30 ทุกอย่าง เผลอเป็นเสร็จ! (ตอน ๓)

ทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ (ตอน ๓)
คำถามข้อที่ ๓ หมอปุ้ยรวมถึงตัวลูกที่ส่งเรื่องมา เคยสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะมาอย่างไร

คุณครูไม่ใหญ่
ในพุทธันดรที่ผ่านมา เธอได้เกิดเป็นธิดาหน้าตาดี๋ คือสุดยอดของดี ดี ดี่ ดี้ ดี๊ ดี๋ หรือพูดง่ายๆ ว่า “สวย” อยู่ในครอบครัวคหบดีที่มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย และนับถือพระพุทธศาสนา ครอบครัวของเธอนั้นได้ตั้งอยู่ในเขตหัวเมืองปริมณฑล หรือเมืองที่มีอาณาเขตติดกับเมืองหลวงของแคว้น

เมื่อกาลเวลาผ่านไป จนเธอเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน ถ้าเทียบกับอายุมนุษย์ในยุคปัจจุบันก็ประมาณ ๒๐ ต้น ๆ เธอก็ได้ช่วยดูแลธุรกิจ การงานของครอบครัว ซึ่งเปิดเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่ขายเครื่องอุปโภคบริโภค

ด้วยความที่เธอเกิดอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย อีกทั้งในช่วงที่เธอลงมาเกิดนั้นเป็นช่วงที่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายเริ่มแผ่ขยายออกไปตามเขตหัวเมือง และตามแคว้นต่าง ๆ แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอถูกปลูกฝังให้เป็นคนที่ชอบเข้าวัดทำบุญตั้งแต่เด็ก ๆ

ทุกๆ เช้าเธอจะตื่นมาทำบุญใส่บาตร พร้อมกับครอบครัวอยู่เสมอ ๆ หรือช่วงไหนที่เธอพอมีเวลา เธอก็มักจะหาโอกาสไปทำบุญถวายภัตตาหารที่วัดในละแวกบ้าน เป็นประจำสม่ำเสมอ

ด้วยความที่เธอมีอุปนิสัยชอบทำบุญเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงทำให้เธอปวารณาขอเป็นอุปัฏฐายิกาให้กับพระภิกษุสามเณรในทุก ๆ วัดที่เธอเคยไปทำบุญ

ยามใดก็ตามที่เธอรู้ว่า พระภิกษุสามเณรรูปไหนขาดเหลือสิ่งใดในทุก ๆ วัด หรือกำลังป่วยเป็นอะไร เธอก็จะเป็นเจ้าภาพในการถวายข้าวของเครื่องใช้ที่เหมาะแก่สมณะบริโภค หรือเป็นเจ้าภาพในการออกค่ารักษา พยาบาลให้กับพระภิกษุสามเณรรูปนั้น

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ชอบทำบุญถึง ขนาดปวารณาเป็นอุปัฏฐายิกา ให้กับพระภิกษุสามเณรในทุก ๆ วัด ที่เธอเคยไปทำบุญก็ตาม แต่ด้วยความที่ในช่วงแรก ๆ ที่เธอได้มาเจอกับหมู่คณะใหม่ ๆ เธอยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการฟังธรรมหรือนั่งสมาธิ หรือพูดง่าย ๆ ว่า ชอบทำทานแต่ไม่ชอบนั่งธรรมะ จึงทำให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเป้าหมายชีวิตว่า แท้ที่จริงแล้วเราเกิดมาทำไม เลยยังมีความเข้าใจในเรื่องนี้ไม่มากนัก หรือถ้ามีก็เพียงแค่ความรู้ระดับทั่วไป ประมาณว่าทุกคนควรทำบุญ เพราะทำแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ หรือทำแล้วชีวิต จะมีความสุขสมปรารถนา เป็นต้น คล้าย ๆ กับชาวพุทธในยุคปัจจุบันที่ชอบเข้าวัดทำบุญแบบเธอก็มีอยู่เยอะ คือ ชอบทำบุญทำทาน บอกให้ทำอะไรทำหมด แต่พอบอกให้ไปฟังธรรมหรือให้ไปนั่งสมาธิ ซึ่งถือเป็นบุญละเอียด เป็นบุญสำคัญ และมีกำลังมาก กลับเดินหนี ไม่ค่อยชอบทำกัน

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ระหว่างที่เธอกำลังรอใส่บาตรพระพร้อมกับครอบครัว เหมือนปกติที่เธอเคยทำทุกวัน กลุ่มคณะสงฆ์ก็ได้เดินมาถึงบริเวณหน้าบ้านของเธอ ในขณะที่เธอกำลังหยิบของใส่บาตรอยู่นั้น สายตาก็ได้เหลือบไปเห็นพระภิกษุหนุ่มรูปงามรูปหนึ่งที่ยืนอยู่ท้ายแถว ซึ่งเธอไม่เคยเห็นหน้าพระภิกษุหนุ่มรูปนี้มาก่อนเลย ทั้งๆ ที่เธอก็ไปทำบุญที่วัดเป็นประจำ

ในแวบแรกที่เธอได้เห็นหน้าพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ ด้วยความเกื้อกูลและความผูกพันที่เคยมีให้กันมาข้ามภพข้ามชาติและก็หลายภพหลายชาติ จึงทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยกับพระภิกษุหนุ่มท้ายแถวรูปนี้อย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าเธอเคยเจอหรือรู้จักกับพระภิกษุหนุ่มรูปนี้มาก่อน

เมื่อกลุ่มคณะสงฆ์เดินคล้อยหลังไปแล้ว เธอก็ได้สอบถามข้อมูลจากคนในครอบครัวในทำนองที่ว่า พระภิกษุรูปที่อยู่ท้ายแถวเป็นใคร ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นหน้าท่านมาก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครให้คำตอบกับเธอได้เพราะต่างคนต่างก็ไม่รู้

ด้วยความที่เธอยังคงคาใจในการปรากฏตัวของพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ ในช่วงเพลของวันเดียวกันนั้นเองเธอจึงได้จัดเตรียมภัตตาหารเพลไปถวายแด่คณะพระภิกษุสงฆ์เพื่อที่เธอจะได้ถือเอาโอกาสนี้ไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับพระภิกษุหนุ่มรูปนี้

เมื่อเธอเดินทางไปถึงที่วัด เธอก็ได้กวาดสายตาสำรวจไปรอบ ๆ อาสน์สงฆ์ เพื่อมองหาพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ว่านั่งอยู่ที่ไหน ทันทีที่เธอมองเห็นพระภิกษุหนุ่มรูปนี้นั่งอยู่บริเวณท้ายแถวของอาสน์สงฆ์ เธอก็ได้นำภัตตาหารที่เตรียมมามุ่งตรงไปถวายแด่พระภิกษุหนุ่มรูปนั้นทันที

เมื่อคณะสงฆ์ฉันภัตตาหารและให้พรเสร็จแล้ว เธอก็รีบชิงช่วงในจังหวะนี้ เข้าไปสนทนาในทันที ซึ่งเธอก็ได้รับคำตอบจากพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ในทำนองที่ว่า ตัวท่านเพิ่งออกบวชอยู่ที่วัดมาได้ไม่นาน เพราะครอบครัวของท่านอาศัยอยู่ที่เขตหัวเมืองแห่งนี้ ซึ่งการบวชในครั้งนี้ท่านมีความตั้งใจที่จะออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิต

ภายหลังจากที่เธอได้รู้คำตอบจากพระภิกษุหนุ่มรูปนี้แล้ว ทั้งสองก็ได้สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันต่อไปอีกสักพักหนึ่ง และก่อนที่เธอจะขอตัวกลับบ้าน เธอก็ได้ปวารณาตัวขอเป็นอุปัฏฐายิกา เหมือนอย่างที่เธอเคยปวารณากับพระภิกษุรูปอื่น ๆ ในวัดที่เธอเคยไปทำบุญ เพียงแต่ครั้งนี้จะพิเศษและแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ตรงที่เธอรู้สึกถูกชะตาในตัวพระภิกษุหนุ่มรูปนี้อย่างบอกไม่ถูก ถ้าแค่บรรทัดนี้มันก็จะไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรให้เล่าต่อนะ แต่ทีนี้มันเป็นอย่างนี้สิจ๊ะ ซึ่งพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ก็เกิดความรู้สึกคล้าย ๆ กับเธอเช่นเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ก็เลยเป็นผลทำให้พระภิกษุหนุ่มรู้สึกประทับใจในอัธยาศัยและความ เป็นคนใจบุญของเธอ ไม่เพียงเท่านั้นยังแอบประทับใจในอากัปกิริยา รวมถึงรูปร่างหน้าตาของเธออีกด้วย ถ้าภาษาสมัยนี้ก็อารมณ์ประมาณว่า คนอะไรหน้าตาก็ดี๊ดี อัธยาศัยก็ดี๊ดี อายุก็ยังไม่มาก แล้วแถมยังใจบุญอีกด้วย คือรู้สึกชื่นชมแบบปกติทั่วไป ยังไม่ได้คิดในเชิงชู้สาว

หลังจากนั้นทั้งเธอและพระภิกษุหนุ่มก็มีโอกาสได้พบเจอและสนทนากันอีกหลายครั้ง ซึ่งในทุก ๆ ครั้งที่ได้สนทนากัน ความสนิทสนมคุ้นเคยก็ได้พัฒนาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง พระภิกษุหนุ่มก็ได้เกิดอาพาธกะทันหัน เมื่อเธอทราบข่าวก็รีบมาขอเป็นเจ้าภาพในการดูแลรักษาพยาบาลทันที และที่พิเศษกว่าทุก ๆ ครั้งและทุกๆ เคส ก็คือ ในครั้งนี้เธอได้แวะมาเยี่ยมเยียน และคอยดูแลอาการของพระภิกษุหนุ่มรูปนี้อย่างใกล้ชิด ชนิดที่เรียกว่า เอาใจใส่มากกว่าตอนอุปัฏฐากดูแลพระภิกษุรูปอื่นๆ ทั้งหมด

ด้วยความใกล้ชิดของคนทั้งคู่นี้เป็นเหตุ อีกทั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งคู่ต่างก็มีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันตั้งแต่แรกเจอ เมื่อเป็นเช่นนี้ทั้งคู่จึงเผลอใจปล่อยให้กิเลสได้ช่องเข้าไปทำงานอยู่ภายในใจ พอใจไปเกาะ ไปเกี่ยว ไปเหนี่ยว ไปรั้ง ก็เปิดช่องให้กิเลสได้ช่องไป ทำงานอยู่ภายในใจ

เมื่อกิเลสเข้าไปทำงานอยู่ภายในใจของคนทั้งคู่แล้ว กิเลสซึ่งพญามารสอดมานั้นลักษณะเป็นดวงดำ ๆ ก็ได้ขยายผลโดยเอาเชื้อหรือผังที่ทั้งคู่เคยใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในหลายภพชาติก่อน ๆ โน้น ซึ่งยาวนานมากๆ ให้กลายเป็นภาพที่ติดตรึงอยู่ภายในใจของคนทั้งคู่

กล่าวคือ ถ้าหากย้อนอดีตก่อนพุทธันดร ที่ผ่านมาไปอีกไกลแสนไกลโน้น ก็มีอยู่หลายชาติที่ทั้งเธอและพระภิกษุหนุ่มรูปนี้เคยใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาก่อนตอนเป็นคฤหัสถ์ ดังนั้นเมื่อทั้งคู่ได้มาเจอกันอีกในพุทธันดรที่ผ่านมา ผังแห่งความผูกพันฉันท์คนรักจึงยังพอมีเชื้อให้กิเลสนำมาขยายผลอยู่ภายในใจของคนทั้งคู่ เพียงแต่ว่าของฝ่ายชายหรือฝ่ายพระภิกษุหนุ่มรูปนี้จะเจือจางและเบาบางกว่าของฝ่ายหญิง เพราะโดยส่วนใหญ่ในหลายภพชาติหลัง ๆ ก่อนพุทธันดรที่ผ่านมา ฝ่ายชายหรือพระภิกษุหนุ่มรูปนี้จะตั้งใจสั่งสมเนกขัมมบารมีหรือออกบวชสร้างบารมีมาโดยตลอด และด้วยเหตุที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงส่งผลทำให้ทั้งคู่ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงเผลอใจเกิดมีจิตปฏิพัทธ์ หรือมีจิตที่คิดรักใคร่แบบชายหนุ่มหญิงสาวต่อกัน

จากเรื่องดังกล่าวนี้ สอนให้เรารู้ว่า ทุกอย่าง…เผลอเป็นเสร็จ!

ดังนั้นภายหลังจากที่พระภิกษุหนุ่มรูปนี้หายจากอาการป่วยแล้ว ด้วยความที่พระภิกษุหนุ่มปล่อยให้อำนาจกิเลสซึ่งก็คือความรักและความหลงเข้าครอบงำจิตใจ จึงทำให้ภายในใจของพระภิกษุหนุ่มนึกถึงแต่ภาพของการสึก ออกไปอยู่กินกับหญิงสาว คือทำให้เห็นแต่เพียงภาพดีด้านเดียว ซึ่งก็คือด้านที่พญามารเขาสอดมามีภาพเกิดขึ้นว่า ถ้าตัวเองสึกออกไปแล้ว ชีวิตคู่ของสองเราจะมีแต่ความหวานชื่น และเธอคนนี้จะนำมาซึ่งความสุขอันหอมหวาน สดชื่น เป็นต้น

เมื่อภาพภายในใจวนเวียนแต่เรื่องราว แบบนี้มากเข้า ๆ ความกำหนัดยินดีในกาม ก็เลยคุกรุ่นอยู่ภายในใจ แล้วก็ไปบีบบังคับทำให้พระภิกษุหนุ่มรูปนี้ทนอยู่ในเพศภาวะอันประเสริฐนี้ไม่ไหว เพราะเห็นแต่ภาพสวยหรู ฝัน ๆ เฟื่อง ๆ เพียงด้านเดียว แต่ความจริง สิ่งที่คิดมักจะไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้มักจะไม่ได้คิด

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เอง จึงส่งผลทำให้พระภิกษุหนุ่มละจีวรเพื่อไปหาบังอร ยอม ละทิ้งมโนปณิธานที่จะออกบวชสร้างบารมีตามพระเถระไปจนตลอดชีวิต หรือพูดง่าย ๆ ก็คือตัดสินใจลาสิกขาออกมาขอเธอแต่งงานนั่นเอง ซึ่งเธอก็ได้ตอบตกลงด้วยความเต็มใจ แล้วก็ดีใจ ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวของเธอ ซึ่งก็ถือว่า เป็นครอบครัวที่เข้าวัดกันทั้งบ้านต่างก็ไม่เห็น ด้วยและคัดค้านกับการตัดสินใจของคนทั้งคู่ แต่ด้วยความที่ทั้งคู่ต่างก็ปล่อยให้อารมณ์ อยู่เหนือความถูกต้อง คือต่างก็ปล่อยใจให้ อำนาจกิเลสซึ่งก็คือความรักและความหลง เข้าครอบงำจิตใจ จึงเป็นผลทำให้แม้จะมีเสียง คัดค้านจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัว โดยเฉพาะของฝ่ายหญิง แต่ทั้งคู่ก็ don’t care ไม่สนใจ ยังคงยืนกรานที่จะแต่งงานอยู่กินกัน ฉันท์สามีภรรยาให้ได้

ผลจากการกระทำของทั้งคู่ในครั้งนี้ แม้ดูผิวเผินจะเป็นเรื่องปกติของคนที่ยังไม่หมดกิเลส แต่ถ้าพิจารณากันให้ลึกซึ้งตามหลักกฎแห่งกรรม และแง่มุมของนักสร้างบารมีที่มีเป้าหมายที่จะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่สมควรที่จะกระทำเป็น อย่างยิ่ง เพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อ ชีวิตการสร้างบารมีของคนทั้งคู่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในภพชาติเดียวกันนั้น หรือในภพชาติต่อมา ซึ่งก็คือภพชาติปัจจุบันนี้ แล้วก็อาจจะ ตามส่งผลในภพชาติต่อๆ ไปอีกด้วย

วิบากกรรมฝ่ายหญิง

สำหรับผลกรรมที่ผู้หญิงคนไหนก็ตาม เกิดความคิดจนกระทั่งออกมาเป็นคำพูด แล้วก็ลงมือกระทำจนเป็นเหตุทำให้พระภิกษุรูปหนึ่ง จำต้องสึกออกมาจะมีกำลังมากหรือน้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า
o พระภิกษุรูปนั้นเป็นพระที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบมากน้อยขนาดไหน
o ท่านใช้ระยะเวลาในการออกบวชมายาวนานเท่าใด
o และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ พระภิกษุรูปนั้นมีมโนปณิธานในการบวชเป็นอย่างไร

กรณีแรก ถ้าหากพระภิกษุเป็นพระที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ อีกทั้งมีมโนปณิธานที่จะออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิต แล้วเราเป็นต้นเหตุหรือมีส่วนทำให้พระภิกษุจำต้องสึกออกมา ไม่ว่าด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็จะมีกำลังแรงมาก ๆ เพราะเหมือนเราไปตัดรอนหนทางการสร้างบารมีของท่าน ซึ่งกว่าท่านจะสั่งสมเนกขัมมบารมีจนมีมโนปณิธานแบบนี้ได้ ท่านต้องผ่านความยากลำบาก และใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมีมาอย่างยาวนาน

ไม่เพียงเท่านั้น เรายังเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่มีส่วนทำให้อายุของพระพุทธศาสนาสั้นลงอีกด้วย ซึ่งผลจากการกระทำดังกล่าวนี้ก็จะกลายเป็นกรรมที่มาตัดรอน ทำให้กำลังบุญทุกบุญ บารมี ๑๐ ทัศ ที่ตัวเราเคยสั่งสมเอาไว้อย่างเข้มแข็งด้วยความยากลำบากกว่าจะได้มาในอดีตชาติ อ่อนกำลังลง

นอกจากนี้ถ้าเรามีวิบากกรรมหรือเศษกรรมที่มีกำลังเร็วแรงคอยตามส่งผลอยู่
ผลกรรมดังกล่าวนี้ก็จะไปดึงดูดเอาวิบากกรรม หรือเศษกรรมเหล่านั้นให้ตามมาส่งผลในแบบทันทีทันใดอีกด้วย คือ แทนที่จะส่งผลต่อไปอีกหลาย ๆ ชาติ ก็จะมาส่งผลปุ๊บปั๊บทันทีทันใด

เราจะเห็นได้ว่า ผลของมันน่ากลัวขนาดไหน เพราะฉะนั้นใครรู้แล้วจงอย่าประพฤติ แม้เพียงแค่คิดก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ กว่าจะสร้างบารมีมาได้ยากลำบาก แล้วมาโดนตัดรอนอย่างนี้ มันน่าเสียดาย

กรณีที่ ๒ ถ้าพระภิกษุรูปที่เราเป็นเหตุทำให้ท่านจำต้องสึกออกมา เป็นพระที่ยังไม่มีมโนปณิธานในการบวชสร้างบารมีที่แน่วแน่มั่นคง หรือยังไม่มีความคิดที่จะบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิต แต่ก็เป็นพระที่ตั้งใจบวช ตั้งใจฝึกตัว แล้วก็มีความคิดที่จะบวชต่อไปเรื่อย ๆ โดยยังไม่มีกำหนดสึก ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็ยังถือว่ามีกำลังมาก แต่ก็ไม่มากเท่ากับกรณีแรก

ส่วนว่าส่วนต่างในการส่งผลจะมีกำลังมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการตั้งใจฝึกตัวของพระภิกษุรูปนั้น ๆ ว่า ท่านเป็นพระที่ตั้งใจฝึกตัวมากน้อยแค่ไหน และท่านใช้ระยะเวลาในการบวชมายาวนานเท่าใด ถ้าตั้งใจฝึกตัวมากและบวชมายาวนาน ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็จะมีกำลังมาก แต่ถ้าตั้งใจฝึกตัวมากแต่บวชมาได้ไม่นาน ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็จะมีกำลังลดลงไปตามส่วน

กรณีที่ ๓ ถ้าพระภิกษุรูปนั้นมีความตั้งใจที่จะสึกออกมาอยู่แล้ว หรือตั้งใจที่จะบวชเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น แล้วเราเป็นต้นเหตุทำให้ท่านจำต้องสึกออกมาก่อนกำหนด สมมติตั้งใจบวชสักหนึ่งพรรษา แต่ว่าออกมากลางพรรษา ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็จะขึ้นอยู่กับเจตนาของเราเป็นหลักว่า เรามีเจตนาให้ท่านสึกออกมาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เป็นเพราะเหตุจำเป็น หรือเป็นเพราะความต้องการของตัวเรากันแน่ ถ้าเป็นเพราะเหตุจำเป็นจริง ๆ เช่น มาตามให้สึกเพราะเกิดปัญหาที่เจ้าตัวต้องออกไป
เคลียร์ด้วยตัวของเขาเองเท่านั้น เป็นต้น เราก็จะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในกรรมตรงนี้

แต่ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น แต่เป็นเพราะความต้องการของตัวเราเองอยากให้สึกออกมา ผลกรรมที่เกิดขึ้นก็จะมีกำลังมากในระดับหนึ่ง เพียงแต่กำลังในการส่งผลจะอยู่ในระดับของ เศษกรรม คือ ไม่ได้มีกำลังมากเหมือนอย่าง กรณีที่ ๑ และกรณีที่ ๒ ซึ่งมีกำลังส่งผลอยู่ในระดับของวิบากกรรม

จากที่ครูไม่ใหญ่ยกผลกรรมของฝ่ายหญิงมาทั้งสามกรณี เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่นำมาขยายความให้พวกเราได้ฟังพอเข้าใจเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว ยังมีองค์ประกอบ และมีรายละเอียดปลีกย่อยในการส่งผลของกรรมประเภทนี้อีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งถ้าจะลงรายละเอียดกันอย่างจริง ๆ มันจะยาวมาก แต่ที่แน่ๆ ใครก็ตามที่กำลังมีความคิด หรือกำลังจะลงมือกระทำกรรมในลักษณะแบบนี้ก็ขอให้กลับไปคิดทบทวนใหม่ให้ดี ๆ เพราะไม่เช่นนั้นเราอาจจะเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่มีส่วนทำให้อายุของพระพุทธศาสนาสั้นลง ซึ่งผลกรรมที่เราจะได้รับมันไม่คุ้มกัน

เราจะเห็นได้ว่า เรื่องราวของกฎแห่งกรรม เราจะละเลยหรือไม่ศึกษาไม่ได้ และถ้าเราจะสรุปผลกรรมดังกล่าวนี้ในพุทธันดรที่ผ่านมา ที่เธอดูเหมือนจะเป็นผู้เริ่มต้นในการสาน สายสัมพันธ์ที่เกินเลยก่อน คือเป็นฝ่ายที่พยายามเข้าไปทำความใกล้ชิดสนิทสนมจนเป็นเหตุทำให้พระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมมีความตั้งใจอยากที่จะสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาด้วยการออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิต ต้องเปลี่ยนเป้าหมายในการออกบวชสร้างบารมีด้วยการสึกออกมาครองเรือน ก็ถือว่าเข้าข่ายในกรณีแรก

เพียงแต่ผลกรรมที่เกิดขึ้นอาจจะไม่เข้มข้น มากถึงขนาดให้ผลเน็ต ๆ แบบเต็มร้อย ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าพระภิกษุรูปนี้เพิ่งออกบวชมาได้ไม่นาน ดังนั้นระดับความเข้มข้นในการส่งผลของกรรมก็จะหย่อนลงมาตามส่วน

ถึงแม้กำลังจะหย่อนลงมา แต่ก็ยังถือว่าเป็นกรรมที่มีกำลังมากอยู่ดี คือไม่ถึงระดับเฮฟวี่เวท (heavyweight) แต่อยู่ระหว่างแบนตั้มเวท (bantamweight) และด้วยผลจากการกระทำดังกล่าวนี้ ก็ได้ถูกเซตจนกลายเป็นกรรมที่มาตัดรอน ทำให้กำลังบุญที่เธอเคยสั่งสมเอาไว้ด้วยความยากลำบากในอดีตชาติอ่อนกำลังลง ทำให้อะไรที่เธอควรจะได้ ก็อาจจะไม่ได้ หรือถ้าได้ก็ต้องใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็นเป็นต้น เช่น ควรจะรวยพรุ่งนี้ ก็อาจจะยืดไปเป็น ๒๐ ปีข้างหน้า คือใช้เวลามากกว่า

ในขณะเดียวกัน กรรมดังกล่าวก็จะคอยหาจังหวะหรือหาช่องไปดึงดูดเอาวิบากกรรมหรือเศษกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำเอาไว้มาเข้าพวกคือ บุญก็จะดึงเรื่องบุญเข้ามา บาปก็จะดึงเรื่องบาปมา เหมือนฝูงนกเข้าฝูงนก ฝูงเนื้อเข้าฝูงเนื้อ ฝูงปลาเข้าฝูงปลา จะคอยหาจังหวะหาช่องเพื่อไปดึงดูดเอาวิบากกรรม หรือเศษกรรมต่างๆ ที่เธอเคยทำผิดทำพลาดเอาไว้ในอดีตชาติซึ่งมีกำลังที่แรงที่สุดให้มาส่งผลเร็วขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน แล้วยิ่งเราเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน แล้วยังเป็นบ่าวเป็นทาสพญามารอยู่ เขาสอดอย่างนี้มาเรื่อย ๆ เลย กิเลสกรรม วิบากกรรมมากบ้างน้อยบ้าง ส่วนของกรรมบ้าง เศษของกรรมบ้างซึ่งมันกระจัดกระจายบ้าง แล้วเขาจะรวบรวมเอามาประมวลส่งผลอย่างนี้

ซึ่งกว่าเราจะได้บารมีมาแต่ละอย่างต้องยากลำบาก ต้องใช้เวลายาวนาน เอาแค่บารมีที่เราไปต้อนรับพระธุดงค์กว่าจะได้วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี หรือบารมี
อื่น ๆ จะเห็นได้ว่าเราต้องทุ่มเทหัวใจกันขนาดไหน ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ต้องตากแดดจนผิวเข้มข้นขึ้น และอะไรต่างๆ อีกเยอะแยะ เป็นต้น

ดังนั้นเมื่อเธอลงมาเกิดสร้างบารมีในภพชาติปัจจุบันนี้ ผลกรรมที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้พระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมมีความตั้งใจอยากออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิต ต้องสึกออกมาครองเรือน ก็ได้ตามมาส่งผลและหาช่องเข้ามาตัดรอนตั้งแต่ตอนเธอลงมาเกิดแล้ว คือ ทำให้รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติของเธอสมบูรณ์น้อยกว่าในภพชาติที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งความจริงแล้วจะต้องสมบูรณ์กว่านี้ จะต้องมีรูปงามกว่านี้ แข็งแรงกว่านี้ อายุยืนกว่านี้ รวยกว่านี้ เฉลียวฉลาดกว่านี้ เป็นต้น มันก็เลยทอนลงมา

นอกจากนั้นในช่วงเบื้องกลางของชีวิต วิบากกรรมดังกล่าวก็ได้ไปดึงดูดเอาวิบากกรรมปาณาติบาตในภพชาติก่อน ๆ ที่มีกำลังเร็วแรง ซึ่งก็คือภพชาติที่เธอเป็นหมอรักษาโรค แล้ววินิจฉัยโรคคนไข้แบบผ่าน ๆ จนเป็นเหตุทำให้คนไข้รายนั้นซึ่งจริง ๆ แล้วยังมีสิทธิ์ิรอด กลับต้องมาเสียชีวิตโดยไม่ได้เจตนา ให้มาส่งผลแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งก็เป็นผลทำให้เธอต้องล้มป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ที่จริงวัยของเธออย่างน้อยควร ๘๓ แต่นี่แค่ ๓๘ ก็ต้องมาละโลกก่อนวัยอันควรด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบริเวณปอดอย่างในภพชาติปัจจุบันนี้

เพราะฉะนั้น เรายังไม่ชนะพญามาร เราจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท และการศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องสำคัญ เราจะต้องศึกษาเอาไว้ให้ดี จะได้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ปิดอบาย ไปสวรรค์ มีสุขในปัจจุบัน และก็ดับทุกข์ได้ ซึ่งมีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น

วิบากกรรมฝ่ายชาย

ก่อนที่เราจะลงรายละเอียดในส่วนของวิบากกรรมฝ่ายชายหรือของพระภิกษุหนุ่มที่ลาสิกขาออกมา เราคงต้องมาเฉลยกันก่อนว่า ฝ่ายชายหรือพระภิกษุหนุ่มในพุทธันดรที่ผ่านมาเป็นใคร เพราะถ้าหากเราไม่เฉลยในตอนนี้เดี๋ยวเรื่องราวในบางช่วงจะต่อกันไม่ติด

ฝ่ายชายหรือฝ่ายพระภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็คือ ตัวลูกที่ส่งเคสมาในภพชาติปัจจุบันนี้ หรือพระพ่อของลูกชายทั้งสองคนในภพชาติปัจจุบันนั่นเอง

มาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขาอยากจะฟังต่อไหม แต่ถึงอย่างไรครูไม่ใหญ่ว่า ก็ควรจะต้องฟังนะ เพราะรายละเอียดในส่วนนี้จะมีบางส่วนที่เชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับคำถามที่ตัวลูกถามมาว่า ตัวลูกมีผังบวชอย่างไรและจะทำอย่างไรถึงจะได้ติดตามสร้างบารมีกับหมู่คณะอย่างไม่ตกหล่น ก็ไปด้วยกันก็แค่นั้น ติดต่อ ติดตาม ตามติด ไม่ตกหล่นก็จบแล้ว เพราะฉะนั้นครูไม่ใหญ่เลยขอเอาคำตอบของคำถามข้อนี้มากล่าวรวมกับรายละเอียดที่กำลังจะพูดถึงเลยก็แล้วกัน

ในส่วนของฝ่ายชาย หรือฝ่ายของพระภิกษุซึ่งก็คือตัวลูกในปัจจุบันนี้ ด้วยความที่ตัวลูก ในพุทธันดรที่ผ่านมาได้ตั้งมโนปณิธานก่อนออกบวชเอาไว้ว่า ตัวลูกจะออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิต แต่สุดท้ายเมื่อตัวลูกได้มาเจอ กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ลูกรู้สึกถูกใจไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา อากัปกิริยามารยาท อีกทั้งคำพูดของเธอ แล้วเธอยังมาเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่มาคอยดูแลเอาใจใส่ตัวลูกเป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุดก็คือเธอมีใจให้กับตัวลูกก่อน ซึ่งการที่เธอมีใจให้ตัวลูกก่อน มันบ่มีปัญหา แต่ว่าตัวลูกก็เผลอไปมีใจให้กับเธอด้วย เรื่องนี้สอนให้รู้ ว่า ทุกอย่าง…เผลอเป็นเสร็จ!

ดังนั้นเมื่อความไม่สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ได้เกิดขึ้นกับพระภิกษุที่ตั้งใจบวช แต่เพิ่งบวชได้ไม่นาน “สติ” ซึ่งถือ เป็นเครื่องยับยั้งว่า อะไรที่พระควรคิด อะไรที่พระควรพูด และอะไรที่พระควรทำ ก็เลยพลอยหย่อนลงไปด้วย เพราะใจไปเกาะ ไปเกี่ยว ไปเหนี่ยว ไปรั้งในสิ่งเหล่านั้น และเมื่อตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมาเผลอใจ ไม่ตรวจดูใจดูจิตของตัว ปล่อยให้พญามารสอดกิเลสมาปรุงแต่งในจิต จนกระทั่งไปบังคับความคิด คำพูด การกระทำ เซตเป็นโปรแกรมวิบากกรรมไปเลย

เมื่อตัวลูกเผลอใจ ย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำในเรื่องราวแบบนี้มากเข้า ๆ เลยเป็นเหตุทำให้ตัวลูกทนอยู่ในเพศภาวะอันประเสริฐนี้ไม่ไหว ถ้าภาษาชาวบ้าน ก็คือเกิดอาการผ้าเหลืองร้อน ซึ่งจริง ๆ แล้วผ้าเหลืองก็ไม่ได้ร้อน แต่ที่ร้อนก็คือใจของผู้ห่มผ้าเหลืองมากกว่า ผลสุดท้ายเมื่อตัวลูกปล่อยใจให้อำนาจกิเลสซึ่งก็คือความรัก ความหลงเข้าครอบงำจิตใจ ตัวลูกก็เลยตัดสินใจลาสิกขาออกมาครองเรือนในที่สุด ก็ต้องออกมาสร้างบ้านสร้างเรือน มีครอบมีครัว ถูกครัวครอบไว้และมีปัญหาต่าง ๆ อีกเยอะแยะ

ที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พระลูกชายควรจะรับฟังเอาไว้นะ

“ช่องไหนไหนก็ไม่สู้ช่องกลางกาย
ปิดอบายดับทุกข์ได้ไปนิพพาน”

ซึ่งผลกรรมหรือผลของการกระทำที่ตัวลูก เผลอใจปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความถูกต้องดีงามและมโนปณิธานในครั้งนี้ ก็ได้ถูกเซตจนกลายเป็นผังสำเร็จที่จะคอยติดตามส่งผลต่อตัวลูกนับตั้งแต่วันที่ตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมา ตัดสินใจลาสิกขา โดยกรรมดังกล่าวจะคอยมาตัดรอนกำลังบุญทุก ๆ บุญ ตัดรอนกำลังบารมี ทุก ๆ บารมี ทั้งบารมี ๑๐ ทัศ ๒๐ ทัศ แล้วก็ ๓๐ ทัศ ที่ตัวลูกเคยสั่งสมเอาไว้ด้วยความยากลำบากในอดีตชาติให้อ่อนกำลังลง

กว่าจะสร้างบุญบารมีกันมาได้ลำบากนะ จะแพ้ชนะกันตรงที่มีบารมีนี่แหละ ถ้าบารมี ๓๐ ทัศ เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ก็เอาชนะผังของพญามารได้ หลุดพ้นจากภพ ๓ ได้ แต่ถ้าจะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น ต้องอีกหลายๆ สิบทัศ เพราะฉะนั้นถ้าถูกตัดกำลังด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง มันก็จะอ่อนกำลังลงไปเรื่อย เพราะกว่าบุญจะกลั่นเป็นบารมี บารมีจะกลั่นไปเป็นรัศมี รัศมีกลั่นไปเป็นกำลัง เป็นฤทธิ์ เป็นอำนาจ เป็นสิทธิ เป็นเฉียบขาด ที่จะไปสู้กับเขา จะกลั่นเป็นชั้น ๆ ๆ เข้าไปอย่างนี้ ถ้าถูกตัดรอนไปด้วย วิบากบาปศักดิ์สิทธิ์ของพญามาร เขาเข้าไปบังคับได้มันก็อ่อนกำลังลงไป ซึ่งก็จะเป็นผลทำให้รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติของตัวลูกมีความสมบูรณ์น้อยกว่าที่ตัวลูกควรจะได้รับ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ได้พูดถึงวิชชาเลย พูดแค่รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ เรื่องวิชชายังไม่ได้พูด แต่ก็ถูกตัดรอนไปเรื่อย ถูกปิดบังไปด้วย

กล่าวคือ แทนที่ตัวลูกจะสมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็กลับกลายเป็นถอยหลัง หรือพูดง่าย ๆ ว่าแทนที่จะอยู่หัวแถวก็ต้องมาอยู่หางแถว และถ้าเกิดเป็นหางที่ไม่ค่อยกระดิก มันยิ่งหนักเข้าไปอีก และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตัวลูกก็จะต้องมาสั่งสมบุญสร้างบารมีเพิ่มเติมกันใหม่อีก ซึ่งมันน่าเสียดาย

เมื่อบุญที่ตัวลูกได้สั่งสมเอาไว้อ่อนกำลังลง วิบากกรรมรวมถึงเศษกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำผิดทำพลาดเอาไว้ในอดีตชาติ ซึ่งมันจ้องจะส่งผลต่อตัวลูกตลอดเวลาอยู่แล้ว เหมือนกับที่จ้องทุก ๆ คนในโลกตลอดเวลา ก็อาจจะได้ช่องตามมาส่งผลในช่วงจังหวะนี้ ถ้ามันมีช่อง

ด้วยเหตุที่ฝ่ายพระภิกษุหรือตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมาไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นก่อน กรรมดังกล่าวจึงแค่เข้ามาตัดรอนกำลังบุญให้อ่อนกำลังลง คือแค่เปิดช่องทางให้วิบากกรรมหรือเศษกรรมทำงานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ไม่ถึงกับไปดึงดูดเอาวิบากกรรมหรือ เศษกรรมเก่า ๆ ในอดีตชาติที่มีเยอะแยะมา ขยายผลเหมือนของฝ่ายหญิง

แต่ถ้าเมื่อไรที่พระภิกษุเป็นผู้เริ่มต้นก่อน คือ เป็นคนคิด พูด แล้วก็ลงมือกระทำก่อน ผลกรรมที่เกิดขึ้นในฐานะเป็นผู้เริ่มต้นก็จะหนักกว่าของฝ่ายหญิงมาก อย่าลืมว่าเราเป็นพระ บุญบาปอะไรก็ตามที่เราทำ มันจะมีกำลังมากกว่าโยมมากๆ

นอกจากมันจะตัดรอนกำลังบุญทุก ๆ บุญที่ตัวลูกเคยสั่งสมเอาไว้ด้วยความยากลำบาก ในอดีตชาติแล้ว ตราบใดที่กรรมดังกล่าวยังมีกำลังส่งผล มันก็จะเข้ามาตัดรอนและส่ง ผลต่อการบรรลุธรรมของตัวลูกทั้งในภพชาติปัจจุบันนี้ และในภพชาติต่อ ๆ ไปด้วย กล่าวคือแทนที่บุญจากการบำเพ็ญเนกขัมมบารมีมา อย่างยาวนานในอดีตชาติจะส่งผลทำให้ตัวลูกเป็นพวก สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา หรือปฏิบัติธรรมได้สะดวก บรรลุธรรมได้เร็ว แค่ฟังธรรมก็บรรลุ ก็กลับกลายเป็นพวก ทุกขา ปฏิปทา ทันธาภิญญา หรือปฏิบัติลำบาก และบรรลุธรรมได้ช้าอย่างนี้เป็นต้น เหมือนต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันมากมาย ต้องลำบากมาก ๆ จึงจะบรรลุ

และที่สำคัญ ยังทำให้การไปถึงเป้าหมายของชีวิตนักบวช นั่นคือการบรรลุมรรคผลนิพพานของตัวลูก ถูกยืดเวลาออกไปอีก ยาวนานอีกด้วย คือผังนี้มันจะเซตโปรแกรมขวางไปตลอดเลย

เท่านั้นยังไม่พอ ผลกรรมดังกล่าวยังไปตัดรอนผังบวชของตัวลูก ซึ่งแต่เดิมก็เริ่มที่จะหนาแน่นแล้วให้ลดปริมาณความเข้มข้น และหนาแน่นลงอย่างที่ควรจะเป็น คือไม่อยากจะบอกว่า มันฮวบลงมาเลยนะจ๊ะ คือ จากเดิมที่ผังมันต่อกันถี่ ๆ พอกรรมดังกล่าวมาตัดรอน ผังบวชของลูกจากถี่ ๆ มันก็เลย กลายเป็นถ่าง ๆ ออกไป เพราะในหลายภพ ชาติหลัง ๆ ก่อนหน้าจะถึงพุทธันดรที่ผ่านมา ตัวลูกก็ได้สั่งสมผังบวชด้วยการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี หรือออกบวชเป็นพระจนตลอดชีวิตมา หลายภพหลายชาติแล้วเหมือนกัน เห็นไหมว่า มันน่าเสียดาย

ดังนั้นเมื่อผังบวชไม่หนาแน่น เส้นทางการบวชในภพชาติปัจจุบันและในภพชาติต่อ ๆ ไปของตัวลูกก็อาจจะไม่ราบรื่น หรืออาจจะเจอกับอุปสรรค ทั้งจากเรื่องคน สัตว์ สิ่งของเป็นต้น ที่พร้อมจะดึงใจให้ตัวลูกจำต้องออกห่างจากเส้นทางของการบวชสร้างบารมีไปเรื่อย ๆ ก็จะไปเจอคนบ้าง สัตว์บ้าง สิ่งของบ้าง ดินอากาศฟ้าบ้าง หรือเรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัดที่จะดึงใจให้ออกห่างจากเส้นทางการบวชสร้างบารมีไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันอันตรายสำหรับชีวิตในสังสารวัฏ

และถ้าในอนาคต ไม่ว่าจะในภพชาติปัจจุบันนี้ หรือในภพชาติต่อ ๆ ไป ถ้าตัวลูกเผลอใจพลาดพลั้งไปกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวนี้ซ้ำรอยเดิมอีก ผลกรรมดังกล่าวซึ่งมันคอยจ้องจะตัดรอนผังบวช รวมถึงตัดรอนกำลังบุญทุกบุญที่ตัวลูกเคยสั่งสมเอาไว้อยู่ตลอดเวลาก็จะทับทวีความเข้มข้นมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกมาก และถ้าเมื่อไรที่มันมีกำลังมาก ๆ มันก็จะส่งผลทำให้ตัวลูกมีโอกาสที่จะหลุดจากเส้นทางการบวชสร้างบารมี

และที่เลวร้ายที่สุด มันก็อาจจะทำให้ตัวลูกหลุดหรือพลัดพรากจากเส้นทางการสร้างบารมีกับหมู่คณะไปเลยก็ได้ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตัวลูกก็อาจจะพลาดพลั้งไปกระทำบาปอกุศล ซึ่งจะส่งผลทำให้ตัวลูกอาจพลัดตกลงไปในอบายได้ซึ่งมันอันตราย เพราะฉะนั้นทราบแล้วจงระวัง

อย่างในภพชาติปัจจุบันนี้ ด้วยผลแห่งการกระทำดังกล่าว ก็เลยส่งผลทำให้แทนที่ตัวลูกจะได้ออกบวชตั้งแต่วัยหนุ่มเหมือนอย่างในภพชาติที่ผ่าน ๆ มา ตัวลูกก็เลยต้องผ่านการแต่งงาน มีครอบครัว แล้วก็มีลูกก่อนที่จะออกบวช คือถ้าเป็นรถ ตัวถังก็บุบบู้บี้ไปแล้ว พอออกบวชแล้วตัวลูกก็ต้องต่อสู้กับอำนาจกิเลสที่มันยังคงมีอยู่ภายในใจ อีกทั้งยังต้องต่อสู้กับความคิด คำพูด แล้วก็การกระทำทั้งของตัวเองและคนรอบข้างที่อาจจะบั่นทอนกำลังใจ และทำให้ตัวลูกเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย หรือรู้สึกน้อยอกน้อยใจ จนเป็นเหตุทำให้ตัวลูกจำต้องหลุดจากเพศภาวะของความเป็นพระ คือ พอผังมันอ่อนแอลงมามันก็มีโอกาสที่จะเป็นอย่างนี้ได้ หรือบางทีลูกอาจจะต้องเจอกับเรื่องราวหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มาบีบคั้น บีบบังคับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องคน หรือเรื่องอะไรก็ตาม ที่มาบีบบังคับ

สมมติถ้าสร้างบารมีอยู่เขตใน เรื่องที่มาบีบบังคับ เช่น เรื่องงานบ้าง เรื่องคนโน้นคนนี้บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันอาจจะทำให้ตัวลูกเกิดฮึดฮัดหุนหันพลันแล่นจนต้องสึกออกไปด้วยเหตุผลที่สวยงาม ทั้ง ๆ ที่ภายในใจลึก ๆ ก็ไม่อยากที่จะสึกออกไป แต่มันจะมีสิ่งเหล่านี้นิด ๆ หน่อย ๆ ทำให้ผังที่มันอ่อนแออยู่แล้วถูกพญามารสอดจึ้กขึ้นมา ทำให้เกิดหุนหันพลันแล่นฉุบฉับไปเลยอย่างนี้นะ

เพราะฉะนั้น ถ้าตัวลูกอยากที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดที่เคยทำไว้ในพุทธันดรที่ผ่านมา และอยากทำผังบวชของตัวเองให้หนาแน่นมากกว่านี้ ตัวลูกจะต้องทำอย่างนี้ คือ

๑. เรื่องผิดพลาดในอดีตลืมให้หมด นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

๒. ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรม พยายามทำ จิตให้นิ่ง ไม่เกาะ ไม่เกี่ยว ไม่เหนี่ยว ไม่รั้งใน เรื่องราวต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องราวทางโลก อย่างเช่น สตรี สตางค์ สรรเสริญ เป็นต้น ด้วยการทำตนให้เป็นพระแท้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทั้ง เรื่องความคิด คำพูด และการกระทำ เพื่อที่จะได้รับอานิสงส์จากการเป็นเนื้อนาบุญของโลก รวมถึงการเป็นอายุของพระศาสนา เป็นต้นบุญต้นแบบในการสร้างบารมีให้แก่ผู้ที่จะมาในภายหลัง ทั้งแก่เหล่ามนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

๓. และถ้าจะให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง การสร้างบารมีตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม ตัวลูกจะต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ ตรงนี้เป็นหัวเลี้ยว หัวต่อสาคัญมาก ๆ เลย ต้องเป็นพระเป็นให้ได้ พระเป็นต้องเห็นพระธรรมกาย ถ้าพระตาย ยังมองพระธรรมกายไม่เห็น ต้องมีธรรมเป็น เครื่องอยู่เป็นสุข คือ เป็นเครื่องอยู่ของใจที่อยู่ ตรงนั้นแล้วเป็นสุข ตั้งแต่เข้าถึงดวงธรรม กระทั่ง เข้าถึงพระธรรมกายในตัว เข้าถึงแล้วก็ต้องมาศึกษาวิชชาธรรมกายต่อ เพื่อตัวลูกจะได้ไปเก็บผังที่เคยทำผิดพลาดเอาไว้ในอดีต เห็นผังแล้วก็เห็นวิธีการแก้ไข ถ้าไม่มีพระธรรมกาย ก็ไม่มีธรรมจักขุ ไม่มีญาณทัสสนะ จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา แสงสว่างก็ไม่มี ไม่มีก็ไม่เห็น ไม่เห็น แล้วจะไปแก้ไขไม่ได้ มันไม่มีทางเลือกอื่นใดเลย จะต้องหยุดใจให้ได้ หยุดเป็นตัวสำเร็จ ซึ่งข้อนี้สำคัญที่สุดเลย

๔. ตัวลูกจะต้องมีมโนปณิธานอันแน่วแน่ที่จะสร้างบารมีอยู่ในเพศภาวะอันประเสริฐนี้ไปจนตลอดชีวิต ซึ่งข้อนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก ๆ เช่นเดียวกัน

ถ้านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตัวลูกทำได้อย่างนี้เป็นอย่างน้อย ครูไม่ใหญ่ก็เชื่อว่า ผังบวชของลูกจากที่เริ่มจะหลวม ๆ ก็จะกลับมาหนาแน่นแล้วก็หนาแน่นขึ้นไปเรื่อย ๆ คือเราจะซ้อนผังบวชให้แน่นขึ้นไป จนกระทั่งพญามารระเบิดไม่แตก เมื่อไรก็ตามที่ลูกสามารถทำผังการบวชให้ติดสนิทแน่นต่อ ๆ กันไป จนกลายเป็นผังสำเร็จที่ไม่มีช่องว่างอยู่ที่ศูนย์กลางกาย เมื่อนั้นตัวลูกก็จะได้ออกบวชสร้างบารมีไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม

จากเรื่องราวความผิดพลาดของตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมา สอนให้รู้ว่า ลูกพระ ลูกเณรของครูไม่ใหญ่ทุก ๆ รูป ไม่ว่าจะอยู่นอกหรือในประเทศทั่วโลกจงพึงสำรวมระวัง และจงอย่าดูเบาหลักในการปฏิบัติที่พระภิกษุพึงควรปฏิบัติต่อมาตุคามหรือสตรีเพศ ตาม หลักที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาเอาไว้ เพราะเรายังไม่ชนะพญามาร คือ

๑. การที่ภิกษุไม่มองดูสตรีเพศเลยนั้นเป็นการดี
๒. แต่ถ้าจำเป็นต้องดู จงพึงอย่าพูดหรือสนทนาด้วย
๓. ถ้าจำเป็นต้องสนทนาจริง ๆ จงพึงตั้งสติและควบคุมสติเอาไว้ให้ดี และสำคัญเรื่อง ที่ควรจะพูด ไม่ใช่จากบาลีเป็นบาหลี อย่างนั้นไม่ใช่นะ จะพูดภาษาบาลี พูดไปพูดมา กลายเป็นบาหลี อย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด จงอย่าให้ความกำหนัดยินดี หรือความหลงใหล หรือพูดง่าย ๆ ว่ากิเลส อย่าให้พญามารได้ช่องสอดกิเลสเข้ามาครอบงำจิตใจของเราได้

และจากหลักปฏิบัติทั้งสามข้อ หลักสองข้อแรกดูจะทำได้ยากในยุคปัจจุบันนี้เพราะภารกิจที่หมู่คณะของเราจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายให้แผ่ขยาย ออกไปทั่วโลก เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอกับผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ถือว่าเป็นกำลังหลักของการสนับสนุนอัน ยิ่งใหญ่ก็คือ “ผู้หญิง”

เพราะฉะนั้น ถ้าเราหลีกเลี่ยงที่จะเจอและสนทนากับญาติโยมที่เป็นผู้หญิงไม่ได้ ลูกพระ ลูกเณรทุก ๆ รูปที่รักทั้งหลาย จงพึงให้ความสำคัญกับหลักปฏิบัติข้อที่ ๓ ให้จงหนัก คือ พึงตั้งสติและควบคุมสติเอาไว้ให้ดี อย่าให้พญามารสอดเข้าไปถึงในระดับปรุงแต่งจิตลงไปในใจให้รักชอบหรือรักชัง

ถ้าอายตนะกระทบได้แต่ไม่กระเทือน คือ ตากระทบรูปต้องไม่กระเทือนถึงใจ ไม่ให้ความยินดียินร้ายเข้ามาปรุงแต่งจิตอยู่ในใจของเราและจงระลึกเอาไว้เสมอว่า บัดนี้เรามีเพศต่าง จากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ หรือพูดง่าย ๆ ว่าเราต้องมีสมณสัญญา หรือมีจิตวิญญาณของความเป็นพระอยู่เสมอ

หายใจเข้า เราเป็นพระ
หายใจออก เราเป็นพระ
หายใจทั้งเข้าทั้งออก เราเป็นพระ
กลั้นหายใจ เราเป็นพระ

การที่เราจะเป็นพระแท้ได้อย่างสมบูรณ์นั้น เราจะต้องเข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกภายในซึ่งก็คือพระธรรมกายนั่นเอง เน้นย้ำอีกทีว่า
พระเป็นจะเห็นพระธรรมกาย
ถ้าพระตายจะมองพระธรรมกายไม่เห็น

ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ อุปกรณ์สื่อสารอย่างมือถือหรืออุปกรณ์จำพวกตระกูลไอทั้งหลาย แม้จะนำมาใช้ประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายได้ก็จริง แต่ลูก ๆ ทั้ง หลายก็ต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่างระมัดระวัง และใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์

จิตใจก็ต้องคู่ไปกับไฮเทค คือ จิตใจต้องสูงส่ง นั่นคือใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการ สั่งสมบุญสร้างบารมี ไม่ใช่ใช้เพื่อการสร้างบาปหรือบั่นทอนบารมีของเรา

ดังนั้นถ้าลูกพระลูกเณรรูปไหนมีความจำเป็นต้องโทรคุยธุระกับอุบาสิกาหรือ ญาติโยมที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นกำลังหลักในการสนับสนุน ลูกทุก ๆ รูปจงคุยอย่างมีสติและมีสมณสัญญา หรือมีจิตวิญญาณของความเป็นพระอยู่เสมอ เวลาคุยก็อย่าคุยนาน คือ คุยให้ตรงประเด็น อย่าแตกประเด็น เพราะถ้าเราแตกประเด็นพูดนอกเรื่องเมื่อไร เราก็อาจจะเปิดช่องให้พญามารสอดความกำหนัดยินดีหรือความหลงใหลเข้ามาครอบงำจิตใจของเราได้

ลูก ๆ ทุก ๆ รูปที่รักทั้งหลาย จงอย่าลืมว่าเรายังไม่ชนะพญามาร เพราะฉะนั้นเราจะประมาทไม่ได้

ทุกอย่าง…เผลอเป็นเสร็จ!

หรือเวลาที่เราต้องประสานงานหรือทำภารกิจงานหยาบของหมู่คณะ ซึ่งแน่นอนว่า เราจะหลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับอุบาสิกาหรือญาติโยมที่เป็นผู้หญิงที่เป็นกำลังหลักนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นในเมื่อเราเป็นพระ เราก็ต้องมีระยะห่างและวางตัวให้เหมาะสม คือเข้าใกล้ได้ แต่อย่าชิด

ถ้าหากมีอะไรมากระทบก็อย่าให้มันมากระเทือนต่อความเป็นพระของเรา เช่น ตาของเราเผลอไปกระทบรูปที่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา กิริยาท่าทางอะไรต่าง ๆ ก็ให้เราพึงสำรวมอินทรีย์ หมั่นรักษาจิตของเราให้บริสุทธิ์ และพึงตรึกระลึกถึงสมณสัญญาเอาไว้เสมอว่า เราเป็นพระ เราเป็นพระ เราเป็นพระ มีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว เพื่อที่สิ่งที่มากระทบจะได้ไม่มากระเทือนถึงใจของเรา เป็นต้น

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะมีเหตุจำเป็นขนาดไหนก็ตาม ห้ามเราอยู่ในที่ลับหูลับตา หรืออยู่กันตามลำพังกับอุบาสิกาหรือญาติโยมที่เป็นผู้หญิงกันสองต่อสอง เพราะในตอนนี้เรายังไม่ชนะเขา พญามารจะคอยหาช่องโอกาสที่จะนำเอากิเลสเข้ามาปรุงแต่งอยู่ภายในใจของเราตลอดเวลา และถ้าอยู่กันตามลำพัง เขาจะเอากิเลสมาปรุงแต่งในใจของเราได้ง่าย

เพราะฉะนั้น ลูกพระลูกเณรรูปใดที่กำลังเผลอใจ คิด พูด หรือกำลังกระทำกรรมในลักษณะดังกล่าวนี้อยู่ ลูกที่รักทั้งหลายจงพึง ระวังและจงมีสติยับยั้งชั่งใจ โดยให้หวนกลับมาระลึกนึกถึงมโนปณิธานในการออกบวช สร้างบารมีนับตั้งแต่วันแรกที่เราออกบวชหรือได้มาเจอกับหมู่คณะ อย่าลืมว่าเราต้องอยู่หัวแถว ไม่ใช่อยู่หางแถว อยู่หางแถวแล้วหาง ก็ไม่กระดิกแล้วยิ่งไปกันใหญ่

ดังนั้น ลูกพระลูกเณรทุก ๆ รูป จงจำ คำนี้ให้ขึ้นใจว่า
ทุกอย่าง…เผลอเป็นเสร็จ!

ภายหลังจากที่พระภิกษุหนุ่มรูปนี้ ซึ่งก็คือตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมาตัดสินใจลาสิกขาสึกออกมาแต่งงานกับเธอแล้ว ข่าวการสึกออกมาแต่งงานของพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ ก็ได้เซ็งแซ่แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อสาธุชนที่เข้าวัดทราบข่าวดังกล่าวหลาย ๆ คนต่างก็รับไม่ได้กับการกระทำของคนทั้งคู่ ที่เป็นเช่นนี้เพราะในยุคสมัยนั้นผู้คนโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในศีลในธรรม คือใจเขาจะเกลี้ยง ๆ ใส ๆ ไม่ค่อยมีสิ่งปนเปื้อนหรือมีมลทินของใจ ดังนั้นเรื่องราวในทำนองนี้ ซึ่งก็คือเรื่องที่พระสึกออกมาแต่งงานกับ เจ้าภาพที่คอยอุปัฏฐากดูแลจึงไม่ค่อยมีให้เห็นกันบ่อย ๆ เหมือนอย่างในยุคปัจจุบันนี้ ในยุคที่มนุษย์ห่างจากศีลธรรม เสื่อมกันไปทั้งโลกเลย

ด้วยเหตุที่ทั้งคู่ถูกคนรอบข้าง ทั้งคนในครอบครัวของทั้งสองฝ่าย และกลุ่มสาธุชนที่เข้าวัดกดดัน ก็เลยเป็นผลทำให้ทั้งคู่พยายามเก็บตัวและแยกตัวออกมาอยู่กันตามลำพัง และจากจุดนี้เองที่ทำให้ทั้งคู่เริ่มออกห่างจากการไปร่วมกิจกรรมงานบุญที่วัดใหม่ รวมถึงวัดสาขาของพระเถระที่ตั้งอยู่ภายในเมืองของตนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ด้วยบุพกรรมที่ตัวเธอและตัวลูกแยกตัว ออกห่างจากการสร้างบารมีกับหมู่คณะในช่วงเวลาดังกล่าวนี้นั่นเอง จึงส่งผลทำให้ในภพชาติปัจจุบันนี้ กว่าที่เธอและตัวลูกจะได้มาเจอกับหมู่คณะก็ใช้เวลาล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น

เมื่อกาลเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปอีกสักพักใหญ่ ๆ เธอและตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมาก็ได้ มีลูกชายด้วยกัน ๒ คน ซึ่งลูกชายทั้งสองคน ในพุทธันดรที่ผ่านมาก็เป็นชุดเดียวกับลูกชายทั้งสองคนในภพชาติปัจจุบันนี้

ในระหว่างที่กระแสเรื่องที่ตัวลูกลาสิกขาสึกออกมาแต่งงานกับเธอเริ่มซาลง เพื่อนสนิทสุดเลิฟของเธอ ซึ่งก็คือพี่สาวที่แสนดีของเธอในภพชาติปัจจุบันนี้ ก็ได้สวมหัวใจของยอดกัลยาณมิตร เข้ามาชักชวนและคอยประคับประคองให้ทั้งเธอและตัวลูกได้มีโอกาสกลับมาสั่งสมบุญสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะอีกครั้งหนึ่ง

เห็นไหมจ๊ะว่า โลกขาดกัลยาณมิตรไม่ได้ คือไม่ว่าพี่สาวที่แสนดีของเธอคนนี้จะมาเกิดอยู่ในสถานะอะไร จะเกิดเป็นพี่สาวของเธอในภพชาติปัจจุบันนี้ หรือเกิดเป็นเพื่อนสนิทสุดเลิฟของเธอในพุทธันดรที่ผ่านมา หรือในภพชาติก่อน ๆ โน้น พี่หรือเพื่อนที่แสนดีของเธอคนนี้ก็จะมาคอยช่วยประคับประคองและคอยยืนอยู่เคียงข้างในเวลาที่เธอเดินหลงทาง หรือในยามที่เธอไม่มีใครอยู่เสมอ ๆ ในยามว้าเหว่ เคว้งคว้าง ก็จะมายืนเคียงข้าง และด้วยความเกื้อกูลที่ทั้งคู่ต่างมีให้ต่อกันมาข้ามภพข้ามชาตินี้เอง จึงทำให้พี่หรือเพื่อนที่แสนดีของเธอคนนี้รู้ตัวว่า เธอเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นั่นก็คือเกิดมาเป็นเพื่อนและเป็นพี่ที่ช่วยประคับประคองในการสร้างบารมีของเธอนั่นเอง

ด้วยความที่เธอและตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมา ต่างก็มีหัวใจของยอดนักสร้างบารมีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงทำให้ภายหลังจากที่เธอ และตัวลูกได้กลับมาสั่งสมบุญสร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะอีกครั้งหนึ่ง ลูกทั้งสองก็ยิ่งมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ประมาณว่า ต่างคนต่างก็อยากจะลบล้างความรู้สึกไม่ดีที่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในใจให้หมดไป

ภายหลังจากที่ตัวลูกได้กลับมาสั่งสมบุญสร้างบารมีที่วัดใหม่และวัดสาขาที่ตนเองเคยออกบวชเป็นพระแล้ว ความรู้สึกอยากบวชเป็นพระหรือสมณสัญญาที่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในใจก็ได้หวนกลับมาทำให้ตัวลูกนึกถึงตอนสมัยที่ตนเองเคยออกบวชเป็นพระในช่วงวัยหนุ่ม เพราะหลังจากที่ได้สึกออกมาครองเรือนและ ใช้ชีวิตแบบคฤหัสถ์อยู่หลายปี ในช่วงหลัง ๆ ของการใช้ชีวิตคู่ ตัวลูกก็ได้พบกับสัจธรรมในการใช้ชีวิตการครองเรือนด้วยตัวของลูกเองว่า ชีวิตการครองเรือนนั้นมันไม่ได้มีความสุข หรือมีความหวานชื่นตลอดเวลา เหมือนอย่างที่ตัวลูกเคยคิดเอาไว้ หรือพูดง่าย ๆ ว่า สุขน้อยแต่ทุกข์มาก และพอยิ่งอยู่นาน ๆ ไป ตัวลูกก็ยิ่งรู้สึกว่า มันไม่ใช่ชีวิตในแบบที่ลูกต้องการ แล้ว มันก็ไม่ใช่เส้นทางที่ทำให้ตัวลูกได้พบเจอกับความสุขที่แท้จริง เพราะมันเป็นเพียงแค่ความ เพลินที่ยังเจือทุกข์อยู่มากเท่านั้นเอง มีเพลินกับเพลียแล้วก็ผล็อยนี่นะ

เมื่อตัวลูกในพุทธันดรที่ผ่านมาเข้าถึงสัจธรรมของการครองเรือนทั้งทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเช่นนั้นแล้ว อีกทั้งในช่วงหลัง ๆ ความรู้สึกอยากบวชเป็นพระก็ได้ทับทวีท่วมท้นเพิ่มมากขึ้น จนเป็นความรู้สึกที่จุกแน่นอยู่ภายในอก

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้เอง ตัวลูกจึงตัดสินใจ นำเรื่องราวทั้งหมดนี้ไประบายพร้อมกับหารือ ในเรื่องที่ตัวลูกอยากจะกลับไปบวชอีกครั้งหนึ่งให้เธอฟัง ในระหว่างที่เธอกำลังฟังความรู้สึกและความในใจของตัวลูกอยู่นั้น ภาพที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้ตัวลูกซึ่งแต่เดิมเป็นพระภิกษุที่มีความตั้งใจอยากจะออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิตต้องลาสิกขาออกมาแต่งงานกับเธอ ก็ได้ย้อนกลับมาฉายเป็นภาพในมโนความคิดที่ทำให้เธอรู้สึกกินแหนงแคลงใจตัวเอง

เมื่อภาพดังกล่าวได้ย้อนเข้ามาวนเวียนอยู่ภายในใจของเธอซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ เธอจึงรู้สึกละอาย ในการกระทำที่ผ่านมาของเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะแก้ไขข้อผิดพลาด ที่ตัวเธอเองเป็นผู้เริ่มต้น แต่จะว่าไปจริง ๆ มันก็ทั้งคู่นั่นแหละนะ ด้วยการตัดใจสละบุคคล อันเป็นที่รักให้กับพระพุทธศาสนา พร้อมกับอนุมัติและอนุโมทนาที่ตัวลูกจะกลับไปบวชสร้างบารมีอีกครั้งหนึ่ง ที่จริงก็ถือว่าเธอเป็นคนที่แสนดีนะ

ภายหลังจากที่ตัวลูก ซึ่งในตอนนั้นได้เข้าสู่ช่วงมัชฌิมวัยได้กลับมาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดสาขาที่ตัวลูกเคยบวชอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตัวลูกก็ได้ตั้งใจฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ และกระทำตนเป็นพระแท้ยิ่งกว่าตอนที่ตัวลูกออกบวชในช่วงวัยหนุ่มเสียอีก

ผลจากการบวชของตัวลูกในครั้งนี้ ก็ทำให้เธอได้มีโอกาสเข้าวัด ฟังธรรม แล้วก็ได้นั่งสมาธิมากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่าน ๆ มา คือถ้าเราจำเรื่องราวในช่วงก่อนหน้านี้ได้ ตอนเธอเข้าวัดใหม่ ๆ เธอจะเป็นคนที่ชอบทำทาน แต่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการฟังธรรมและนั่งสมาธิ ในช่วงหลังเมื่อเธอได้ฟังธรรมและได้ นั่งสมาธิมากเข้า เธอจึงเริ่มเข้าใจเรื่องเป้าหมายของชีวิต และเห็นความสำคัญของการสั่งสมบุญสร้างบารมีเพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมนับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา คือพื้นฐานใจก็เป็นคนดีมาก

นอกจากนั้น ผลจากการที่ตัวลูกออกบวชยังทำให้ลูกชายทั้งสองคนในพุทธันดรที่ผ่านมา มีความใกล้ชิดกับวัดกับพระและคำสอนในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กอีกด้วย และด้วยความที่ลูกชายทั้งสองคนถูกพระพ่อ รวมถึงผู้เป็นแม่ปลูกฝังคำสอนใน พระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กนี้เอง จึงส่งผลทำให้เมื่อพวกเขาเริ่มโตเป็นวัยรุ่น พวกเขาจึงรู้สึกอยากออกบวชสร้างบารมีตามอย่างพระพ่อ ส่วนผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ประการใด ซ้ำยังกลับอนุโมทนาและสนับสนุนให้ลูกชายทั้งสองคนออกบวชสร้างบารมีตามอย่างพระพ่อแบบสุดตัวสุดหัวใจอีกด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าในภพชาติปัจจุบันนี้ ลูกชายทั้งสองคนจะยังคงมีความรู้สึกอย่างนั้นอยู่หรือเปล่า มันก็นานแล้ว มันก็ลืมเหมือนกันนะแต่ความรู้สึกนั้นสามารถหวนคืนมาได้

สาเหตุที่เธอสนับสนุนให้ลูกชายทั้งสองคนออกบวชตามอย่างพระพ่ออย่างสุดตัวนั้น ก็เพราะในตอนนั้นเธอได้เข้าใจเรื่องเป้าหมายของชีวิตอย่างถ่องแท้แล้วว่า มนุษย์ทุกคนล้วน เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นั่นก็คือการสั่งสมบุญสร้าง บารมีเพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เธอสามารถทำให้คนที่เธอรักสั่งสมบุญสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่ เธอก็จะพยายามทำในสิ่งนั้น ๆ อย่างเต็มกำลัง พอเธอเข้าใจแล้วนี่ ดีมากเลยนะจ๊ะ

ภายหลังจากคนที่เธอรัก ซึ่งก็คือตัวลูกเองและลูกชายทั้งสองคนในพุทธันดรที่ผ่านมา ออกบวชกันหมดแล้ว เธอก็เลยรู้สึกคลายความกังวลในภาระทางโลก เพราะเธอไม่ต้องมาคอยดูแลสามีและลูก ๆ ให้เหนื่อยเหมือนกับชาวโลกทั่ว ๆ ไป และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็เลยมีโอกาสได้มาสั่งสมบุญและก็ได้ร่วมปฏิบัติธรรมที่วัดสาขาแห่งนั้นอยู่เป็นประจำทุกวันเลย

ยามใดที่วัดใหม่ของพระเถระผู้สืบทอดวิชชาต่อจากพระมหาเถระจัดงานบุญในวาระสาคัญๆ เธอก็จะเดินทางไปแสวงบุญที่วัดใหม่พร้อมกับคณะสงฆ์ที่ประจำอยู่ที่วัดสาขาแห่งนั้นอย่างสม่ำเสมอ หรืออย่างในเวลาที่เธอมาสั่งสมบุญที่วัดสาขา ซึ่งเป็นวัดที่ตัวลูกและลูกชายทั้งสองคนของเธอบวชอยู่ เธอก็จะมาคอยอุปัฏฐากดูแลพระภิกษุสามเณรทุก ๆ รูปในวัดสาขาแห่งนั้น ด้วยความปลื้มปีติเบิกบานใจทุกครั้ง

ยามใดที่เธอรู้ว่า พระภิกษุสามเณรรูปไหนขาดเหลือสิ่งใด เธอก็จะรับบุญในการจัดหาข้าวของเครื่องใช้ที่เหมาะแก่สมณบริโภคมาถวายให้แก่พระภิกษุสามเณรที่ประจำอยู่ที่วัดสาขาแห่งนั้น อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย หรือถ้าเธอทราบว่า มีพระภิกษุสามเณรรูปไหนเจ็บป่วยไข้หรือไม่สบาย เธอก็จะรับบุญเป็นเจ้าภาพในการออกค่ารักษาหรือหาหมอมาดูแลอาการ

พูดได้ว่า ตั้งแต่คนที่เธอรักออกบวช เธอก็ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง และทำอย่างตลอดต่อเนื่องมากกว่าในช่วงที่ผ่านๆ มาเสียอีก

จวบจนกระทั่งอายุของเธอเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ถ้าเทียบกับอายุมนุษย์ในยุคปัจจุบันก็ประมาณ ๔๐ ต้น ๆ ด้วยผลกรรมที่เธอเป็นผู้เริ่มต้นทำให้ตัวลูกซึ่งเคยบวชเป็นพระภิกษุที่มีความตั้งใจว่า จะออกบวชสร้างบารมีไปจนตลอดชีวิตต้องสึกออกมาแต่งงานกับเธอ ก็ได้ไปดึงดูดและเปิดช่องให้วิบากกรรมปาณาติบาตในภพชาติก่อนหน้านี้ถัดไปอีก ๒ ชาติ ซึ่งก็คือภพชาติที่เธอเป็นหมอรักษาโรค แล้ววินิจฉัยโรคคนไข้แบบผ่าน ๆ จนเป็นเหตุทำให้คนไข้ต้องมาเสียชีวิตโดยไม่เจตนาให้ตามมาส่งผล จนทำให้เธอต้องป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือด ซึ่งถือเป็นโรคที่รักษาไม่หายในยุคสมัยนั้น

เมื่อเธอรู้ตัวว่า ตัวเองป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เธอก็ยิ่งทุ่มเทให้กับการสั่งสมบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลัง แล้วก็ทำมากยิ่งกว่าในช่วงที่สภาพร่างกายของเธอเป็นปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุญจากการเจริญภาวนา เธอได้ตั้งใจนั่งสมาธิจนเธอสามารถเห็นดวงธรรมที่ใสสว่างติดแน่นอยู่ที่ศูนย์กลางกาย และเมื่อถึงวันลมหายใจสุดท้ายของเธอหมดลง ด้วยผลแห่งบุญที่เธอได้ตั้งใจสั่งสมเอาไว้อย่าง เต็มที่เต็มกำลัง เธอจึงได้กลับไปแวะพักกลางทางที่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตเสบียง เหมือนอย่างในภพชาติปัจจุบันนี้

ภายหลังจากที่เธอเสียชีวิตแล้ว ตัวลูกเองและลูกชายทั้งสองก็ได้เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ได้ทำหน้าที่ประกาศธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็เผยแผ่วิชชาธรรมกายไปสู่ดวงใจของชาวโลกในยุคนั้น ดีจัง ดีทั้งบ้านเลย ต้นคดปลายตรงนะ

นอกจากจะทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะไปสู่ดวงใจของชาวโลกในยุคนั้นแล้ว ตัวลูกและลูกชายทั้งสองยังตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมจนมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดี สามารถ เข้าถึงพระธรรมกาย และสร้างบารมีในเพศภาวะอันประเสริฐนี้จวบจนตลอดชีวิต เมื่อถึงคราวที่จะละจากโลก ตัวลูกและลูกชายทั้งสองในพุทธันดรที่ผ่านมาก็สามารถกลับ ไปแวะพักกลางทางที่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษได้อย่างสมภาคภูมิ

พุทธันดรที่ผ่านมา หมู่คณะเราใหญ่กว่านี้เยอะนะ หลายเท่าเลย เพราะยุคนั้นโลกทั้งโลกมีศีลธรรมมากกว่าในยุคนี้ มนุษย์ในยุคนี้เสื่อมจากศีลธรรมลงไปเยอะ อย่างที่เรานึกไม่ถึงเลย

๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://www.dhamma01.com/book/17
ต้นฉบับ หนังสือ ที่นี่มีคำตอบ ๗

กลับสู่
สารบัญ หนังสือที่นี่มีคำตอบ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *