krirk

✍ผิด-เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะปัญญามันหย่อน พลาด-เกิดจากความเผลอสติเพราะสติมันหย่อนไป

✍ผิด-เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะปัญญามันหย่อน พลาด-เกิดจากความเผลอสติเพราะสติมันหย่อนไป . แต่ที่ถึงขั้นชั่วขั้นเลวนั้น เพราะรู้ว่าผิด รู้ว่าจะเกิดความเสียหายแล้วยังขืนทำ ทำผิดทั้งรู้เรียกว่าทำชั่ว-ทำเลว . ผู้ที่จะเจริญงอกงามในพระพุทธศาสนาได้ ต้องมีลักษณะอย่างหนึ่งคือ เป็นคนประเภทที่ไม่ยอมทำความชั่ว ไม่ยอมเป็นคนเลว . ผิดก็ยอมรับว่าผิด พลาดก็ยอมรับว่าพลาด แต่ว่าเมื่อผิดเมื่อพลาดแล้วครั้งหนึ่ง จะไม่ยอมให้ผิดซ้ำพลาดซ้ำอีก เพราะรู้ว่าจะกลายเป็นชั่วเป็นเลว . ถ้าพระภิกษุสามเณรรูปใดสำนึกในเรื่องนี้อยู่เสมอ ความใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรมวินัยจะมีมาก . ใจจะยกสูงขึ้นตามลำดับ ความบริสุทธิ์กาย วาจาใจ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว มีกำลังใจที่จะสร้างบุญสร้างบารมีแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพันทีเดียว จากหนังสือ มองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือ มองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๒

✍หลวงพ่อเองเมื่อถึงคราวครบรอบวันคล้ายวันเกิดของตัวเองในแต่ละปีก็ชอบที่จะนึกทบทวนถึงความหลัง รำพึงถึงตัวเอง ถามตัวเอง…

✍หลวงพ่อเองเมื่อถึงคราวครบรอบวันคล้ายวันเกิดของตัวเองในแต่ละปีก็ชอบที่จะนึกทบทวนถึงความหลัง รำพึงถึงตัวเอง ถามตัวเอง… . ว่าทำไมเราจึงได้สร้างบุญสร้างบารมีมาได้ยืดเยื้อถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่มีอุปสรรคขวากหนามรอบด้านขนาดนั้น . โดยเฉพาะงานสร้างวัดสร้างธุดงคสถานนี่ เป็นงานใหญ่มาก . ลูกเอ๋ย อุปสรรคทำไมจะไม่รู้ว่ามาก แต่หลวงพ่อก็ไม่เคยคิดท้อถอย เดินหน้าเรื่อยไป . ที่มา : หนังสือมองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๓ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือมองอย่างนักคิดทำอย่างนักสู้ หน้า ๓

✍บุญและบาปเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนเราเกิดมาแตกต่างกันด้วยประการต่างๆ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่แต่ละคนเคยสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน

✍บุญและบาปเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้คนเราเกิดมาแตกต่างกันด้วยประการต่างๆ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่แต่ละคนเคยสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน . แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คน ซึ่งเกิดมาในปัจจุบันชาตินี้ มีนิสัย ความคิดเห็น สติปัญญา ความสามารถ ตลอดจนคุณธรรมแตกต่างกัน ก็คือ การปลูกฝังอบรมสั่งสอนแนะนำจากบุพการี คือ บิดามารดาและครูอาจารย์ ตลอดจนผู้ใกล้ชิด ตั้งแต่เยาว์วัย . กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การดำรงชีวิตของแต่ละคนนั่นเอง ที่ทำให้คนเราแตกต่างกันด้วยเรื่องต่างๆ ดังกล่าวโดยเฉพาะที่สำคัญอันดับแรก ก็คือเรื่องนิสัย ผู้ที่มีนิสัยหยาบ นิสัยเกียจคร้าน นิสัยมักง่าย นิสัยตระหนี่ . โดยสรุปก็คือ นิสัยไม่ดีทุกอย่างของผู้คนในสังคม ล้วนเกิดจากสภาวะความเป็นอยู่ คือ การดำรงชีวิตของตนทั้งสิ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นปัญหาการดำรงชีวิตอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังจะเป็นเหตุให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้คนทั้งหลายอีกด้วย จากหนังสือพุทธประวัติ หน้า ๓๖ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือพุทธประวัติ หน้า ๓๖

✍ใครก็ตามที่บวชเข้ามา ในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้

✍ใครก็ตามที่บวชเข้ามา ในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้ . เพราะงานสำคัญที่สุดในชีวิตนักบวช ก็คืองานถางกิเลสออกจากใจไปพระนิพพาน ผู้ที่เอาจริงเท่านั้นจึงสามารถถางป่ากิเลสออกจากใจ แล้วเปิดหนทางไปพระนิพพานให้ตัวเองได้สำเร็จ . ถ้าจะถามต่ออีกว่า แล้วพระนิพพานอยู่ที่ไหน หลวงปู่หลวงทวดท่านก็ตอบยิ้มๆ ว่า “ก็อยู่ในตัวคุณเองนั่นแหละ ก้มหน้าก้มตาถางทางเร็วเข้าเถอะ” . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๙ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๙

“บวชเพิ่มมิตรแท้”

“บวชเพิ่มมิตรแท้” “เจ้านิสัยดีๆ จะเป็นเพื่อนแท้ของเรา.. การมาบวชของเรานั้น เป็นการมาเพิ่มมิตรแท้ให้กับตัวเอง..” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍ฝึกแก้นิสัยฝึกอย่างไร?

✍ฝึกแก้นิสัยฝึกอย่างไร? การแก้นิสัยไม่ดีแต่ละอย่าง ไม่ใช่จะแก้ได้ง่าย แต่ก็ต้องพยายามแก้ จะแก้ได้มากหรือได้น้อยแค่ไหนก็ต้องพยายามแก้กันเรื่อยไป วันหนึ่งย่อมจะแก้หมดเอง . พระสัมมาสัมพุทธจ้า เมื่อครั้งบำเพ็ญบารมีในพระชาติต้นๆ ความรู้ความประพฤติของพระองค์ก็ยังหย่อนอยู่เช่นคนทั้งหลาย จึงต้องล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง . บางชาติก็เกิดเป็นเสือ ช้าง กวาง เก้ง พูดง่ายๆ บางชาติเกิดเป็นสัตว์ บางชาติเกิดเป็นคน เป็นคนยากจนก็มี บางชาติเป็นกษัตริย์ บางชาติเป็นนักปราชญ์ . แต่จะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร พระองค์ก็พยายามฝึกตัวอยู่ตลอดเวลา สังเกตได้จากเรื่องชาดกต่างๆ . เราประกาศตัวเป็นชาวพุทธ เท่ากับประกาศว่าเป็นลูกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงมีหน้าที่ต้องฝึกตนตามพระองค์ . รู้ว่านิสัยอะไรไม่ดีก็รีบแก้เสีย ฝืนใจให้ได้ ฝืนใจอยู่บ่อยๆ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ช้าคุ้นกับความดี . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๖๓ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๖๓

ยักษ์มาจากไหน

ยักษ์มาจากไหน❓ . เดิมยักษ์ก็เป็นคนเหมือนพวกเรา แต่มีข้อเสียตรงที่ว่า เป็นคนเจ้าโทสะ แม้จะทำบุญก็ยังทำด้วยความโทสะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ . ตัวอย่างเช่น จะทำบุญตักบาตร ก็ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้ดี จึงรีบตื่นแต่เช้า รีบเข้าครัวเตรียมข้าวปลาอาหาร . ใครมาช่วยก็ไม่ถูกใจ ทำไปก็บ่นไป พอถึงเวลา ด้วยความที่เป็นคนเจ้าโทสะ ถ้าพระมาช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง ก็บ่น . ขึ้นมาฟังเทศน์บนศาลาก็รำคาญคนอื่น คนโน้นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ มีเรื่องยั่วให้เกิดโทสะอยู่ร่ำไป . ใจน่ะเป็นบุญแต่พื้นใจเป็นคนเจ้าโทสะ เพราะฉะนั้นจะทำบุญให้ทาน ก็ได้บุญเหมือนกัน แต่ได้แบบหกๆ หล่นๆ . พอละโลกไปแล้ว แทนที่จะได้เป็นเทวดากลับต้องไปเกิดเป็นยักษ์ . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๔๙-๕๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๔๙-๕๐

✍เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเพิ่งไปคิดพึ่งใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันดับแรก

✍อยากฝากพวกเราไว้ว่า เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเพิ่งไปคิดพึ่งใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันดับแรก . ฝึกสาวจากผลที่เกิดขึ้นไปหาต้นเหตุ ด้วยการสำรวจตัวเอง ด้วยการนึกทบทวนก่อนว่า . สิ่งที่เราประพฤติในวันนี้ หรือวันอื่นๆ ที่ผ่านมา มีความผิดพลาดอะไรกับตัวเราบ้าง การนึกทบทวนนี้ บางทีอาจจะผิดหรืออาจจะถูกก็ได้ . แล้วนำไปเล่าให้หมอฟัง หมอซึ่งมีความชำนาญมากกว่าเรา จะช่วยตัดสินให้เราได้ว่า สิ่งที่เราสันนิษฐานนั้นผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ . และถ้าหมอได้ข้อมูลถูก หมอก็สามารถมุ่งไปแก้ไขรักษาที่ต้นเหตุ ไม่นานพวกเราก็หายป่วย . จากหนังสือสุขภาพนักสร้างบารมี หน้า ๕๕ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือสุขภาพนักสร้างบารมี หน้า ๕๕

✍การกราบการไหว้ เป็นการแสดงความเคารพ เป็นเครื่องหมายแสดงว่า เราตระหนักในความดีของคนๆ นั้น หรือสิ่งนั้นมากจริงๆ จนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ต้องเข้าไปแสดงอาการเคารพคือกราบไหว้

✍การกราบการไหว้ เป็นการแสดงความเคารพ เป็นเครื่องหมายแสดงว่า เราตระหนักในความดีของคนๆ นั้น หรือสิ่งนั้นมากจริงๆ จนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ต้องเข้าไปแสดงอาการเคารพคือกราบไหว้ . จากนั้นก็พยายามเรียนรู้ รู้จักจับจ้องดูวิธีทำความดีของท่าน และทำดีตามอย่างท่าน . ถ้าเราไม่หัดกราบไหว้มาตั้งแต่ต้น เราก็จะมีทิฏฐิมานะ ความถือตัวมาก . บางคนถึงกับมองความดีของคนอื่นไม่เห็น เห็นแต่ความผิดพลาดของเขา พยายามจับผิดเขาทุกวัน . ปัจจุบันเราจะเห็นว่าบุคคลในวงการต่างๆ พยายามจับผิดกัน นักเรียนจับผิดครูบาอาจารย์ . ครูบาอาจารย์จับผิดนักเรียน ผู้ใหญ่กับผู้น้อยก็จับผิดกัน เพื่อนร่วมงานก็จับผิดกัน ต่างไม่พูดถึงความดีของใคร เพราะมองไม่เห็น . ถ้าปล่อยให้สังคมเป็นเช่นนี้ ในไม่ช้าระบบสังคมจะล้มเหลว ก็ต้องแก้ด้วยความเคารพ คือ การจับดี . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๗ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๗

✍กว่าที่พระพุทธองค์ จะทรงสามารถสรุปคำสอนทั้งหมด มาสอนเราได้ ทรงต้องใช้เวลายาวนาน ถึงยี่สิบอสงไขยกับแสนมหากัป

✍กว่าที่พระพุทธองค์ จะทรงสามารถสรุปคำสอนทั้งหมด มาสอนเราได้ ทรงต้องใช้เวลายาวนาน ถึงยี่สิบอสงไขยกับแสนมหากัป . และการบังเกิดขึ้น ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นานๆ จะมีบังเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง . ยิ่งกว่านั้น ก็คือ โอกาสที่จะได้ยิน ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ก็เป็นเรื่องยาก . ก็ขนาดในโลกยุคนี้ พระพุทธองค์ได้มาบังเกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีบางคน ที่ตลอดชีวิตไม่เคยได้ยินได้ฟังคำสอนของพระพุทธองค์มาก่อนเลย . เพราะฉะนั้น พระไตรปิฎก อันเป็นที่บรรจุคำสอนของพระพุทธองค์ ที่เปิดเผยความลับประจำชีวิตให้ชาวโลกได้ รู้นี้ เราต้องพยายามอ่านพระไตรปิฎกให้จบหลายๆ เที่ยว . อ่านให้ซาบซึ้งใจ ในพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ แล้วเราจะได้มีกำลังใจ ทุ่มชีวิตปฏิบัติธรรมตามรอยบาทของพระพุทธองค์ยิ่งๆ ขึ้นไป . แล้วก็จะเป็นเหตุให้เรา สามารถเข้าถึงธรรมะภายในไปตามลำดับ จนกระทั่งใจกับธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สำเร็จ . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลืองฯ หน้า ๓๑ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลืองฯ หน้า ๓๑

✍”หัวใจของนักบริหาร อยู่ที่การตัดสินใจเมื่อพบปัญหา”

✍”หัวใจของนักบริหาร อยู่ที่การตัดสินใจเมื่อพบปัญหา” . ผู้ที่มีหลักธรรมยึดมั่นประจำใจ การมองปัญหาการแก้ปัญหาของเขา ก็จะไม่ใช้วิธีที่ส่งผลไปในทางชั่วร้าย . สมมติว่าเมื่อองค์กรเกิดภาวะขาดทุน ก็ไม่หารายได้ชดเชยด้วยวิธีการทุจริตหรือผิดศีลธรรม เช่น คดโกง หรือค้ายาเสพติดเป็นการแก้ปัญหา . ขณะคิดแก้ปัญหาก็มีสติควบคุม ไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เช่น เกิดโทสะว่าร้าย หรือทำร้ายผู้อื่นซึ่งจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้ยุ่งยากซับช้อนยิ่งขึ้นไปอีก . ฉะนั้นการเป็นนักบริหารที่ดี จะอาศัยความเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องอาศัยหลักธรรมประจำใจ รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ . การที่คนเราจะมีปัญญาคิดอย่างนี้ได้ จิตใจของเขาจะต้องผูกยึดกับหลักธรรมตลอดเวลา . จากหนังสือหลักการบริหารตามพุทธวิธี หน้า ๖ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือหลักการบริหารตามพุทธวิธี หน้า ๖

✍️”นายทุนที่ใจดีที่สุดในโลก”

✍️”นายทุนที่ใจดีที่สุดในโลก” . ถ้าเปรียบมารดาและบิดาเป็นนายทุนออกเงินกู้ ก็เป็นนายทุนที่ใจดีที่สุดในโลก . เพราะนอกจากจะไม่คิดดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ยังไม่เคยอนาทรร้อนใจเลยว่า ลูกหนี้จะชำระหนี้คืนให้หรือไม่ มิหนำซ้ำเมื่อบุตรออกจากเรือนไปแล้ว ยังแถมมรดกของตน (ถ้ามี) ให้ไปทำทุนอีกด้วย . เป็นนายทุนที่ไม่หน้าเลือด แต่มีเมตตาธรรมอย่างสูงที่บุตรจะพึงหาได้ในโลกนี้ ก็มีเฉพาะบุพการีของตนเท่านั้น . นี่คือ พระคุณอันยิ่งใหญ่ของมารดาและบิดาที่มีต่อบุตรประการหนึ่ง . จากหนังสือคัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ หน้า ๑๑๔-๑๑๕ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือคัมภีร์ปฏิรูปมนุษย์ หน้า ๑๑๔-๑๑๕

✍️”ไม่มีสิ่งใด ให้กำลังใจได้เร็วเท่าคำพูด”

✍️”ไม่มีสิ่งใด ให้กำลังใจได้เร็วเท่าคำพูด” . ผู้หลักผู้ใหญ่ได้ให้ข้อคิดไว้เตือนสติว่า “อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำวาจา” . การพูดจาแม้พูดดีๆ แต่ขาดการระมัดระวัง บางทีก็อาจทำให้เกิดเข้าใจผิดกันได้ ยิ่งถ้าพูดไม่เพราะแล้ว ย่อมจะเกิดการกระทบกระทั่งกันได้ง่าย . ถ้าไม่ระวังคำพูด คนที่เคยเป็นมิตรกันก็อาจกลายเป็นศัตรูกันไปได้ แล้วความเดือดร้อนเบียดเบียนกันจะตามมา . จึงพึงระลึกไว้เสมอว่า “ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้คนเราเกิดกำลังใจได้เร็วเท่ากับคำพูด ในทางกลับกันก็ไม่มีสิ่งใดที่บั่นทอนกำลังใจคนได้ฉับพลันเท่ากับคำพูด” . เพราะเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสเตือนว่า “พึงเปล่งวาจางามเท่านั้น ไม่พึงเปล่งวาจาชั่วเลย การเปล่งวาจางามยังประโยชน์ให้สำเร็จ คนเปล่งวาจาชั่วย่อมเดือดร้อน” . จากหนังสือ สิงคาลกสูตร(เผด็จ ทตฺตชีโว) หน้า ๑๐๓ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือ สิงคาลกสูตร(เผด็จ ทตฺตชีโว) หน้า ๑๐๓

✍️”ต้องพัฒนาความรู้ไปพร้อม ๆ กับพัฒนาศีลธรรม”

✍️”ต้องพัฒนาความรู้ไปพร้อม ๆ กับพัฒนาศีลธรรม” . คนที่มีความรู้ทางโลกแต่ไม่มีศีลธรรมประจำใจนั้น เปรียบเสมือนระเบิดที่ไม่มีสลักนิรภัย พร้อมที่จะระเบิดได้ทุกวินาทีโดยไม่มีใครควบคุมได้ . การพัฒนาคนให้มีแต่ความรู้ทางโลก แต่ขาดความรู้ทางธรรม จิตใจของเขาจะถูกบีบคั้นให้แสดงพฤติกรรมชั่ว ๆ ออกมาได้ร้ายแรง . เพราะฉะนั้นการพัฒนาคน ต้องพัฒนาให้เกิดความรู้ทั้งทางโลกพร้อม ๆ กับพัฒนาจิตใจให้มีศีลธรรมอันดีงาม เพื่อให้เกิดความพร้อมในการพัฒนาสังคมต่อไป . จากหนังสือ สิงคาลกสูตร(เผด็จ ทตฺตชีโว) หน้า ๗๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือ สิงคาลกสูตร(เผด็จ ทตฺตชีโว) หน้า ๗๐

✍️”พาทำบุญให้คุ้นแต่เด็ก”

✍️”พาทำบุญให้คุ้นแต่เด็ก” . ในการทำบุญวันเกิด หรือเวลาไปเข้าวัดทำบุญในวาระโอกาสต่างๆ นอกจากจะพาพ่อแม่ไปทำบุญด้วยแล้ว ถ้าเรามีลูกมีหลานอยู่แล้ว ให้พาเขาไปด้วย จะตัวเล็กตัวโต ก็ให้พาไปทำบุญกับแม่กับพ่อด้วย . เพราะลูกหลานของเราก็จะได้สั่งสมบุญตั้งแต่เล็กไปเลย แล้วลูกประเภทนี้ เมื่อเขาคุ้นอยู่กับการสร้างบุญตั้งแต่เล็ก โตขึ้นเขาก็จะเป็นเช่นเดียวกับพวกเรานี้แหละ คือ จะขยันสร้างบุญ . ก็เป็นหลักประกันว่าตลอดชาตินี้ ถ้าเขายังทำตัวอย่างนี้อยู่ เขาจะไม่มีวันตกต่ำ เพราะว่าเขาได้สร้างบุญ เรานำเขาสร้างบุญมาตั้งแต่เล็กแล้ว . สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนรุ่นก่อนโน้นจะถ่ายทอดความรู้ความสัมพันธ์อย่างนี้ให้กับลูกหลานตัวเอง . 19 มกราคม 2561 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา