krirk

✍️เราเป็นคนใจใหญ่หรือเป็นคนไม่รู้จักประมาณตน

✍️เราเป็นคนใจใหญ่หรือเป็นคนไม่รู้จักประมาณตน❓” . คนใจใหญ่ คือ คนที่รู้ว่าตนเองมีความสามารถขนาดไหนก็ทำเต็มที่เต็มความสามารถของตัวเอง ทำโดยไม่ออมกำลัง เมื่อทำไปแล้ว ผลประโยชน์นั้นเกิดแก่ตัวเองก็ยินดี คนอื่นพลอยได้ประโยชน์ด้วยก็เต็มใจ . ส่วนคนที่ไม่รู้จักประมาณตน คือ คนไม่รู้จักว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน แล้วอุตริไปทำงานใหญ่ๆ ทั้งที่ความจริงมีความสามารถอยู่แค่หยิบมือเดียว ผลที่สุดก็เลยทำไม่สำเร็จ อย่างนี้เรียกว่า ไม่รู้จักประมาณตน . เรามาเป็นคนใจใหญ่เหมือนภูเขา ใจกว้างเหมือนมหาสมุทรกันดีกว่า เพื่อว่าจะได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ ทำคุณประโยชน์ให้แก่มนุษยชาติอย่างเต็มที่ เราลงมือทำทั้งทีทำอะไรก็ขอให้ทำเต็มกำลัง ไม่ใช่ออมกำลัง . เรื่องคนใจใหญ่ หมวดการครองตน จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา

✍️”หากเหงื่อตกใน จะกลายเป็นน้ำตา”

✍️”หากเหงื่อตกใน จะกลายเป็นน้ำตา” . อดีตอธิบดีกรมศาสนา พันเอก ปิ่น มุทุกันต์ เคยกล่าวไว้ว่า . “เกิดเป็นคนแล้ว ต้องรู้ธรรมชาติของคนว่า ปกติคนเราเหงื่อต้องออก ถ้าใครเหงื่อไม่ออก คือ คนขี้เกียจ ไม่ยอมทำงาน เป็นคนดูดาย จะทำอะไรก็กลัวเหนื่อยไปเสียหมด คนประเภทนี้เหงื่อจะตกใน เมื่อเหงื่อตกในมากเข้าก็จะทะลักออกมา แต่ไม่ได้ทะลักออกมาเป็นเหงื่อ จะออกเป็นน้ำตา คือไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เลยในชีวิต” . ดังนั้น หากทำงานอะไรแล้ว รู้สึกว่าจะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ นับว่าถูกต้องแล้ว ใครจะอยู่เฉยไม่ทำงานก็ช่างเขา เพราะธรรมชาติของคนเราเหงื่อต้องออก ต้องอดทนต่อความยากลำบากตรากตรำ มิฉะนั้น เหงื่อจะตกใน กลายเป็นน้ำตาไป . หน้า ๑๒๒ หนังสือตำรับยอดเลขา(เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หน้า ๑๒๒ หนังสือตำรับยอดเลขา(เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️”ความชั่วให้รีบละ ความดีอย่ายั้งมือ”

✍️”ความชั่วให้รีบละ ความดีอย่ายั้งมือ” . คนเรานั้นอายุสั้น จะตายวันตายพรุ่ง ตายเมื่อไรไม่มีใครรู้ล่วงหน้า เพราะฉะนั้น รู้ว่าอะไรเป็นความชั่วก็รีบละ รีบเว้นเสีย ส่วนอะไรที่เป็นความดี ก็รีบๆ ทำเข้า อย่าไปยั้งมือ ทำให้เต็มที่ทำให้สุดกำลัง แล้วให้คิดพึ่งตัวเอง อย่าคิดไปพึ่งใคร เพราะใครๆ ก็ไม่แน่นอน ทำความดีให้เต็มที่เอาไว้เป็นที่พึ่งให้กับตัวเองดีกว่า . เรื่องมองโลก หมวดการครองตน จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา(เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา(เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️”เย็นเขาเย็นเรานั้นดีแน่”

✍️”เย็นเขาเย็นเรานั้นดีแน่” . ถ้าทำสิ่งใดแล้ว ร้อนเขา ร้อนเรา ก็อย่าทำ ร้อนเขาเย็นเรา ก็อย่าทำ หรือเย็นเขาร้อนเราก็อย่าทำ สิ่งเหล่านี้เป็นความชั่วทั้งนั้น แต่ว่าถ้าทำแล้วเย็นทั้งเขาเย็นทั้งเรา จงทำเถิดเพราะเป็นความดี . หน้า๑๓ หนังสือแม่บทการตัดสินใจ(เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หน้า๑๓ หนังสือแม่บทการตัดสินใจ(เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️”มากรักก็มากน้ำตา”

✍️”มากรักก็มากน้ำตา” . ความรักโดยเฉพาะความรักระหว่างหญิงชาย คือต้นเหตุแห่งความทุกข์ที่แฝงมาในรูปของความสุข เหมือนยาพิษที่ถูกเคลือบไว้ด้วยน้ำตาล . เพราะเมื่อความรักเกิดขึ้นในบุคคลใดแล้ว ก็ทำให้เกิดความกังวลห่วงใย เกิดความหวงแหนในคนรัก กลัวไปว่าเขาจะเป็นอื่น คือยิ่งรักก็ยิ่งห่วง ยิ่งห่วงก็ยิ่งหวง ยิ่งหวงก็ยิ่งหึง เมื่อยิ่งหึงก็ยิ่งทุกข์ . ใครมีรักหนึ่ง อย่างน้อยก็ทุกข์หนึ่ง มีรักเป็นร้อยก็ทุกข์เป็นร้อย พูดง่ายๆ มากรัก ก็มากน้ำตา . เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่มีรัก ก็ไม่ต้องเสียน้ำตาและจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด . เรื่องรักอีกแล้ว หมวดการครองตน จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา(เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา(เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️”อยู่ที่ไหนอย่านิ่งดูดาย”

✍️”อยู่ที่ไหนอย่านิ่งดูดาย” . การอยู่บ้านหรืออยู่วัดก็ดี มี ๒ ลักษณะคือ ๑.อยู่แบบผู้อาศัย ๒.อยู่แบบเจ้าของ . ถ้าใครอยู่แบบผู้อาศัย เห็นอะไรสกปรกรกรุงรัง ก็จะคิดว่าช่างหัวมัน ไม่ดูไม่แล อยู่ไปวันหนี่งๆ รอเวลาจากไป ขณะที่ยังจากไปไม่ได้ก็ขอซุกหัวนอนไปพลางๆ ก่อน เมื่อไรมีโอกาส ก็จะรีบถีบจากไป การที่จะทำอะไรให้ดีขึ้นเป็นอันไม่ต้องหวัง . ถ้าวัดไหน บ้านไหน ที่ทำงานไหน มีบุคคลประเภทผู้อาศัยอย่างนี้อยู่เป็นจำนวนมาก วัดนั้น บ้านนั้น ที่ทำงานนั้น ก็มีแต่จะเสื่อมลง รอวันที่จะล่มสลาย . แต่ถ้าวัดใด บ้านใด ที่ทำงานใด มีบุคคลประเภทเป็นเจ้าของเข้ามาอยู่ มาช่วยกันดูแลบำรุงรักษาให้สะอาด ช่วยกันพัฒนาก็ย่อมเป็นความเจริญก้าวหน้าของสถานที่นั้นๆ . จากหนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่มที่ ๓ หน้า ๔ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่มที่ ๓ หน้า ๔

✍️”ทำในสิ่งที่ไม่ต้องร้อนใจในภายหลัง”

✍️”ทำในสิ่งที่ไม่ต้องร้อนใจในภายหลัง” . “ถ้าทำสิ่งใดแล้วไม่ต้องร้อนใจในภายหลัง จงทำเถิด เพราะเป็นความดี” . “ถ้าทำสิ่งใดแล้วต้องร้อนใจในภายหลัง จงอย่าทำ เพราะเป็นความชั่ว” . ถ้าทำแล้วไม่ต้องร้อนใจ ไม่ต้องเดือดร้อนไปขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ต้องลำบากตรากตรำเสียผู้เสียคน ไม่ต้องไปตกนรกหมกไหม้ ทำเถอะทำเข้าไป . หน้า๑๕ จากหนังสือแม่บทการตัดสินใจ(เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือแม่บทการตัดสินใจ(เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️”เห็นอะไรดีๆ จำมาปรับใช้”

✍️”เห็นอะไรดีๆ จำมาปรับใช้” . “ลักจำ” คือ เห็นใครเขาเทศน์ดีๆ แบ่งเนื้อหาเป็นวรรคเป็นตอนถูกจังหวะ ยกเหตุยกผลอุปมาอุปไมยอย่างนั้นอย่างนี้ ฟังแล้วทำให้เกิดความซาบซึ้งใจ ก็จำเอามาทดลองทำดูบ้าง . แต่ขอให้รู้ไว้อย่างหนึ่ง คำพูดบางคำ ท่าทางบางอย่างที่คนหนึ่งทำแล้วดูดี แต่บางทีก็ไม่เหมาะกับบุคลิกของเรา ก็ต้องโยนทิ้งไป อันไหนใช้ได้ก็เอามาปรับใช้ตามความเหมาะสม ทั้งหมั่นสังเกตและฝึกฝนอบรมอย่างสม่ำเสมอ . หน้า ๑๘ หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่มที่ ๓ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หน้า ๑๘ หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่มที่ ๓

clip ความสำคัญของการถวายภัตตาหาร

ข้าวปลาอาหารที่ถวายแต่ละครั้ง มันคือชีวิตพระ มันคือเรี่ยวแรงของพระ ที่จะไปศึกษาธรรมะให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”เวลาเตือนกัน ต้องดูเวลาและอารมณ์”

✍️”เวลาเตือนกัน ต้องดูเวลาและอารมณ์” . โดยธรรมชาติแล้ว คนเราไม่ชอบให้ใครมาตักเตือน เพราะฉะนั้นเวลาจะเตือนกันต้องดูเวลาและอารมณ์กันด้วยนะ ก่อนจะเตือนกัน ดูคนที่เราจะเตือนด้วยว่า เขามีความพร้อมที่จะรับคำแนะนำตักเตือนจากเราไหม ไม่งั้นเดี๋ยวเกิดเรื่องไม่พอใจกัน . เพราะว่าเตือนคนตอนหิวอย่างหนึ่งเดี๋ยวได้ทะเลาะกันแน่ เตือนคนตอนง่วงเดี๋ยวได้ทะเลาะกันแน่ เตือนคนตอนกำลังป่วยเจ็บไข้อารมณ์ไม่ดีเดี๋ยวได้กระทบกระทั่งกัน . และนอกจากดูเวลาและอารมณ์ดูแล้ว แม้แต่น้ำเสียงของเราที่จะใช้เตือนก็วางให้ดีนะ ถ้าไปเผลอใช้เสียงหนักๆ กลายเป็นอบรมสั่งสอนกัน เดี๋ยวก็จะทะเลาะกันได้ . แล้วถ้าใช้น้ำเสียงหย่อนไป ก็กลายเป็นเรื่องล้อเล่นไป หรือว่าอาจจะทำให้ผู้ถูกเตือนเกิดเป็นความรู้สึกว่าจับผิดกันหรือเปล่า นี่ก็เป็นไปได้ จึงต้องใช้น้ำเสียงให้ดีในการเตือนกันด้วยนะ . นอกจากนั้นเวลาเห็นใครทำอะไร เราดูแล้วคิดว่ามันผิด แต่พอลองถามเหตุผลเขาดูแล้ว ปรากฎว่าเขาทำถูกแล้ว ก่อนจะเตือนอะไรกันจึงต้องถามหาเหตุหาผลให้ดีด้วย ไม่งั้นเตือนกันผิดแล้วจะกระทบกระทั่งกันได้เหมือนกัน . โอวาทวันออกพรรษา มหาปวารณา 13 ตุลาคม 2562 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

“เพราะรักจึงเตือน”

“เพราะรักจึงเตือน”✍️ . เวลามีใครมาตักเตือนเรา ไม่ว่าเขาจะเตือนผิดหรือเตือนถูกก็ตาม หรือแม้เราไม่ผิดแต่เขาเข้าใจเราผิดแล้วมาเตือน ก็ขอให้เรามองลึกเข้าไปในใจของผู้เตือนว่า “ถ้าไม่รัก เขาคงไม่เตือน เพราะรัก เขาจึงเตือน” . จะเตือนเราผิดหรือเตือนเราถูก ก็ขอให้มองทะลุเข้าไปในใจว่าท่านที่เตือนนี้รักเรา เพราะฉะนั้นสิ่งแรกให้เราขอบคุณเขาก่อน แล้วจากนั้นค่อยอธิบายถึงเหตุผลที่เราทำ . เพราะถ้าเราพูดไม่ดีสวนกลับไปแล้ว ต่อไปในภายหน้าคนอื่นจะไม่กล้าเตือนเรา แม้เป็นเรื่องอันตรายคอขาดบาดตายก็ไม่กล้าเตือนเรา นี่ต้องระวังให้ดี . และถึงแม้เราอธิบายเหตุผลดีแล้วแต่เขายังไม่เข้าใจ ก็ต้องรักษาอารมณ์ให้ดี ให้ยิ้มๆ แล้ววันหลังมีโอกาสเหมาะสมค่อยอธิบาย . โอวาทวันออกพรรษา มหาปวารณา 13 ตุลาคม 2562 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”อย่าเตือนสวนกัน”

✍️”อย่าเตือนสวนกัน” . เวลาที่มีเพื่อนมาเตือนเรา แล้วเราก็นึกได้ว่ามีเรื่องอยากจะเตือนเพื่อนด้วยเหมือนกัน . ก็ขอฝากไว้ว่า เมื่อเพื่อนมาเตือนแล้ว เราอย่าเตือนสวนเพื่อนกลับไป เพราะจะทำให้เพื่อนคิดว่าเราเอาคืนหรือหาเรื่องกลับได้ . ให้เราเว้นจังหวะในการเตือนเพื่อนกลับ อย่างน้อยเว้นไว้สักหนึ่งหรือสองคืนก่อนก็ได้ หรือถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนก็เว้นไว้สักครึ่งชั่วโมงก็ยังดี แล้วค่อยเตือน . โอวาทวันออกพรรษา มหาปวารณา 13 ตุลาคม 2562 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”ดี – ชั่วตัดสินอย่างไร

✍️”ดี – ชั่วตัดสินอย่างไร❓” . ดี – ชั่วตัดสินด้วยอุปกรณ์วัด ด้วยเครื่องชั่ง เครื่องอะไรก็วัดไม่ได้ แล้วตัดสินอย่างไร ? . พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงตรัสไว้ว่า “ ทำกรรมอันใดแล้ว ไม่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง กรรมนั้นเป็นกรรมดี ส่วนการทำอะไรแล้วต้องเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง กรรมนั้นเป็นกรรมชั่ว” . เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรจึงต้องคิดให้ดีว่า สิ่งใดเรื่องอะไรจะตามมาในภายหลังหรือไม่ หรืออย่างน้อยก็ขอให้คิดพิจารณาถึง ๔ เรื่องนี้คือ . ๑.อะไรที่จะตามมาส่งผลดีหรือผลเสียต่อสุขภาพของตัวเองหรือของส่วนรวม . ๒.อะไรที่จะตามมาจะกระทบต่อคนรอบข้าง สังคม หรือผิดกฎหมายหรือไม่ . ๓.อะไรที่จะตามมาจะกระทบต่อเศรษฐกิจ เสียเงินเสียทองหรือไม่ . ๔.อะไรที่จะตามมามันเพิ่มพูนกิเลสหรือว่าลดกิเลส สร้างนิสัยดีหรือว่านิสัยเสียให้กับเราหรือกับคนส่วนรวม . อย่างน้อยจะทำอะไรก็ขอให้พิจารณาถึง ๔ เรื่องนี้ให้ดี . โอวาทวันออกพรรษา มหาปวารณา 13 ตุลาคม 2562 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”คนมีสัจจะ ทำอะไรทำให้ดีที่สุด”

✍️”คนมีสัจจะ ทำอะไรทำให้ดีที่สุด” . คนที่มีสัจจะนั้น เขาจะมีหลักง่ายๆ ประจำใจอยู่เสมอว่า “ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด เท่าที่ฝีมือตัวเองมีอยู่” . แต่แม้กระนั้นก็อย่าลืมว่า ถ้าหากเราไม่ปรับปรุงพัฒนาฝีมืออยู่ตลอดเวลาแล้ว ดีที่สุดของเราในวันนี้ เมื่อเทียบกับเพื่อนฝูงที่เขาปรับปรุงตัวเองเสมอ อาจกลายเป็นแย่ที่สุดของเขาในวันหน้าก็ได้ . หน้า ๓๕ หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่ม ๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หน้า ๓๕ หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่ม ๒

✍️”คนโกหก ทำชั่วได้ทุกอย่าง”

✍️”คนโกหก ทำชั่วได้ทุกอย่าง” . สัจจะ คือ ความจริงจังจริงใจ ความตรงไปตรงมา ความไม่กลับกลอก ไม่คดในข้องอในกระดูก แสดงความเป็นธาตุแท้ของคนและเป็นแกนหลักแห่งคุณธรรมทั้งหลาย . คนไหนเสียสัจจะก็หมดคน เพราะแกนหลักแห่งคุณธรรมซึ่งเป็นแก่นหลักของใจมันหักเสียแล้ว . พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ไม่มีความชั่วอะไรในโลกนี้ ที่คนโกหกทั้งๆ ที่รู้ จะทำไม่ได้” พูดง่ายๆ คนไหนที่ยังโกหกทั้งๆ ที่รู้ คนๆ นั้นหมดดี เป็นคนเลวแท้ๆ เลย แก่นแห่งคุณธรรมหักสะบั้นหมดแล้ว . หน้า ๖๒ หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่ม ๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หน้า ๖๒ หนังสือแด่นักสร้างบารมีเล่ม ๒