หนังสือ ชีวิตสมณะ ๑

เกื้อกูลกัน…จรรโลงธรรม

๙. เกื้อกูลกัน…จรรโลงธรรม เกิดมาชาติหนึ่งชีวิตหนึ่งเราทำได้อย่างเดียว ถ้าคฤหัสถ์ก็ต้องทำมาหากินกันไป จะให้มาศึกษาธรรมะกระทั่งถึงขั้นละเอียดนี่ยาก เพราะฉะนั้นก็ต้องอาศัยผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร เพราะท่านออกบวชแล้ว หมดความจำเป็นในการใช้ชีวิตในเพศคฤหัสถ์ ก็สนับสนุนท่าน ให้ท่านได้ทำความเพียร ท่านก็จะได้เรียนรู้เรื่องพระธรรมคำสอน เรื่องการปฏิบัติธรรม แล้วก็นำความรู้มาถ่ายทอดให้โยมฟัง โยมกลับมาเหนื่อย ๆ จากการงานก็จะได้ฟังธรรม พระฝากท้องไว้กับโยม โยมก็ฝากเรื่องจิตใจไว้กับพระ พระฝากกาย โยมฝากใจ ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างนี้ อย่าไปมองว่า พระเอาเปรียบสังคม เพราะท่านก็ทำประโยชน์ โดยทำหน้าที่เป็นครูสอนศีลธรรม และก็เป็นแบบอย่างที่ดีของคนดีที่โลกต้องการ และเป็นแหล่งแห่งความรู้ แหล่งแห่งเนื้อนาบุญ ที่จะสอนเกี่ยวกับเรื่องความเป็นจริงของชีวิต ต้องแบ่งหน้าที่กันทำ เพราะฉะนั้นใครมองแคบ ๆ ตื้น ๆ ว่า พระเอาเปรียบสังคม เลิกคิดซะ เลิกมองกันอย่างนั้น ให้มองใหม่ พระเป็นพระ ก็ต้องทำแบบพระ โยมเป็นโยม ก็ต้องทำแบบโยม พระเป็นครูสอนศีลธรรมที่ราคาถูกที่สุด ปีหนึ่งก็มีผ้าแค่ ๓ ผืน เปลี่ยนปีละชุด โยมเปลี่ยนวันละชุด อาหารวันละมื้อ บางแห่ง ๒ มื้อ แต่มื้อเช้าเบา มื้อเพลหนัก …

เกื้อกูลกัน…จรรโลงธรรม Read More »

ภิกษุสามเณร คือผู้ให้แสงสว่างแก่โลก

๑๐. ภิกษุสามเณร คือผู้ให้แสงสว่างแก่โลก ชีวิตในสังสารวัฏอันตรายมีภัยมาก ภัยในอบาย เป็นสัตว์นรก โลกันตร์ ในอุสสทนรก ในยมโลก อสุรกาย เปรต สัตว์เดรัจฉาน มีทุกข์มาก ๆ เลย แต่มนุษย์มองเห็นได้แค่ภูมิเดียว คือ ภูมิของสัตว์เดรัจฉาน ภูมิมนุษย์ก็มีความทุกข์ทรมานแบบมนุษย์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นชนชั้นไหนก็ตาม ล้วนแต่มีทุกข์ มีโทษ มีภัยทั้งนั้น มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก ประสบในสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ปรารถนาอะไรไม่ได้อย่างนั้น เป็นต้น แล้วการดำเนินชีวิตก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ มันกะพร่องกะแพร่ง ถ้าไม่รู้เรื่อง อันตราย โลกจะไม่มีวันขาดแคลนมนุษย์ เพราะโลกเป็นเหมือนจุดกลาง มาจากสุคติภพบ้าง ทุคติภพบ้าง หมุนเวียนกันมาเกิดในโลกมนุษย์ แต่ว่าพอมาเกิดใหม่แล้วก็ลืม ระลึกชาติเก่าไม่ได้ว่า ก่อนมาเกิดมาจากไหน ไม่รู้เรื่องเหตุเรื่องผล ทำไมชีวิตประจำวันจึงประสบปัญหา มีสุขมีทุกข์อย่างนี้ เพราะเหตุเพราะผลอะไรก็ไม่รู้ ความไม่รู้นี่แหละเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงสำหรับชีวิต เพราะว่ามีโอกาสดำเนินชีวิตที่ผิดพลาดได้ ผลก็คือไปอบาย ทุกข์ในอบายนี่มันมหาศาลและก็ยาวนาน ชีวิตในเมืองมนุษย์สั้น แต่ในปรโลกนั้นยาวนานมากจนเรานึกไม่ถึง และก็ทุกสิ่งที่เรากระทำ ไม่ว่าทางกาย …

ภิกษุสามเณร คือผู้ให้แสงสว่างแก่โลก Read More »

ถ้าบวชกันหมดทั้งโลก ?

๑๑. ถ้าบวชกันหมดทั้งโลก ? ชีวิตสมณะเป็นชีวิตที่เป็นต้นบุญต้นแบบ เป็นชีวิตที่ใกล้สมบูรณ์ที่สุด เพราะชีวิตจะสมบูรณ์ได้ต้องอยู่ในเพศสมณะ ชีวิตที่ยิ่งเรียบง่าย จะเป็นชีวิตที่มีความผาสุก และทรงพลัง มีความรอบรู้ ถ้าชีวิตซับซ้อนอะไรก็ดูยุ่งเหยิง วุ่นวาย อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระองค์ทรงสละชีวิตที่ซับซ้อนมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ในที่สุดพระองค์ก็ได้เข้าถึงพระนิพพาน เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องกังวล ใจจะเป็นกลาง ๆ สบาย ๆ หากทุกคนมีชีวิตที่เรียบง่าย การปฏิบัติธรรมจะได้ผลดี ใจหยุดนิ่งได้ง่าย มีคนเขาถามว่า “ถ้าเกิดบวชกันทั้งโลกจะว่าอย่างไร” แต่เขาถามแบบประชดประชัน หรือกระแนะกระแหน หรืออะไรก็ไม่ทราบ ก็คงเป็นห่วง ถ้าบวชกันหมดโลกแล้วใครจะใส่บาตร แต่ก็เป็นคำถามที่น่าคิดนะ หลวงพ่อก็เลยถามว่า “ที่ถามมานี่ คุณจะบวชหรือเปล่า ถ้าคุณยังไม่บวชก็แสดงว่า ทั้งโลกยังขาดคนหนึ่ง ถ้าสมมุติว่าบวช ถ้าบวชได้ทั้งโลกนี่แสดงว่า ทุกคนในโลกมีบุญมาก ๆ เพราะที่บวชหมดทั้งภพมีแต่ในพระนิพพาน มีแต่พระเต็มไปหมดเลย ไม่มีอุบาสก อุบาสิกาเลย แต่ในเมืองมนุษย์บวชหมดก็เป็นนิพพานในเมืองมนุษย์ แล้วใครจะใส่บาตร ถ้าเกิดบวชกันทั้งโลก ต้องถือว่าเป็นความอัศจรรย์ของโลก เทวดาก็จะต้องมาใส่บาตร” ตอบเขาไปอย่างนี้ เขาบอก”ไม่เชื่อ” “ไม่เชื่อลองมาบวชสิ” ถามต่ออีกว่า “ถ้าเกิดบวชไปแล้วไม่มีเทวดามาใส่แล้วจะทำทำอย่างไร” “ถ้าไม่มีเทวดามาใส่ …

ถ้าบวชกันหมดทั้งโลก ? Read More »

สมณะ…ผู้สงบนิ่งภายใน

๑๒. สมณะ…ผู้สงบนิ่งภายใน เรื่องของกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องที่เราจะต้องศึกษา เมื่อศึกษาแล้วเราจะพบว่า ทุกการกระทำไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนา ล้วนตกอยู่ในกฎแห่งกรรมทั้งสิ้น เหมือนไฟ ใครจับก็ร้อน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จะเจตนาจับหรือเผลอไปจับก็ร้อน หรือเอาเสี้ยนมาทิ่มเท้า เจตนาทิ่มก็เจ็บ หรือแกว่งเท้าไปหาเสี้ยน ทั้งที่ไม่มีเจตนาก็เจ็บ โดนประตูหนีบมือ จะเด็กหรือผู้ใหญ่ จะชาติไหนก็แล้วแต่เจ็บทั้งนั้น เช่นเดียวกันกฎแห่งกรรมไม่มีละเว้น ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ จะมีเจตนาหรือไม่มีเจตนา จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ทุกการกระทำล้วนมีผลทั้งสิ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมัยที่เป็นพระบรมโพธิสัตว์ พระองค์ทรงระลึกชาติได้ มองเห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นว่าวัฏสงสารไม่มีจุดไหนที่ไม่เสี่ยงต่ออบายเลย ไม่ว่าจะเกิดเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นล่าง ถ้าไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรม อันตรายมาก ๆ ทุกคนเสี่ยงและมีสิทธิ์ไปอบายด้วยกันทั้งนั้น และพระองค์ก็เคยไปอบายมาแล้ว และก็ทรงพ้นจากภัยในสังสารวัฏนั้น ภิกขุ แปลว่า ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร สมณะ แปลว่า ผู้สงบกาย วาจา ใจ คือ พอเห็นภัยแล้วจะมีความสงบ สงบทั้งความคิด คำพูดและการกระทำ ไม่อยากให้เคลื่อนไหวเลย กายอยากจะนิ่ง ๆ ใจอยากจะนิ่ง ๆ ผู้ที่จะพ้นภัยในวัฏสงสาร จะพ้นจากกฎแห่งกรรมได้ จะต้องนิ่ง …

สมณะ…ผู้สงบนิ่งภายใน Read More »

กฎแห่งกรรม…เรื่องที่ทุกคนต้องรู้

๑๓. กฎแห่งกรรม…เรื่องที่ทุกคนต้องรู้ เรื่องกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องที่ใครจะหลีกหนีไม่พ้นเลย ทุกคนในโลก ทุกระดับชั้น ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต พุทธบริษัท ๔ ก็หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น การกระทำทุกการกระทำอะไรก็ตามทั้งที่ลับที่แจ้ง จะมีใครเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม แต่กฎแห่งกรรมเขาเห็นและบันทึกติดเอาไว้ พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง พุทธบริษัท ๔ ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา จะต้องศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมให้ดี แล้วก็ต้องเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เพราะกฎแห่งกรรมมีมายาวนาน เริ่มต้นเมื่อไรไม่มีใครรู้ แม้แต่พุทธญาณ หรือญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มาต่อ ๆ กัน นับพระองค์ไม่ถ้วน ยังหาเบื้องต้นว่าจะสิ้นสุดตรงไหนก็ยังไม่มีใครทราบ เพราะฉะนั้นก็เป็นเครื่องยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ไม่ได้เป็นผู้บัญญัติกฎแห่งกรรม ตลอดแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ไม่มีเว้นกฎแห่งกรรมเลยสักราย เป็นเรื่องที่น่าศึกษาทีเดียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงไปเห็นด้วยพุทธญาณอันบริสุทธิ์ ด้วยบุพเพนิวาสานุสสติญาณ กับจุตูปปาตญาณ เวลาท่านนำชาดกหรือเรื่องราวต่าง ๆ มาสอนพระภิกษุ สามเณร หรือภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ท่านก็ต้องระลึกชาติไปดู แล้วนำมาสอน พระองค์ไปเห็นมาแล้วก็สงสารสัตว์โลก จึงนำมาสั่งสอนสัตว์โลกให้รู้เห็นเรื่องราวเหล่านี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ …

กฎแห่งกรรม…เรื่องที่ทุกคนต้องรู้ Read More »