หลวงพ่อทัตตชีโว

ศาสนาพุทธมีหลักธรรมในการบริหารงานบ้างหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ลูกอยากจะกราบเรียนถามหลวงพ่ออีกประการหนึ่งนะคะว่า ทำไมในปัจจุบันนี้ นักธุรกิจทั่วไป มักจะนิยมอ่านตำราบริหารงานของฝรั่ง ลูกกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ในพุทธศาสนา เรามีหลักคำสอนซึ่งเกี่ยวกับการบริหารงานบ้างหรือไม่เจ้าคะ คำตอบ: เจริญพร…ความจริงในเรื่องของการบริหารงานนั้น ตำรับตำราทางโลก ว่าที่จริงของเขาก็ไม่เลวหรอก เพียงแต่ว่ามันยังไม่สมบูรณ์ ที่ว่าไม่สมบูรณ์มันเป็นอย่างไร กล่าวคือ การบริหารทางโลก มักมุ่งเน้นไปที่ความสำเร็จเป็นหลัก ที่เรียกว่าความสำเร็จเป็นหลัก คือ มุ่งประโยชน์ของตนเองเป็นหลักนั่นเอง พอมุ่งประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก มันก็เข้าทำนองที่เราเรียกว่า “มุ่งวัตถุเป็นหลัก จนกระทั่งลืมทางด้านจิตใจกันไป” เพราะว่าพอมุ่งเอาความสำเร็จ ซึ่งมนุษย์ส่วนมากมุ่งที่ความร่ำรวยอีกนั่นแหละ มุ่งที่ความเด่น ความดังอีกนั่นแหละ ส่วนใครจะกระทบอย่างไรก็ช่าง ขอให้เราได้รวย ได้เด่น ได้ดังมาเสียก่อน นี้ก็เป็นแนวทางการบริหารทางโลก ตามตำรับตำราในยุคปัจจุบันนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงทราบดีว่า ความจริงแล้ว มนุษย์เกิดมาทำไม คือ เกิดมาสำหรับสร้างบุญ สร้างบารมี เกิดมาเพื่อแก้ไขตัวเอง มีข้อผิดพลาดอยู่อย่างไร ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมา แก้เสียให้หมดในชาตินี้ แล้วก็ขณะที่กำลังทำมาหากิน ซึ่งแน่นอน เพราะเรื่องการทำมาหากินนั่นแหละ ทำให้ต้องบริหารงาน อันนั้น อันนี้ อันโน้น ขึ้นมา ในระหว่างทำมาหากินอยู่นี่เอง ก็ถือโอกาสปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ยิ่งๆขึ้นไป …

ศาสนาพุทธมีหลักธรรมในการบริหารงานบ้างหรือไม่ Read More »

หลักในการครองใจลูกน้อง

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ เนื่องจากลูกทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งต้องดูแลลูกน้องเยอะ  อยากจะกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ทำอย่างไรเราถึงจะเป็นนักบริหารที่สามารถครองใจให้ลูกน้องรักได้เจ้าค่ะ คำตอบ: ครองใจคนความจริงไม่ยาก ขอให้เราครองใจของเราให้ได้ก่อน ครองใจของตนเองได้แล้ว จึงค่อยครองใจคน ตรงนี้จำไว้ให้ดี ในการครองใจของตนเองเป็นอย่างไร…ครองใจของตนเองให้ได้ คือ ครองใจของเราให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา ถ้าครองใจให้ผ่องใสได้ตลอดเวลาแล้ว…ถ้าอย่างนั้นครองใจคนก็ไม่ยาก ทีนี้ที่ถามว่า “ครองใจลูกน้องจะทำอย่างไร” ดูศัพท์คำนี้ให้ดี ดูศัพท์คำว่า “ลูกน้อง” ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเรามีหลายรูปแบบ เรามีคำหลายคำ ตั้งแต่คำว่า “พนักงาน” คำว่า “คนงาน” คำว่า “คนรับใช้” หนักเข้าไปก็ “ข้าทาส” แย่หนักเข้าไปก็ “ขี้ข้า” คำประเภทนี้ปู่ย่าตาทวดเราไม่ใช้ ถือว่าเป็นคำที่จิกหัวเรียก อย่างเช่น คำว่า “ขี้ข้า” คำว่า “ข้าทาส” อย่างนี้…จิกหัวเรียก…หมดความเป็นคน แต่ว่า…ให้มีจิตเมตตา มองกันด้วยว่า เขากับเราก็เป็นมนุษย์ด้วยกัน แล้วการที่เขามาอยู่กับเรา เป็นบุคคลที่มาช่วยผ่อนแรง มาช่วยเราทำมาหากิน เราได้เขาเป็นแรงกาย ส่วนเราออกแรงสติปัญญา…อย่างนี้ ถ้าจะว่าไป ก็เหมือนมือกับซ้ายมือขวา หรือว่าเท้าหน้ากับเท้าหลัง อะไรอย่างนี้…ถ้าอย่างนี้พอไปด้วยกันได้ ทีนี้เมื่อเราจะครองใจลูกน้องของเรา ขั้นต้น…ให้มองคำว่า “ลูก” …

หลักในการครองใจลูกน้อง Read More »

สร้างเครือข่ายคนดีได้อย่างไร

คำถาม: กระผมกำลังสร้างเครือข่ายคนดีที่เป็นนักธุรกิจ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมีคำแนะนำอย่างไรบ้างให้ประสบความสำเร็จครับ  คำตอบ: ขอโมทนาด้วยนะ…ความเดือดร้อนเกี่ยวกับเศรษฐกิจในบ้านเมืองไทยของเราน่ะ อยู่ตรงไหน…อยู่ตรงที่คนไทยหรือนักธุรกิจไทยไม่ค่อยชอบสร้างเครือข่ายกัน เลยกลายเป็นว่าในประเทศไทยที่ผ่านมา นักธุรกิจประเภทเดียวกัน แทนที่จะสร้างเครือข่ายซึ่งกันและกันกลายเป็นว่าฟาดฟันกันเอง ผลสุดท้ายยังไม่มีใครมาทำลายเราเลย เราก็ทำลายกันเองเสียแล้ว แข่งกันตัดราคา ความฉิบหายทางเศรษฐกิจของชาติจึงได้เกิดขึ้น ทำไมเป็นอย่างนั้น เพราะมองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก มันเป็นเรื่องของคนใจแคบ  คนใจแคบสร้างเครือข่ายคนดีไม่ได้…ทำไม   เพราะเขาจะมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก เพราะฉะนั้น การที่คุณโยมคิดจะสร้างเครือข่ายคนดีของนักธุรกิจน่ะ ขอโมทนาด้วยนะ ซึ่งการที่จะทำอย่างนี้ได้ สิ่งสำคัญก็คือ ต้องฝึกให้เป็นคนสายตายาว แต่สายตายาวในที่นี้ไม่ใช่ต้องประกอบแว่นนะ ยาวนั้นให้มองกันให้ข้ามชาติไปเลย อย่ามองกันแค่ใกล้ๆ คือ มองว่าเกิดมาชาตินี้น่ะ เกิดมาเพื่อสร้างบุญสร้างบารมี เกิดมาเพื่อทำความดี เกิดมาเพื่อปราบกิเลสให้หมด ทำพระนิพพานให้แจ้ง   ในระหว่างสร้างบุญสร้างบารมีนี้ มันยังต้องกินมันยังต้องใช้ มันก็จะต้องประกอบอาชีพประกอบธุรกิจ เมื่อต้องประกอบอาชีพประกอบธุรกิจ ก็ขอให้มองว่าอันนี้น่ะมันแค่ทางผ่าน มันไม่ใช่เป้าหมายชีวิต มองกันให้ชัดอย่างนี้   การประกอบธุรกิจ ไม่ใช่เป้าหมายชีวิต เป็นแค่ทางผ่านเป็นแค่อุปกรณ์ในการสร้างบารมี อุปกรณ์ในการปราบกิเลสให้ยิ่งๆขึ้นไป เมื่อมองอย่างนี้แล้ว…ใจใหญ่ๆ นั่นแหละใจใหญ่ๆตายาวๆ มองชีวิตว่าเกิดมาสร้างบารมี จากนั้นให้มองว่าครั้งนี้ที่เราทำเครือข่ายธุรกิจนักธุรกิจนี้ มันไม่ใช่รวมแค่เงินทุน แต่มันเป็นเรื่องของการรวมคนดี รวมนักสร้างบารมีมาร่วมกัน เพราะฉะนั้น… …

สร้างเครือข่ายคนดีได้อย่างไร Read More »

ฝากปัจจัยมาทำบุญ แต่ไม่ยอมมาวัดด้วยตัวเอง

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกเคยชวนญาติมาทำบุญด้วยกันที่วัด แต่เขาไม่ยอมมาเจ้าค่ะ ได้แต่ฝากปัจจัยมาทำบุญด้วยทุกครั้ง เพราะเขาคิดเอาเองว่า ถึงตัวเขาจะมาหรือไม่มา เขาก็ได้บุญอยู่แล้ว เพราะเงินนั้นเป็นเงินของเขาเจ้าค่ะ ลูกจะอธิบายให้ญาติเข้าใจได้อย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: เจริญพร…ความจริง การที่ฝากเงินใครไปทำบุญ ถามว่า “ได้บุญไหม” คำตอบคือ “ได้บุญ” แต่ว่าได้เต็มที่หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การที่ฝากเงินใคร ฝากของใคร ไปทำบุญ ถามว่า “บุญเกิดขึ้น หรือไม่” ตอบว่า “เกิด”  แต่เกิดมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ดังต่อไปนี้ 1.ของที่เขาเอามาทำบุญ หรือเงินนั้นเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยน้ำพักน้ำแรง หรือ เป็นทรัพย์บริสุทธิ์ 2.เจตนาของเขา ต้องการจะทำบุญจริงๆ ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง เป็นเจตนาบริสุทธิ์ 3.ตัวเขาก็เป็นคนมีศีล ก็ถือว่า เป็นบุคคลบริสุทธิ์ 4.พระที่รับปัจจัยไทยธรรมที่เขาทำมา ก็ตั้งใจอยู่ในศีลในธรรมวินัยอย่างดี เป็นพระที่บริสุทธิ์ เมื่อ 4องค์ประกอบดังกล่าวพร้อมแล้ว ก็ถือว่า “ได้บุญ” ตรงนี้ชัดเจนลงไปก่อน แต่ว่าบุญที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นระยะๆ ตั้งแต่ 1.เกิดเมื่อตอนคิดจะทำ แค่คิดก็เกิดแล้ว แต่เกิดไม่มาก 2.เมื่อลงมือทำ …

ฝากปัจจัยมาทำบุญ แต่ไม่ยอมมาวัดด้วยตัวเอง Read More »

ศีล มีความหมายอย่างไร

คำถาม: กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ วันนี้กระผมมีปัญหาบางประการ เกี่ยวกับความหมายของคำในพระพุทธศาสนาครับ คือ คำว่า ศีล ซึ่งมีมากมาย ทั้งศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด กระผมจึงอยากทราบว่าจริงๆแล้วคำว่า ศีล มีความหมายอย่างไรครับ คำตอบ: คุณโยม ในฐานะที่คุณโยมเป็นนักกฎหมาย ในทางโลกประเทศชาติจะอยู่กันได้ ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะกฎหมายจะเป็นตัวบอกให้เรารู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ที่ต้องมีกฎหมายก็เพราะว่า เพื่อป้องกันไม่ให้แต่ละคนน่ะล้ำเส้นกัน ถ้าล้ำเส้นกันด้วยเรื่องอะไรก็ตามทีเถอะ เดี๋ยวได้กระทบกระทั่งกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันในทางโลก ก็เลยต้องมีกฎหมายเอามาควบคุม จะเป็นกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา หรืออะไรก็ตามทีล่ะนะ แต่ว่าในศาสนาพุทธของเรานั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกำหนดศีลเอาไว้ ก็คล้ายๆกัน พอจะเทียบกันได้ว่า ศีล เป็นเครื่องควบคุมทางกายทางวาจาของเรา ให้ประพฤติอยู่ในกรอบ เพื่อว่าบาปจะได้ไม่รั่วรดเข้าไปในใจเราได้ แล้วก็ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย เรามาดูถึงคำแปลของคำว่าศีลก่อน ศีลไม่ใช่ภาษาไทยของเราเป็นภาษาอินเดีย ภาษาแขก ศีล แปลว่า ปกติ คำว่าปกตินี่เราพูดกันจนกระทั่ง ต้องมาถามอีก…ปกติ แปลว่าอะไร สิ่งที่มันเป็นอยู่แล้วโดยธรรมชาติของมัน เราเรียกว่า ปกติ เช่นร่างกายของเรานั้น ปกติมีความอบอุ่นหรือมีอุณหภูมิอยู่ในตัวประมาณ 37องศาเซลเซียส ถ้าสูงกว่านั้นหรือต่ำกว่านั้นล่ะก็ …

ศีล มีความหมายอย่างไร Read More »

ทำบุญแล้วอธิษฐาน เป็นความโลภหรือเป็นการทำบุญเพื่อหวังผลหรือไม่

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อครับ ขอเรียนถามหลวงพ่อว่า บางคนคิดว่า การทำบุญนั้นไม่ต้องอธิษฐาน เพราะถ้าอธิษฐานแล้วเชื่อว่า เป็นการโลภ หรือเป็นการหวังผลตอบแทนครับ ไม่ทราบว่า จะแก้ความเข้าใจผิดตรงนี้ได้อย่างไรครับ คำตอบ: หลวงพ่อก็เคยได้ยินอย่างนี้มานานแล้วเมื่อตอนเด็กๆ เขาว่า ทำบุญแล้วอธิษฐานรู้สึกว่า เป็นความโลภชนิดหนึ่ง เพราะหวังผลตอบแทน ตอนนั้น หลวงพ่อก็เชื่อเขานะ เพราะว่าเป็นผู้ใหญ่พูด จนกระทั่ง มาเข้าวัดเต็มตัว โดยเฉพาะมาเจอคุณยายอาจารย์ของเรา คุณยายอาจารย์ตอบปัญหาเรื่องนี้ให้กับหลวงพ่อชัดเจนว่า ในทางโลกนั้น เวลาเขาจะสร้างบ้าน ยิ่งบ้านใหญ่เท่าไหร่ล่ะก็ ต้องมีพิมพ์เขียวนะ ถ้าไม่มีพิมพ์เขียวล่ะก็ ถึงเวลาไปสร้าง ประเดี๋ยวเถอะ สร้างไปรื้อไปทุบไปกว่าจะสร้างเสร็จยุ่งเลย แต่ว่าถ้ามีพิมพ์เขียวเสร็จเรียบร้อย จะสร้างบ้านรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้ กว้างยาวเท่านั้นเท่านี้ มีกี่ห้องมีห้องน้ำห้องนอนเท่าไหร่ ว่าไป กำหนดไว้ชัดเจน ถึงเวลาก็สร้างตามนั้น โอกาสผิดพลาดยาก แต่ว่าโอกาสจะได้ผลดี และประหยัดเยอะ สร้างบ้านต้องมีแผนฉันใด การทำบุญต้องมีแผนฉันนั้นเหมือนกัน ทำไม…ก็เพราะว่า เมื่อเราทำบุญแล้ว บุญนั้นย่อมเกิดแน่นอน แต่ว่า เมื่อบุญเกิดแล้ว เมื่อบุญจะส่งผล ถ้าไม่กำหนดทิศทางให้ดี อาจเป็นอันตรายกับตัวเองได้ ยกตัวอย่างเช่น เราทำทานไป ผลแห่งการทำทานนั้น จะทำให้ผู้ที่ทำทานนั้น …

ทำบุญแล้วอธิษฐาน เป็นความโลภหรือเป็นการทำบุญเพื่อหวังผลหรือไม่ Read More »

กราบเท้าพ่อแม่ก่อนนอนจะช่วยพัฒนาคุณธรรมของเด็กได้อย่างไร

คำถาม:  กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า สังคมไทยสมัยก่อน จะให้ลูกกราบเท้าพ่อแม่ก่อนเข้านอน สิ่งนี้จะพัฒนาคุณธรรมในตัวเด็กได้อย่างไร และถ้าคนในยุคนี้จะทำบ้าง ควรจะเริ่มต้นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ คำตอบ: ในเรื่องของการให้ลูกไปกราบเท้ากราบแม่ก่อนนอน ตั้งแต่โบราณ หลักการอยู่ตรงไหน? เป็นหลักการหรือเป็นกุศโลบาย ในการที่จะถ่ายทอดนิสัยอันดีงามที่พ่อแม่ฝึกมาตลอดชีวิต สู่ลูกหลานของตัวเอง ความดีนั้น มันเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝัง จะรอให้เกิดขึ้นเองนั้นไม่ได้ เหมือนข้าวต้องปลูก ผักผลไม้ต้องปลูก ถ้าไม่ปลูก ไม่ขึ้น แต่ว่าหญ้าหรือวัชพืชนั้น ไม่ต้องปลูก มันขึ้นเอง ถอนทิ้งไม่ไหวเลย             ปู่ ย่า ตา ทวด มองได้ลึกซึ้งในเรื่องเหล่านี้ จึงมีกุศโลบายให้ลูกหลานมากราบเท้าท่านก่อนนอน การที่ลูกคลานเข้าไปหาพ่อแม่ แล้วไปกราบ มันได้อะไร มันไม่เป็นการไปบังคับจิตใจลูกมากไปหรือ ไม่เลย เพราะเป็นเรื่องของการหาโอกาสได้ใกล้ชิดกันระหว่างพ่อ แม่ ลูก ก็เลยทำให้ได้พูดกัน ทำให้เห็นกัน ทำให้เข้าใจกัน เมื่อทำกันอย่างนี้ทุกวัน ทุกคืน ก็จะทำให้ลูกของเราเกิดความใกล้ชิด และซาบซึ้งถึงความปรารถนาดีซึ่งพ่อแม่มีกับลูก ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้             หากลูกไปทำอะไรผิดพลาดมาในวันนั้น ตามธรรมดาใจของเด็กจะสะอาด เหมือนผ้าขาว เพราะฉะนั้นถ้าเขาไปทำอะไรผิดมาครั้ง ๒ ครั้ง แรกๆ …

กราบเท้าพ่อแม่ก่อนนอนจะช่วยพัฒนาคุณธรรมของเด็กได้อย่างไร Read More »

พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ตามธรรมเนียมของไทย ในวันสำคัญต่างๆ เช่นวันขึ้นปีใหม่ หรือปรารภเนื่องในวันมงคลต่างๆ ผู้น้อยมักจะไปกราบขอพรผู้ใหญ่อยู่เสมอๆ อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า  พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไรเจ้าค่ะ คำตอบ:  คำว่า “พร” ในภาษาไทย มาจากคำว่า “วร” ในภาษาแขกหรือภาษาอินเดียของเขา แปลว่า “ประเสริฐ” ให้พรก็คือให้ความประเสริฐ คนเราให้ความประเสริฐแก่กันเป็นสิ่งที่ดี             คำถามต่อไปก็คือ แล้วคนเรานั้นประเสริฐตรงไหน? หลักธรรมในพระพุทธศาสนาต้องถูกยกขึ้นมาตรงนี้ ก็ต้องมองอย่างนี้ มองเข้าไปที่ใจคน อย่าไปมองที่รูปร่าง ความประเสริฐทางรูปร่าง เช่น หล่อ เช่น สวย แข็งแรง มันก็ดีหรอก แต่ว่ามันยังดีไม่จริง ถ้าดีจริงมันต้องดีเข้าไปถึงในใจ อย่างนี้ดีแท้             ในใจคนมีอะไรบ้าง? ถ้าคนทั่วไปยังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เราก็ยังมีข้อเสียอยู่ในใจของเราด้วยกันทุกคน มีโลภ โกรธ หลง อยู่ในใจมาก ก็จะต้องทำให้เขาคิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย ได้มากๆ แล้วบาปก็เกิดมาก แล้วก็บั่นทอนตัวเองไปได้มาก แต่ถ้าใครมีความโลภ โกรธ หลง …

พรมีความสำคัญอย่างไร และควรให้พรอย่างไร Read More »

ศีลภรต คืออะไร ต่างจากศีล 5 อย่างไร

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าคะในรายการตอนก่อนๆ ลูกเคยได้ยินหลวงพ่อพูดคำว่า ศีลภรต นะคะแต่ไม่ได้ขยายความไว้ ลูกอยากขอความเมตตาจากหลวงพ่อ ช่วยอธิบายคำว่าศีลภรต คืออะไร ต่างจากศีลห้าอย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: เจริญพร ศีลภรต คืออะไร ต่างจากศีลห้าอย่างไร เอาขั้นต้นก่อน คำว่าศีลภรต มุ่งไปถึงศีลของนักบวชเป็นหลักต่างจากศีลของชาวบ้าน คือ ชาวบ้านเขารักษากันแค่ศีลห้า ศีลห้าคุณโยมคงเข้าใจอยู่แล้ว ธรรมดาชาวบ้าน ชาวโลก เขารักษากันแค่ศีลห้า แต่ว่าที่ นักบวช คือ ผู้ที่จะกำจัดกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษนั้นแค่ศีลห้าไม่พอ ก็ต้องมีศีลภรต คือศีลที่ยิ่งขึ้นไปกว่าศีลห้า ส่วนมีอะไรบ้าง เดี๋ยวค่อยว่ากัน ลองดูตรงนี้ก่อน             ศีล ทำไมจึงต้องมาแบ่งเป็นศีลทั่วไปของชาวบ้าน และ ศีลของนักบวชด้วยดูตรงนี้ให้ชัด ทหาร เขามีวิธีการทำความดีของเขาอยู่สองระดับ             ระดับแรก เมื่อมีข้าศึกมาโจมตี ความดีความชอบของทหารระดับแรกก็คือ รักษาค่าย รักษากองทัพ รักษาชีพ ต้องตั้งมั่นเอาไว้ให้ได้ ไม่ยอมให้ข้าศึกมาตีแตก พูดง่ายๆคือรักษาดินแดน รักษาพื้นที่เอาไว้ ถึงแม้ว่าจะทำลายล้างข้าศึกศัตรูไม่ได้ แต่ข้าศึกศัตรู ก็บุกรุกไม่ได้อีกเหมือนกัน ถามว่าอันนี้เป็นความดีความชอบของทหารไหม ตอบว่า …

ศีลภรต คืออะไร ต่างจากศีล 5 อย่างไร Read More »

การรักษาศีล 8

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ มีคนถามลูกว่า จุดประสงค์ของการรักษาศีลแปด คือการประพฤติพรหมจรรย์ ถ้าเขาสามารถ รักษาศีลข้อที่สามได้ ข้อย่อยๆอย่างอื่น เช่น ข้อหก ข้อเจ็ด ข้อแปด ไม่ต้องรักษาก็ได้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ คำตอบ: โยม…ทำอะไร ทำให้มันครบชุดของเข้าไว้ อย่าให้ตกหล่นไป กว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงบัญญัติ ศีลแต่ละข้อขึ้นมา พระองค์ได้ทรงคิดแล้วคิดอีกปกติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอยู่ประการหนึ่งที่รู้กันไปทั่วคือ ท่านจะไม่ตรัส ไม่พูดอะไรเพ้อเจ้อ พูดง่ายๆ อะไรไม่จำเป็นแม้ครึ่งคำพระองค์ก็ไม่พูด พูดเท่าที่จำเป็นเท่านั้นแหละ นี่คือพระจริยวัตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา             เพราะฉะนั้น การที่พระองค์บัญญัติจากศีลที่มีอยู่ ห้า ข้อแล้ว มาเป็น แปด ข้อนี่ แสดงว่าจำเป็นจริงๆ ไปตัดข้อใดข้อหนึ่งของพระองค์ไม่ได้หรอก ทำไมจึงตัดไม่ได้ ต้องมองว่าอย่างนี้ โดยหลักการก็คือ การที่กำหนดให้มีศีลภรต คือ ข้อที่หก ข้อที่เจ็ด ข้อที่แปด ไล่ไปเรื่อยๆ ของพระมีตั้ง 227 ข้อนะ เกินกว่าศีลห้าอีก ได้บอกแล้วว่าศีลในระดับนี้ เป็นศีลเพื่อรุกไล่ กำราบ …

การรักษาศีล 8 Read More »

ทำแต่เฉพาะทานรักษาศีลพอหรือไม่ จำเป็นต้องทำสมาธิด้วยหรือไม่

คำถาม: ลูกเคยชวนเพื่อนมานั่งสมาธิ เขาบอกว่า คนทางโลกอย่างเขา ทำทาน รักษาศีล ก็พอแล้ว ทำไมต้องมานั่งสมาธิด้วย จะอธิบายให้เขาเข้าใจได้อย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: ก็ต้องดูว่า โดยสภาพใจของเขาแล้ว เขาอยู่ตรงไหน ในการตอบให้คนเห็นความสำคัญของสมาธิ ดูอย่างนี้ก่อน ดูว่าธรรมดาแล้ว เขาเองสนใจคำสอนของพระพุทธศาสนามากน้อยแค่ไหน คือคนบางพวก เขาไม่ค่อยสนใจคำสอนในพระพุทธศาสนามากนักหรอก แต่ก็ตักบาตร ให้ทาน รักษาศีล ตามประเพณีไป นี่พวกหนึ่ง             พวกที่สอง ทั้งตั้งใจให้ทาน รักษาศีล แล้วก็ศึกษาธรรมะด้วย ศึกษาว่าทำอย่างไร ศีลจึงจะดี มีกฎเกณฑ์อย่างไร ทำอย่างไรทำทานจึงจะได้บุญมาก แต่ว่ามองไม่เห็นคุณค่าของสมาธิ จริงๆแล้วที่ศึกษา เพราะมีครูบาอาจารย์บางท่าน เป็นพระด้วยซ้ำ ท่านมักจะพูดว่า ถึงท่านไม่ฝึกสมาธิ ท่านก็มีสมาธิ ท่านดีอยู่แล้ว จะต้องฝึกไปทำไม อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน             อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มที่ให้ทาน รักษาศีล ตามประเพณี ก็ทำตามกันสืบๆ กันมา ในกรณีนี้ต้องชี้แนะให้เขาดูว่า ทานที่เขาทำนั้น ถ้าจะให้ได้บุญมากขึ้น  ก่อนทำทาน ให้นั่งสมาธิก่อน …

ทำแต่เฉพาะทานรักษาศีลพอหรือไม่ จำเป็นต้องทำสมาธิด้วยหรือไม่ Read More »

เจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อแรกประสูติ ทรงดำเนินไปได้ ๗ ก้าวนั้น เป็นไปได้จริงหรือไม่

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ปัจจุบันนี้หลายคนสงสัยว่า เจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อแรกประสูติ ทรงดำเนินไปได้ ๗ ก้าวนั้น เป็นไปได้จริงหรือคะ?เราจะอธิบายให้เขาเชื่อได้อย่างไรคะ?  คำตอบ:  เรื่อง พอประสูติแล้วเจ้าชายสิทธัตถะเดินได้ ๗ ก้าวนี่ อย่าว่าแต่คุณโยมเลย หรือเด็กในยุคนี้ เมื่ออาตมาเป็นเด็ก อาตมาก็สงสัยเหมือนกัน แล้วก็สงสัยอยู่นานด้วย สงสัยจนกระทั่งอยู่มหาวิทยาลัยปีท้ายๆ แล้ว ความสงสัยในเรื่องนี้จึงได้คลายไป             ทำไมจึงสงสัยกัน เพราะที่เราสงสัยคือ เรื่องที่พระองค์ทรงประสูติแล้ว ทรงดำเนินไปได้ ถ้าเปรียบกับทางโลก ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เกินปัญญาของเราจะตรองตามทัน  ไม่ได้หมายความว่าตรองไม่ได้ ตรองได้ แต่ว่าเราจะต้องมีพื้นฐานทางด้านความรู้  ทางด้านจิตใจของเราสูงพอ  แล้วเราก็จะตรองตามทันได้              เหมือนคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ชั้นสูง ถ้าเอาวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งอยู่ในระดับสูงๆ แล้วส่งให้เด็กชั้นประถม เด็กชั้นมัธยมไปคิดเขา ก็จะคิดไม่ได้ เพราะว่าพื้นฐานของเขาไม่พอ เรื่องที่ถามนี้มันอยู่ในลักษณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเรียกว่า อจินไตย ซึ่งแปลว่า เป็นวิสัย เหนือวิสัยที่พวกเราทั่วๆ ไปจะตรองตามทันได้ เรื่องที่จัดว่าเป็นอจินไตยหรือว่าคนทั่วไปยากแก่การตรองตามนั้น มีอยู่ ๔ เรื่อง              ๑.  พุทธวิสัย หมายถึง เรื่องที่กำลังพูดกันอยู่นี้             ๒. ฌานวิสัย  คือ วิสัยของผู้ที่ได้สมาธิ(Meditation)ชั้นสูง จิตใจเขาผ่องใส แน่วแน่ มั่นคงกว่าคนทั่วไป ผ่องใสแน่วแน่มั่นคง จนกระทั่งเกิดอานุภาพพิเศษๆ ขึ้นมา เช่น สามารถระลึกชาติได้อย่างนี้ มันเกินกว่าที่เราจะตรองตามทัน              ๓. เรื่องวิบาก หรือว่าผลแห่งกรรม พอทราบว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่เนื่องจากเรื่องของกรรมเป็นเรื่องลึกซึ้ง มีความสลับซับซ้อนมาก เราได้แต่หลักใหญ่ๆ แต่เจาะลึกในเรื่องผลแห่งกรรม ที่มันเกิดต่อตัวเรา โดยรายละเอียดเราทำไม่ได้ เว้นแต่เราจะฝึกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งให้ทาน …

เจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อแรกประสูติ ทรงดำเนินไปได้ ๗ ก้าวนั้น เป็นไปได้จริงหรือไม่ Read More »

การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ ที่ยอมสละชีวิตเป็นเดิมพันนั้น ต่างจากการฆ่าตัวตายอย่างไร

คำถาม:  หลวงพ่อเจ้าคะ มีคนสงสัยว่า การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ ที่ยอมสละชีวิตเป็นเดิมพันนั้น ต่างจากการฆ่าตัวตายอย่างไรคะ ? คำตอบ:  ต่างกันอย่างยิ่งเลย การสร้างบารมีต่างกันอย่างยิ่งกับการฆ่าตัวตาย ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจคำว่าสร้างบารมีก่อน คำว่าบารมีมีความหมายอยู่ ๒ อย่าง              อย่างที่ ๑. บารมีคือบุญ เวลาเราทำความดีต่างๆ ก็เกิดบุญ บุญนี้เมื่อเกิดแล้วก็เก็บอยู่ในใจ เหมือนไฟฟ้า เมื่อเกิดแล้วเราก็เก็บชาร์จเอาไว้ในแบตเตอรี่ได้ นอกจากเก็บ เอาไว้ในใจแล้ว บุญยังสามารถกลั่นใจให้ใสเป็นแก้ว ใสเป็นเพชรได้อีกด้วย             บุญที่เกิดขึ้นนั้น ก็มีคุณภาพต่างๆ กัน ถ้าตั้งใจทำบุญแบบธรรมดาๆ ก็ได้ บุญคุณภาพอย่างหนึ่ง แต่ถ้าตั้งใจทำบุญประเภทเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการทำบุญ ก็ได้บุญที่มีคุณภาพพิเศษขึ้นมาอีก บุญที่มีคุณภาพพิเศษๆ อันเกิดจากเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการ ทำอันนี้ ท่านเรียกว่าสร้างบารมี เรียกว่าบารมีก็ได้              อย่างที่ ๒. หมายถึงนิสัยดีๆ ของเรา เช่น เมื่อเราทำความดีโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันเป็นประจำครั้งแล้วครั้งเล่า ชาติแล้วชาติเล่า ในที่สุดก็เกิดเป็นนิสัยดีๆของเราขึ้นมา คือนิสัยชอบเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบุญสร้างความดี สรุปสั้นๆ การสร้างบารมีนั้นมี ๒ อย่างคือ              ๑.   สร้างบุญที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยมให้เกิดขึ้นในใจ               ๒.  เป็นการสร้างนิสัยดีๆ ขึ้นมา               ถ้าคนไหนสร้างบารมีอย่างที่ว่ามานี้ ใจของเขาที่ผ่องใสเป็นปกติแล้ว ฉลาดอย่างที่ว่านี้ ยังมีสติสัมปชัญญะควบคุมเอาไว้อย่างดีอีกด้วย จึงไม่เผลอไปคิด พูด ทำ ในสิ่งไม่ดี นี้เป็นหลักของการสร้างบารมี               ถ้าเจาะลึกลงไปอีก ถามว่าทำไมคนเราจึงต้องมาสร้างบารมีอีก พระอรหันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องทรงสร้างบารมีทั้งนั้นเลย สร้างไปทำไม? บารมีนี่ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน สร้างบุญสร้างความดีกันนี่ สร้างทำไม ย่อๆ สั้นๆ ในใจของคนเรานั้น ตั้งแต่วันที่เกิดมาแล้ว มันมีสิ่งไม่ดีอยู่ในใจ …

การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ ที่ยอมสละชีวิตเป็นเดิมพันนั้น ต่างจากการฆ่าตัวตายอย่างไร Read More »

ทำไมคนชอบทำผิดทั้งๆที่รู้

คำถาม:           หลวงพ่อเจ้าคะ ลูกอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าค่ะ ทำไมคนเราถึงชอบทำความผิด ทั้งๆ ที่รู้ตัวว่าสิ่งนั้นไม่ดี และจะแก้ไขได้อย่างไรบ้างคะ คำตอบ:     ทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งนั้นผิด  อะไรๆ ไม่ดีก็รู้หมด แต่อดไม่ได้ที่จะไปทำมันอีก ปัญหานี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดกับเรา  มันเกิดมาพร้อมกับโลกใบนี้เกิด เพราะใจมนุษย์คุ้นกับกิเลส  เหมือนปลาคุ้นน้ำ  ลองจับปลาเป็นๆ โยนขึ้นมาบนบก แล้วจะเห็นว่า  มันอยู่เฉยๆ หรือมันดิ้น จะเห็นว่ามันพยายามดิ้นจะกลับลงน้ำ  ซึ่งความจริงในน้ำน่าจะหายใจไม่ออก น่าจะสำลัก อยู่บนบกน่าจะหายใจคล่อง มันไม่ใช่  เพราะมันเป็นปลา มันคุ้นกับน้ำ มากกว่าคุ้นกับอากาศ มันก็เลยดิ้นจะกลับลงน้ำต่อไป                  ใจเราคุ้นอยู่กับกิเลส เมื่อเราอยู่ในท้องแม่  กิเลสก็ฝังอยู่ในใจ ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมาแล้ว  เมื่อเป็นอย่างนี้ก็เลยบีบคั้นใจเรามาตั้งแต่เกิด  บีบคั้นมาข้ามชาติยังไม่พอ  ชาตินี้บีบต่ออีก ให้เราคุ้นกับความไม่ดี เหตุนี้เองแม้รู้ว่าอะไรที่เป็นความดี  ยังไม่ค่อยอยากทำเลย  กลับย้อนไปทำความไม่ดีเสียอีก ใจคุ้นกับกิเลสเหมือนปลาคุ้นน้ำ                    เพราะฉะนั้นในการแก้ไขตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  เรามีความจำเป็นที่จะยึดหลักง่ายๆ ในการแก้ไขตัวเองก็คือ  นอกจากเราจะศึกษาให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว สิ่งที่ต้องทำเพิ่มนั้น มีอะไรบ้าง                  ๑.  หาคนที่เขามีกำลังใจในการประกอบคุณงามความดี หรือคนที่เขาเคยไม่เข้าท่าเหมือนเรามาก่อน  …

ทำไมคนชอบทำผิดทั้งๆที่รู้ Read More »

ถ้ามีญาติหรือเพื่อนมาขอยืมเงินจะทำอย่างไรดี

คำถาม :    ถ้ามีญาติหรือมีเพื่อนมาขอยืมเงินเราควรจะวางตัวอย่างไรดี เพราะถ้าไม่มีให้ก็จะเสียน้ำใจ  ถ้าให้บ่อยๆ เราก็เดือดร้อน  วันนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อของเราจะมาตอบคำถามนี้ให้เรารับทราบกันค่ะ   คำตอบ:    การที่ใครจะมีเพื่อน มีญาติ สิ่งที่ต้องจำไว้ก็คือเราต้องเป็นที่พึ่งให้แก่เขาได้เมื่อถึงคราวจำเป็น  ถ้าถึงคราวจำเป็น ใครพึ่งก็ไม่ได้  แล้วใครเขาจะอยากมาเป็นเพื่อน เป็นญาติกับเรา นี่ประการหนึ่ง                  อีกประการหนึ่ง เราก็ต้องรู้ไว้ว่าแม้คราวตัวเองก็เหมือนกัน บางครั้งอาจตกเข้าที่คับขัน สิ่งที่เราเตรียมไว้ มีไว้อย่างมหาศาล  บางทีก็ถึงคราวขาดแคลนได้  เข้าทำนองถึงเวลาราชสีห์ก็ต้องพึ่งหนูเหมือนกัน  ตรงนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกันเอาไว้               เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวญาติ หรือเพื่อน ขอความช่วยเหลือ วิสัยของคนดี คนที่หวังความก้าวหน้าจะต้องเตรียมพร้อมตรงนี้เอาไว้ตลอดเวลา  ว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหายบ่ายหน้ามาแล้ว มาขอความช่วยเหลือแล้ว ต้องไม่ยอมให้กลับมือเปล่า จำคำนี้ไว้ก่อน  ส่วนว่าจะช่วยกันได้มากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่างไม่ได้จริงๆ   ก็ต้องมีค่ารถกลับบ้านได้ ไม่อย่างนั้นมาแล้ว เสียเวลาแล้ว หวังจะได้รับความช่วยเหลือบ้าง กลับไม่ได้อะไรเลย มันก็กระไรอยู่                  อย่างไรก็ตาม การที่จะให้ความช่วยเหลือใคร มากน้อยแค่ไหน อย่างไร  มีหลักพิจารณาอย่างนี้               ๑.  ดูความพร้อม ความรู้ ความสามารถ ดูกำลังของเราว่ามีกำลังจะให้เขาพึ่งได้เท่าไหร่ ตรงนี้ดูก่อน จะช่วยใครก็ได้ …

ถ้ามีญาติหรือเพื่อนมาขอยืมเงินจะทำอย่างไรดี Read More »