หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง

คำถาม: หลวงพ่อครับ ในพระพุทธศาสนา เราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้างครับ? คำตอบ: วิธีทำบุญในพระพุทธศาสนาโดยย่อมี 3 วิธี ด้วยกัน คือ         1. ให้ทาน ได้แก่ แบ่งปันทรัพย์สิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลที่สมควรได้รับทานนั้น โดยไม่ถึงกับทำให้ตนเองเดือดร้อน ซึงโดยทั่วไปแล้วชาวพุทธ นิยมทำบุญด้วยการให้ทานกับพระภิกษุบ้าง ผู้มีศีลบ้าง เป็นประจำสม่ำเสมอ         2. รักษาศีล คือการสำรวมกาย วาจา ไม่ให้ทำความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ซึ่งอย่างน้อยต้องรักษาศีล 5 เป็นประจำทุกวัน หากมีโอกาสในวันโกน วันพระ หรือวันหยุดงานประจำสัปดาห์ ชาวพุทธนิยมรักษาศีล 8 เพื่อให้ได้บุญเพิ่มเป็นพิเศษขึ้นมาอีก บางท่านอาจจะปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจการงานที่ทำอยู่ โดยรักษาศีล 8 เป็นประจำ ในวันใดวันหนึ่ง ทุกๆ 7 วัน         3. เจริญภาวนา ได้แก่ การทำบุญด้วยการฝึกใจให้ผ่องใสเป็นสมาธิ(Meditation) ด้วยการศึกษาธรรมะและสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อทำใจให้สงบผ่องแผ้ว ปลอดโปร่งแจ่มใส เป็นประจำทุกคืนๆ ก่อนนอน อย่างน้อยคืนละ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง …

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง Read More »

ทำบุญแบบไหนถึงจะได้เฝ้าและฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต

คำถาม: ทำบุญแบบไหนถึงจะได้ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต และได้ฟังธรรมด้วยกันครับ? คำตอบ: ถ้าอยากจะพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละก็ ต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ได้ครบทั้ง ๓ อย่าง ทุกเช้าพอตักบาตรทำทานแล้วนั่งสมาธิ ให้มากๆ  ต่อไปศีลจะอยู่คู่ตัวได้เองโดยอัติโนมัติ พอศีลมั่นคง ปัญญาจะแตกฉาน จนเข้าใจเรื่องโลกและชีวิตได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งพอถึงจุดนี้จะคิดได้เองว่าควรทำบุญแบบไหนถึงจะได้บุญมากๆ         อีกอย่างขอแนะนำให้แบ่งเวลาอ่านพระไตรปิฎกด้วย แล้วคุณจะรู้เองว่าในอดีตคนที่เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ติดสอยห้อยตามฟังธรรมของพระพุทธองค์นั้น  ชาติก่อนเขาทำบุญมาอย่างไร         สำหรับคุณถ้าจะให้เร็วขึ้น หลวงพ่อขอแนะนำว่าถ้าไม่ติดขัดอะไร พรุ่งนี้ก็บวชเสีย  แล้วก็อธิษฐานตรงดิ่งไปเลยว่า ขอเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เหมือนที่พระสารีบุตรท่านทำบุญแล้วอธิษฐานขอเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวานั่นแหละ         สำหรับรายละเอียดเป็นอย่างไรคงต้องให้มาฟังที่วัด จะได้มีโอกาสเกิดไปใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้า และได้ฟังธรรมกันเต็มอิ่มเชียวละ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก

คำถาม: เรามีหลักการทำทานอย่างไร จึงจะได้บุญมากครับ? คำตอบ: การให้ทานที่จะได้บุญมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ก่อนอื่นจะต้องทำให้ทานนั้นครบองค์ ประกอบ 4 ประการดังนี้ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ ได้แก่ สิ่งที่จะให้ทานต้องเป็นของที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง ไม่ได้คดโกงใครเขา         2. เจตนาบริสุทธิ์ ได้แก่ มีความตั้งใจที่จะให้ทาน เพื่อกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ฆ่าความโลภให้สิ้นไป ไม่ได้หวังลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเครื่องตอบแทน แต่มีความตั้งใจที่จะเสียสละ ให้เกิดเป็นบุญกุศลจริงๆ และการหวังได้บุญ ไม่ใช่เป็นความโลภนะ ขอให้พิจารณาแยกแยะกันให้ดี         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือ ตัวผู้ให้ทานเองต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนให้ก็มีจิตใจผ่องใส ชื่นบาน เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใสอยู่ หลังจากให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่นึกเสียดายเลย         4. ผู้รับบริสุทธิ์ เช่น ถ้าเป็นพระภิกษุ ก็เป็นพระภิกษุที่หมดกิเลส หรือเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ได้บุญมากเป็นพิเศษ และได้บุญทันตาเห็น คือได้รับผลของทานคือบุญในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า …

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก Read More »

การกรวดน้ำหลังทำบุญใส่บาตร ลืมแล้วกรวดน้ำทีหลัง ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่?

คำถาม: ทราบว่าเวลาใส่บาตรแล้วควรกรวดน้ำ แต่ถ้าลืมกรวดน้ำในเช้าวันนั้น  มากรวดใหม่ในตอนกลางคืน ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ได้รับบ้าง แต่ไม่เหมือนกับตอนที่ใส่บาตรใหม่ๆ นะเหมือนตีเหล็กให้ได้รูป ถ้าจะให้ดีต้องตีตอนเหล็กร้อนจัดสีแดงๆ เหมือนเปลวไฟ ถ้าปล่อยให้เหล็กเย็นแล้วจึงตี บางทีดัดให้เข้ารูปไม่ได้เลย ถึงพอจะได้บ้างก็ต้องออกแรงตีจนเจ็บมือ การกรวดน้ำควรจะทำทันทีในขณะที่ใจยังปีติอยู่ในบุญในทานที่ได้กระทำแล้ว ผลของทานจะได้ถึงผู้รับอย่างรวดเร็วและเต็มเม็ดเต็มหน่วย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

การเลือกพระใส่บาตรเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดอย่างไร

คำถาม: การใส่บาตร ถ้ามีความคิดว่าใส่ให้กับพระองค์ไหนก็เหมือนกัน เพราะถือว่าผ้าเหลืองเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ความคิดนี้ผิดถูกอย่างไรครับ? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ไม่ผิด ตามสะดวก แต่ว่าถ้าอยากจะได้ผลเป็นบุญมากๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ทานที่มีผลเป็นบุญต้องประกอบด้วยเหตุ 4 ประการ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ คือไม่ได้ไปโกงใครมา เป็นของที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง         2. เจตนาบริสุทธิ์ คือตั้งใจให้ทานเพื่อเป็นบุญเป็นกุศล การให้ของคนเราต่างกัน เช่น บางคนไปรักสาวคนไหนก็ซื้อแหวนให้ นั่นเป็นการให้ที่มีเจตนาไม่เป็นบุญเป็นกุศล แต่เจตนาให้เขารัก หรือไปรักสาวคนไหน ก็ซื้อของขวัญให้น้องสาวของสาวคนนั้น เป็นการติดสินบนให้เปิดทางให้อีกต่อหนึ่ง นั่นก็เป็นเจตนาที่ไม่เป็นบุญกุศล ถือว่าเป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่เพื่อบุญล้วนๆ         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ อย่างน้อยมีศีล 5 ถ้าหากตักบาตรไป เมาเหล้าไป บุญส่วนนี้ก็หย่อนไป         4. ผู้รับบริสุทธิ์ คือพระภิกษุรักษาศีลได้ครบถ้วน ไม่ด่างพร้อย มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ ยิ่งหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ด้วย เรายิ่งได้บุญมาก หรือแม้ที่สุดท่านยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ด้วย เรายิ่งได้บุญมาก หรือแม้ที่สุดท่านยังไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ อย่างน้อยท่านก็ตั้งใจประพฤติตนอยู่ในพระธรรมวินัย แค่นี้ก็ยังดีที่ไม่ใช่เป็นพระเกเร         หากผู้รับบริสุทธิ์มาก …

การเลือกพระใส่บาตรเป็นความคิดที่ถูกหรือผิดอย่างไร Read More »

ให้ตัวแทนเป็นคนกรวดน้ำ จะได้ผลเหมือนกับการที่เรากรวดน้ำด้วยตัวเองหรือไม่

คำถาม: การกรวดน้ำอุทิศแผ่ส่วนบุญ ในงานพิธีบุญที่มีสาธุชนมาก ถ้าหากจะให้ตัวแทนเป็นผู้กล่าวนำคำอุทิศ แล้วเรากล่าวตาม และให้ตัวแทนเป็นผู้กรวดน้ำแทนด้วย จะได้ผลเหมือนทำเองไหมครับ? คำตอบ: การกรวดน้ำในงานพิธีโดยทั่วไป กำหนดให้มีตัวแทนทำหน้าที่กรวดน้ำอยู่แล้ว และขณะกรวดน้ำก็ไม่จำเป็นจะต้องมีคำกล่าวอะไร เพราะว่าขณะที่กำลังกรวดน้ำนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่พระสงฆ์กำลังให้พร ถ้าเรากล่าวอะไรเสียงดังออกไป เท่ากับไปขัดจังหวะ ไปส่งเสียงแข่งกับพระภิกษุ         เพราะฉะนั้นใครๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวอะไรทั้งนั้น ใครทำหน้าที่กรวดน้ำ ก็หลั่งน้ำทันทีที่พระสงฆ์ผู้เป็นประธานกล่าวขึ้นต้นคาถาว่า ยถา วาริวหา ปูรา…และให้หยุดหลั่งน้ำ เมื่อพระภิกษุรูปที่สองรับขึ้นว่า สัพพีติโย…         คนอื่นนอกนั้นก็นึกน้อมอธิษฐานจิตนึกถึงบุญและแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปยังผู้ที่เราต้องการส่งบุญไปให้ ทำแค่นี้ก็เหมือนกับเราลงมือกรวดน้ำด้วยตนเองนั่นแหละ มันสำคัญอยู่ที่ใจนะลูกนะ         บทกรวดน้ำ ที่ขึ้นต้นว่า อิทังเม ญาตินัง โหตุฯ นั้นใช้ท่องตามลำพังของเรา หลังจากที่พระให้พรจบแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ในนิทานเรื่องดาวลูกไก่การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระจะได้บุญหรือบาปอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อคะ ถ้าเขาเจาะจงฆ่าสัตว์เอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระ อย่างนี้พระจะพลอยบาปด้วยไหมคะ ถ้ารู้ว่าโยมเจตนาฆ่าสัตว์เพื่อท่าน อย่างเรื่องดาวลูกไก่ ตากับยายอุตส่าห์ตั้งใจแกงไก่มาถวายพระ ส่วนแม่ไก่จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งลูกๆ ของมันด้วย ได้ไปเกิดเป็นดาว แสดงว่าไก่ได้บุญ แล้วตากับยายจะได้บุญบ้างไหมคะ? คำตอบ: คุณโยมเอ๊ย…ทำไมไปเอานิทานที่เขาเล่ากล่อมเด็กมาเป็นจริงเป็นจัง เอาเรื่องคนฆ่าสัตว์มาทำอาหารถวายพระในปัจจุบัน มาพิจารณากันก็ได้ หรือจะเอาตากับยายมาเป็นตัวละครก็ไม่ว่ากัน         คำถามนี้หลวงพ่อขอแยกเป็น 2 ข้อ คือเรื่องของคนทำอาหารข้อหนึ่ง กับเรื่องของพระที่ฉันอาหารของญาติโยมอีกข้อหนึ่ง         ข้อแรก ตากับยาย ที่ฆ่าไก่มาแกงถวายพระ ถามว่าแกได้บาปหรือได้บุญ ตอบว่าแกได้บาปตั้งแต่คิดจะฆ่าไก่แล้ว พอลงมือฆ่าด้วยตนเอง ยิ่งบาปใหญ่เลย และที่แน่ๆ ก่อนจะลงมือฆ่าแกมีบาปก้อนแรกค้างอยู่ในใจก่อนแล้ว คือบาปที่มีความหลงผิด คิดว่าฆ่าสัตว์ถวายให้พระฉันจะได้บุญ         ข้อสอง สำหรับพระภิกษุ ขอให้รับทราบไว้ด้วยว่าเนื้อสัตว์ที่มีผู้ทำอาหารถวายพระนั้น มีพระวินัยอยู่ว่า ถ้าเนื้อนั้น พระได้เห็นหรือได้ยิน ว่าเขาเฉพาะเจาะจงฆ่าสัตว์สำหรับท่านละก็ ท่านฉันไม่ได้นะ         แม้ที่สุดไม่เห็นการฆ่า ไม่ได้ยินตอนเขาฆ่า และไม่รู้เรื่องด้วยว่าเขาฆ่ามาเฉพาะเพื่อท่าน แต่สงสัยว่าเขาฆ่าเฉพาะเพื่อท่าน แม้อย่างนั้นในพระวินัย ก็กำหนดว่าฉันไม่ได้ เช่น สมมุติว่าพระธุดงค์เดินธุดงค์ไปในป่าเจอบ้านโยมหลังหนึ่งก็เข้าไปปักกลดอยู่ห่างๆ พอเช้าขึ้นมาโยมแกงไก่มาถวาย รู้โดยอัตโนมัติเลยว่าเขาฆ่าไก่มาเพื่อท่าน …

ในนิทานเรื่องดาวลูกไก่การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระจะได้บุญหรือบาปอย่างไร Read More »

เราเกิดมาทำไม

คำถาม: คนเราเกิดมาทำไมกันครับหลวงพ่อ คำตอบ:   ก่อนอื่นคุณควรเข้าใจให้ถูกในเรื่องโลกและชีวิต เสียก่อนว่า         ๑. คนเราตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วยังต้องเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน ตราบใดยังปราบกิเลสในตัวไม่หมด ก็ยังต้องเกิด         ๒. กรรมดีกรรมชั่ว ทำแล้วมีผลแน่นอน และจะส่งผลทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ไม่หายไปไหน         ๓. นรก สวรรค์มีอยู่จริง เมื่อทำความเข้าใจถูกต้องถึงจุดนี้แล้ว เรื่องแรกที่เราควรนึกถึงก็คือ  ทำอย่างไรจึงจะปิดนรกให้ตัวเองได้ หรือมีทางใดบ้างที่เมื่อตายไปแล้ว จะทำให้ไม่ตกนรกและมีแต่สุคติเป็นที่ไป         คุณถามว่าคนเราเกิดมาทำไม  ตอบแบบรวบรัดว่าคนเราเกิดมาเพื่อพัฒนาตนเอง เพื่อยกระดับจิตใจของตนให้สูงขึ้น และเพื่อสั่งสมบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับ  เมื่อบุญบารมีเต็มส่วนแล้วก็จะสามารถปราบกิเลสในตัวได้หมด พ้นจากทุกข์อย่างถาวร เข้านิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด เป้าหมายสุดท้ายของมนุษย์ทุกคนเป็นอย่างนี้ แต่คนเราโดยมากนักจะไม่ค่อยรู้กัน         คุณเองก็เช่นกัน  ในขณะนี้คุณยังไม่ได้บวช  ยังต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ ดูแลครอบครัวอยู่  จึงจำเป็นจะต้องมีแนวทาง หรือหลักในการดำรงชีวิตอยู่ในโลก ซึ่งมีอยู่ ๔ ประการ ดังนี้         ๑. มีสัจจะ  คือ  ต้องเป็นคนจริง คนตรง ซื่อสัตย์ คนส่วนมากในสังคมปัจจุบันมีนิสัยชอบโกหก  …

เราเกิดมาทำไม Read More »

ทำไมพระเวสสันดรให้บุตรธิดาเป็นทานแก่ชูชก

คำถาม: กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าพระเวสสันดรให้บุตร-ธิดา เป็นทานแก่ชูชก แล้วบุตร-ธิดาก็ได้รับความลำบาก การให้ทานแบบนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องไหม ผมควรจะตอบคนที่ถามมาอย่างไรครับ? คำตอบ:  เรื่องที่พระเวสสันดรให้พระโอรส พระธิดาเป็นทานไปนั้น หลวงพ่ออยากจะให้ข้อคิดว่า เวลาเรามองการกระทำของใคร ขอให้มองให้ถึงฐานะของคนคนนั้นด้วย อย่าเอาฐานะของเราเข้าไปเปรียบไปเทียบ          ตัวอย่างเช่น ทหารที่ออกไปรบ เขาทิ้งลูกทิ้งเมีย ทิ้งพ่อทิ้งแม่ไป บางครั้งทำให้คนที่อยู่ข้างหลังเหล่านั้น ต้องได้รับความลำบาก         ถามว่า ทหารเขาไม่ห่วงครอบครัวหรือ? ตอบว่า ความจริงเขาก็ห่วง แต่ตัดใจไป เพราะเห็นว่าประเทศชาติสำคัญกว่า ถ้าประเทศชาติเป็นอะไรไป อย่าว่าแต่ลูกแต่เมียเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เขาไม่รักลูกเมีย แต่เพราะว่าเขามีความจำเป็น เขามีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่จะต้องปกป้องผืนแผ่นดินไทย เขาจึงต้องออกรบ         ใครที่ทราบก็สรรเสริญว่าเขาทำถูก เขาทำตามหน้าที่ของชายชาติทหาร ไม่มีใครด่าทหารประเภทนี้สักคน ทุกคนยอมรับและสรรเสริญว่าเขาเป็นคนดี         ถ้าใครด่าทหาร ประเภทที่ยอมสละลูกสละเมียไปรบว่าเป็นคนเลว คนๆ นั้นก็จะถูกตำหนิ จริงอยู่ในฐานะเป็นผัวเป็นเมียกัน หรือ เป็นพ่อเป็นลูกกัน ถ้าเอาแค่ฐานะนี้มาพิจารณาละก็ คนที่ทิ้งลูกทิ้งเมียออกไปรบ ก็จะถูกตำหนิว่าผิด เพราะมีหน้าที่จะต้องดูแลครอบครัว ใครไม่ดูแลนี่ถือว่าผิด แต่คิดให้กว้างออกไปว่านอกจากเขาจะเป็นคนมีลูกมีเมีย มีหน้าที่ดูแลครอบครัวแล้ว เขายังเป็นทหาร …

ทำไมพระเวสสันดรให้บุตรธิดาเป็นทานแก่ชูชก Read More »

เอาเงินทำบุญไปใช้ก่อน หรือลืมทำบุญให้ แล้วเอาไปทำให้ภายหลัง จะบาปหรือไม่

คำถาม: ถ้าเราฝากปัจจัยคือเงินมาทำบุญ โดยเน้นให้ทำในวันนั้น วันนี้ หรือให้ทำอาทิตย์นี้ แต่ผู้ที่เราฝากมาเขาเอาเงินไปใช้ก่อนหรือลืมทำให้ พอนึกได้ก็เอาไปทำ แต่ช้ากว่าวันที่ระบุให้ทำ เช่น ไปทำเดือนหน้า ผู้รับฝากจะบาปหรือไม่ครับ? คำตอบ:  เรื่องนี้ไม่บาป แต่ก็ไม่ดีนัก เหมือนอย่างกับเขาฝากให้เราเอาข้าวเปลือกไปหว่านในนา เราแบกมาแล้ว แต่เอาไปตั้งทิ้งไว้อีกเดือน จึงค่อยไปหว่าน ปรากฏว่าช่วงนั้นหมดฝนแล้ว ข้าวเปลือกที่หว่านลงไป อาจจะงอกเพราะดินยังชื้นอยู่นิดหน่อย แต่ว่าไม่นานก็เหี่ยวเฉาตาย ทำให้เสียประโยชน์ที่ควรจะได้ไป         ปัจจัยที่เขาฝากมาทำบุญก็เช่นกัน ถ้าไปตกค้าง หลงลืมอยู่ที่ใคร จนเลยเวลาที่เขาสั่งไว้ ปัจจัยนั้นอาจจะหมดประโยชน์ เพราะฉะนั้นรับปากใครเขามาแล้ว ก็ต้องทำตามที่รับปากให้ได้         โดยเฉพาะเรื่องการทำบุญทำกุศล เพราะเป็นบุญแก่ทั้งเจ้าของเงินและแก่เราผู้ช่วยทำให้เขาด้วย เป็นการอนุเคราะห์ให้เขาได้ทำบุญโดยสะดวก อย่าเพิกเฉย ผัดวันประกันพรุ่งอยู่ เพราะใครรับประกันได้ว่าเงินทองนั้นจะไม่สูญหาย เราจะไม่หลงลืม หรือเขาอาจเคราะห์ร้ายมีอันล้มตายไป ไม่ทันเอาปัจจัยที่เขาฝากไปทำบุญให้ ซึ่งก็จะเป็นบาปติดตัว เป็นหนี้เขาข้ามภพข้ามชาติโดยไม่สมควรนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

คนที่ชอบอนุโมทนาบุญกับคนที่ชอบอนุโมทนาบาปจะมีผลต่างกันอย่างไร

คำถาม: คนที่ชอบอนุโมทนาบุญ กับคนที่ชอบบาป จะมีผลต่างกันอย่างไรคะ? คำตอบ: ต่างกันมาก สมมุตินาย ก. มีลักษณะนิสัยชอบอนุโมทนาบุญ เวลาเห็นคนเขาทำความดี แกชอบเข้าไปพูดแสดงความชื่นชม ไปอนุโมทนาบุญด้วย เห็นคนกำลังตักบาตร แกก็ว่า “สาธุ…ดีแล้ว ขออนุโมทนาบุญด้วย”         พอรู้ว่าใครเขารักษาศีล ก็รีบเข้าไปให้กำลังใจ เห็นคนไปวัด ไปฟังเทศน์ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไปหา “ดีจังเลย ว่างๆ ฉันจะไปด้วย” นาย ก. มีนิสัยอย่างนี้ชอบทำอย่างนี้เป็นปกติ         ส่วนนาย ข. ไม่เป็นอย่างนั้น เวลาเห็นใครทำความดี แกทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำเฉยเสีย แต่พอเห็นใครทำบาป แกกลับไปแสดงอาการชื่นชม         “แหม..อย่างนี้ซิถึงจะสะใจ ใจถึงดีเหลือเกินลูกพี่” นี่คือการอนุโมทนาบาป นาย ค. กลับเป็นอีกอย่าง เวลาเห็นใครทำบุญ ก็ไม่ว่าอะไร “เอ็งจะทำก็ทำ ข้าไม่เกี่ยว ข้าเฉยๆ” พอเห็นใครทำบาป “เอ็งจะทำก็ทำ ข้าไม่เกี่ยว” วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่นอนกลิ้ง …

คนที่ชอบอนุโมทนาบุญกับคนที่ชอบอนุโมทนาบาปจะมีผลต่างกันอย่างไร Read More »

การทำบุญด้วยการสร้างโบสถ์และฝังลูกนิมิตจะได้บุญอย่างไร

คำถาม: กรุณาอธิบายอานิสงส์ของการทำบุญสร้างโบสถ์ และฝังลูกนิมิตด้วยค่ะ? คำตอบ: การสร้างโบสถ์และฝังลูกนิมิต เป็นกิจกรรมคนละอย่างกัน ลูกนิมิตคือลูกหินที่ทำเป็นลูกกลม โตประมาณเท่าบาตร ฝังลงในดิน สำหรับเป็นเครื่องหมายบอกเขตโบสถ์ เอาละถือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ในฐานะที่โบสถ์มีความสำคัญ และจำเป็นสำหรับ 2 งานใหญ่ของสงฆ์ คือ         1. เป็นที่ทำสังฆกรรมหรือพิธีของสงฆ์ พูดย่อๆ นะ โบสถ์เป็นเหมือนจำลองเอาอายตนนิพพานมาไว้บนพื้นมนุษย์ เพื่อให้พระสงฆ์ได้ทำสังฆกรรมกัน ด้วยความรู้สึกเหมือนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นพระภิกษุทุกรูปต่างต้องชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์ก่อนเข้าโบสถ์ เพื่อทำสังฆกรรม เพราะฉะนั้นผู้สร้างโบสถ์จึงได้รับบุญงบแรกนี้ นับเป็นบุญใหญ่ทีเดียว         2. โบสถ์ใช้เป็นที่สำหรับบวชพระ ในพระวินัย กำหนดว่าพระต้องบวชในโบสถ์ บวชนอกโบสถ์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นโบสถ์จึงเหมือนกับเป็นที่ยกระดับจิตใจของคน คือยกระดับจากคนธรรมดาให้เป็นพระ ซึ่งเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย ผู้สร้างโบสถ์ถวายไว้ในพระศาสนา จึงได้บุญนี้อีกงบหนึ่ง         บุญ 2 งบนี้มีอานิสงส์ว่าเกิดไปกี่ภพกี่ชาติจะมีบุญติดตัวไปว่าจะทำความดีเมื่อไหร่ หรือจะกลั่นกาย วาจา ใจ ให้ใสหมดกิเลสเมื่อไหร่ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าคนอื่น         ลูกนิมิตเป็นส่วนประกอบหนึ่งของโบสถ์ สร้างโบสถ์แล้ว ก็ต้องฝังลูกนิมิตแสดงอาณาเขต และอาณาเขตของโบสถ์ก็เป็นเงื่อนไขความสมบูรณ์ ในการทำสังฆกรรมหลายอย่างตามพระวินัย เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องแจงอานิสงส์ต่างหากหรอกนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) …

การทำบุญด้วยการสร้างโบสถ์และฝังลูกนิมิตจะได้บุญอย่างไร Read More »

การทำบุญด้วยเงินที่โกงเขามาจะได้บุญหรือไม่

คำถาม: กรณีคนที่โกงเขามา แล้วเอาเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ ผลบุญจะได้แก่ผู้ที่โกงเขามาทำบุญหรือไม่ครับ? คำตอบ: การทำบุญที่ได้ผลบุญ ต้องประกอบด้วยองค์ 4 ประการ คือ 1. วัตถุบริสุทธิ์ คือไม่ได้โกงใครมา คำถามนี้พอเริ่มต้นที่วัตถุก็โกงเขามาเสียแล้ว เพราะฉะนั้นวัตถุไม่บริสุทธิ์ บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ 2. เจตนาบริสุทธิ์ ถึงแม้วัตถุบริสุทธิ์ ไม่ได้ขโมยใครมา แต่ที่เอาไปทำบุญ ไม่ใช่เพราะอยากได้บุญ แต่อยากจะได้ประโยชน์จากเขา เช่น ถวายของให้เจ้าอาวาส เพื่อประจบจะได้ฝากลูกเข้าทำงานในบริษัทของโยมอุปัฏฐากของท่าน อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญ เพราะเจตนาไม่บริสุทธิ์ เท่ากับติดสินบนเชียวนะ 3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือตัวผู้ทำบุญมีศีลตามเพศภาวะของตน คือ เป็นฆราวาสก็ต้องมีศีล 5 คำถามนี้บอกว่าไปโกงเขามา เพราะฉะนั้นศีลข้อ 2 ก็ขาดไปแล้ว บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ 4. ผู้รับมีศีล ถ้าพระภิกษุผู้รับทานรักษาศีล 227 ข้อได้กะพร่องกะแพร่ง หรือผู้รับเป็นขอทานขี้เมา ซ้ำยังติดยาเสพย์ติดอีกต่างหาก บุญที่ผู้ทำทานควรจะได้ก็ตกๆ หล่นๆ ไป เพราะไม่รู้จักเลือกเนื้อนาบุญ         ถ้าการทำบุญไม่ครบองค์ประกอบทั้ง 4 ข้อ อานิสงส์ที่ได้ก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย          คนที่โกงเขามาทำบุญ แม้ว่าเจตนาอยากได้บุญ …

การทำบุญด้วยเงินที่โกงเขามาจะได้บุญหรือไม่ Read More »

การบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญหรือไม่ ถ้าเป็นจะได้อานิสงส์อย่างไร?

คำถาม: การบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญหรือไม่ ถ้าเป็นจะได้อานิสงส์อย่างไรครับ? คำตอบ: เป็นบุญแน่นอน การบริจาคโลหิตถือว่าเป็นการให้เลือดเนื้อเป็นทานทีเดียว ได้บุญมากระดับอุปบารมี คือเป็นบุญที่ส่งผลทันตาเห็น         ผลในชาตินี้ ทางการแพทย์ยืนยันว่าใครที่บริจาคโลหิตไปร่างกายก็จะผลิตเม็ดเลือดขึ้นมาใหม่ ที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพสูงกว่า เพื่อทดแทนโลหิตที่บริจาคไป ส่วนอานิสงส์ที่จะได้ติดตัวข้ามภพข้ามชาติไป คือจะไปเกิดกีภพกี่ชาติก็ตาม จะมีร่างกายแข็งแรงและมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมเหนือมนุษย์ทั้งหลาย         ถ้าเราอ่านเรื่องโบราณๆ จะพบว่าบางคนมีแรงมาก ขนาดชักคะเย่อกับช้างได้ หรือแม้ที่สุดกับคนหนุ่มฉกรรจ์ประเภททหารเกณฑ์ขนาด 1 ต่อ 100 ก็ยังชักคะเย่อชนะ ให้ปล้ำต่อสู้กับเสือ ยังหักคอเสือได้ พวกที่แข็งแรงอย่างนี้เป็นเพราะกำลังบุญจากอดีตที่เคยบริจาคโลหิตเป็นทานนั่นเอง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่า เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็นญาติสนิท เขาก็ไม่ได้รับบุญ

คำถาม: จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่า เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็นญาติสนิท เขาก็ไม่ได้รับบุญที่เราอยากให้เขาได้? คำตอบ: เรื่องนี้ก็มีส่วนจริงนะ การกรวดน้ำ คือการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่เราทำให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เราระบุถึง ถ้าเราไม่ให้ เขาก็ไม่ได้รับน่ะซิ         ในสมัยพุทธกาล มีอยู่คราวหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารท่านทำบุญแล้วไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้กับใคร ทีนี้พวกญาติในอดีตชาติของท่านซึ่งชอบยักยอกของที่เขาเตรียมไว้จะถวายพระ พวกนี้ตายแล้วไปเกิดเป็นเปรตนานจนนับเวลาไม่ถ้วน ตลอดเวลานั้นก็รออยู่ว่า เมื่อไหร่หนอพระเจ้าพิมพิสารจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้บ้าง แต่ทำบุญกี่ครั้งๆ พระองค์ก็ไม่กรวดน้ำให้สักที เขาไม่ได้บุญ ก็เลยไม่พ้นจากสภาพการเป็นเปรต         วันหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารทำบุญถวายวัดเวฬุวันให้แก่สงฆ์แล้วก็ไม่ได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ใครอีกเช่นเคย เพราะไม่เคยทำสักที แต่เนื่องจากบุญครั้งนี้มากเป็นพิเศษ เป็นที่รู้กันทั่วไปหลายภพหลายภูมิ พวกเปรตที่เป็นญาติเก่าก็รู้ด้วย และรอรับส่วนบุญอยู่ พอไม่ได้อย่างที่หวังตั้งตารอ ก็นัดกันประท้วง         เจ้าเปรตพวกนี้พอนัดแนะกันอย่างดีแล้ว ตกกลางคืนก็ไปร้องกรี๊ดๆ ทำเสียงโหยหวนอยู่รอบพระราชวัง บ้างก็แสดงกายให้พระเจ้าพิมพิสารเห็นพอพระเจ้าพิมพิสารได้ยินเสียง ก็สงสัย เอ๊ะ! มันอะไรกัน พอเห็นตัวชัดก็ตกพระทัยว่า เจ้าเปรตพวกนี้จะมาทำลายแว่นแคว้นหรือจะมาเอาชีวิตพระองค์ หรือจะยังไงกันแน่ วันรุ่งขึ้น ก็เลยรีบเสด็จแต่เช้า ไปกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เปรตพวกนี้เคยเป็นญาติของพระเจ้าพิมพิสารในชาติก่อนๆ โน้นนานมาแล้ว เขาไม่ได้มาทำร้ายอะไรหรอก แต่มาขอส่วนบุญ …

จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่า เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้กรวดน้ำให้กับผู้ตาย แม้ผู้ตายจะเป็นญาติสนิท เขาก็ไม่ได้รับบุญ Read More »