาสาวพัสตร์เป็นชุดสุดท้ายก่อนไปอายตนนิพพาน เหมือนเป็นชุดที่รวมบุญ รวมบารมี รวมคุณความดีทั้งหมด มาสู่ชุดนี้ คล้ายกับมหาสมุทรเป็นที่รวมของแม่น้ำทุกสาย จากห้วย หนอง คลอง บึง จากป่าเขาอย่างนั้น ถ้าใครได้สวมเครื่องแบบชุดนี้ มีนิพพานเป็นที่ไป หมายถึงว่ามีบารมีที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เวียนว่ายตายเกิด เป็นอะไรมาสารพัด สุดท้ายก็จะต้องอยู่ในชุดผ้ากาสาวพัสตร์ ที่ลูกเณรกำลังสวมอยู่ ถ้าหากมีเครื่องแบบที่แตกต่างจากนี้ไป นั่นแสดงว่ายังต้องเวียนว่ายตายเกิด สร้างบุญสร้างบารมีไปอีกยาวนานทีเดียว กว่าจะได้มีโอกาสมาสวมชุดนี้ …

๒ ผ้าสีสุดท้าย ๑ Read More »

๕-๔ ฝึกตน

ลูกเณรจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับทุกๆ คน ไม่ว่ากิจวัตรและกิจกรรมอันใด ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เราทำของเราให้ถูกต้องและดีงามเท่านั้น เมื่อเราทำอย่างสม่ำเสมอ จะเกิดแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ใจอ่อนแอ เผอเรอจากกิจวัตรกิจกรรม เขาคึกคักเข้มแข็งตามลูกเณรมาด้วย ถ้าลูกเณรเข้มแข็ง เขาจะเข้มแข็ง ถ้าลูกเณรมีระบบระเบียบ เขาก็จะมีระบบระเบียบ จะทำตามกันไป เพราะฉะนั้นนี่เป็นสิ่งสำคัญมาก ใครจะอย่างไรเรื่องของเขา แต่เรื่องของเราต้องดีที่สุด และนั่นแหละเขาจะทำตามเรา ทำให้ได้นะลูกนะ ทำอันนี้ให้ดีทีเดียว ถ้าได้อย่างนี้ลูกเณรจะเป็นแก้วสารพัดนึกของหลวงพ่อ โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) วันที่ วันอาทิตย์ที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่มา หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย อ่านในรูปแบบ EBook ที่นี่

๒-๑ ทรงผมสุดท้าย

ทรงผมทรงสุดท้ายที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วของผู้มีบุญ ก็คือทรงผมของนักบวช พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ ทรงนี้ดีที่สุด มีมีดโกนเป็นธรรมาวุธ เป็นหวีคู่กาย หวีเดือนละครั้ง สองครั้งก็ใช้ได้ แต่หวีทางโลกต้องหวีทุกวัน เพราะฉะนั้นผมทรงนี้เป็นทรงสุดท้ายนะลูกเณรนะ แต่ผมบนหัวคนที่ยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวยาว เดี๋ยวสั้น เดี๋ยวหยิก เดี๋ยวเหยียด นั่นเขายังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรถึงจะดี โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) วันที่ วันอังคารที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่มา หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย อ่านในรูปแบบ EBook ที่นี่

๒-๒ พระบาลี

กว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบังเกิดขึ้นแต่ละพระองค์นั้นยากมาก และกว่าพระองค์จะมีความรู้ที่ลูกเณรกำลังเล่าเรียนอยู่นี้ ต้องสร้างบารมี สร้างความดีมายาวนานทีเดียว สละโลหิตมากกว่าน้ำในท้องพระมหาสมุทร สละเนื้อมากกว่าพื้นที่บนแผ่นดิน ควักลูกนัยน์ตาให้ทานมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้า ตัดศีรษะบูชาธรรมมากกว่าผลมะพร้าวทั้งชมพูทวีป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบางพระองค์สร้างบารมีถึง ๘๐ อสงไขยกับแสนมหากัป ทั้งนึกในใจ เปล่งวาจา จนได้ รับพุทธพยากรณ์ บางพระองค์ ๔๐ อสงไขยกับแสนมหากัป บางพระองค์อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้สร้างบารมี ๒๐ อสงไขยกับแสนมหากัป อสงไขย แปลว่า นับไม่ไหว คือสร้างบารมีนับภพนับชาติไม่ถ้วน สิ่งที่นับไม่ไหวมารวมกัน ๘๐, ๔๐, ๒๐ เศษอีกแสนมหากัป แล้ววันที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องสละชีวิตเข้าไปค้นความรู้ กว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ยากมาก เมื่อตรัสรู้แล้วท่านทรงนำความรู้นั้นมาถ่ายทอดสั่งสอนสืบต่อกันเรื่อยมาเป็นเวลาสองพันกว่าปี พระธรรมคำสอนอันทรงคุณค่านั้นถูกเก็บไว้เป็นภาษาบาลี ในตำรับตำราที่ลูกเณรกำลังเล่าเรียนอยู่นี้ เป็นคำสอนที่มีประโยชน์ ศึกษาแล้วจะเป็นแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็เหลือพระธรรมคำสอนเป็นพระศาสดาแทนพระองค์ เพราะฉะนั้นลูกเณรมีบุญมากๆ ที่ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เก็บไว้เป็นภาษาบาลี ดังนั้นเวลาลูกเณรเรียนต้องเรียนเหมือนกับเราเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความคิดอย่างนี้ว่า ทุกตัวอักษรที่เก็บไว้เป็นภาษาบาลี คือองค์แทนของท่าน เรียนด้วยความเคารพ เรียนด้วยความกระหายอยากจะรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสสอนอะไร อะไรที่ทำให้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วศึกษาอย่างทุ่มเทชีวิตจิตใจ ให้รู้ทั่วถึง ให้แตกฉาน อย่าไปคิดว่า จะเรียนเพื่อให้สอบได้ …

๒-๒ พระบาลี Read More »