นั่งสมาธิแล้วเป็นบ้าจริงหรือ

สาธุชน :

บางคนไม่กล้านั่งสมาธิ
เพราะกลัวว่าจะเป็นบ้าครับ

หลวงพ่อ :

ปัจจุบันนี้ที่ละเลยเรื่องการปฏิบัติ เพราะกลัวว่านั่ง
แล้วจะเป็นบ้าบ้าง ที่นั่งแล้วเป็นบ้าไม่ใช่อะไร แต่เพราะคนบ้า
มานั่ง หรือประเภทมีเชื้อบ้าอยู่ก่อนแล้ว ตอนที่เชื้อยังไม่กำเริบ
ยังไม่สำแดงออกก็ดูปกติ พอสำแดงออกมาตอนนั่งสมาธิก็เลยเหมา
ว่า นั่งสมาธิแล้วเป็นบ้า ที่จริงมีเชื้อมาก่อนแล้ว
หรือบางคนนั่งแล้วไปเห็นภาพต่าง ๆ ตอนที่จิตยังไม่
บริสุทธิ์ ยังหยุดนิ่งไม่สนิท เห็นภาพที่เก็บสั่งสมไว้ในจิต มันฉาย
มาเป็นนิมิตหลอน เห็นโน่น เห็นนี่ เป็นภาพที่น่ากลัวบ้าง ออกมา
กลัว แล้วก็ไปเล่ากันต่อ ๆ ว่า ระวังนะ นั่งแล้วจะเห็นนั่น เห็นนี่
เห็นภาพที่น่ากลัว คนที่ไม่ได้นั่ง ได้ยินได้ฟังเข้า ก็กลัวตามไปด้วย
ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้นั่งเลย ซึ่งถ้าจิตบริสุทธิ์จริง ๆ เห็นพวกนี้จะเฉย ๆ
ก็เหมือนเห็นมนุษย์ธรรมดา ๆ อย่างนี้ แต่รูปร่างพิกลพิการกว่า
เล็กน้อยบางประการอย่างมากมาย แต่อารมณ์ที่จะไปเห็นอย่างนี้
ใจต้องใส ต้องนิ่ง ไม่มีความกลัวอยู่ แต่อารมณ์ที่ยังมีความกลัวอยู่
แสดงว่าจิตยังไม่บริสุทธิ์ ยังเป็นนิมิตเลื่อนลอย ยังไม่ใช่ของจริง
บางแห่งก็เหมาว่า นิมิตทั้งหมดเป็นนิมิตเลื่อนลอย ไม่
ควรยึดติด อย่าไปติดนิมิต ที่จริงนิมิตจริงก็มี นิมิตเลื่อนลอยก็มี
เหมือนเราลืมตามอง ก็ยังเคยเห็นของลวงเป็นของจริงก็มี นี่ก็
เช่นเดียวกัน แต่แทนที่จะเป็นตามนุษย์ กลับเป็นอีกตาหนึ่ง แต่ถ้า
ถึงธรรมจักขุก็จะเห็นอะไรไปตามความเป็นจริง
หรือบางทีเขานั่งสมาธิแล้วหมดอายุขัยพอดี นั่งตายขึ้นมา
ก็เหมาว่า ระวังนะ นั่งสมาธิเดี๋ยวตาย นั่งแล้วไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น
ฟื้นไม่มี ก็เลยเกิดความกลัวขึ้นมา แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าหมดอายุขัย
ไม่นั่งก็ตาย นอนก็ตาย ยืนก็ตาย เดินหรือวิ่งหกคะเมนตีลังกา
ก็ตายหมด
ความจริงแล้วสมาธิเป็นสิ่งควรทำ หลวงพ่อเสียดายวันเวลา
ของแต่ละคนที่ปล่อยให้ผ่านไปเปล่า ๆ ทั้งที่ใจร่ำร้องอยากหา
ความสุข แต่การดำเนินชีวิตของตัวไปแสวงหาความทุกข์ทั้งสิ้น
เพราะไม่รู้ว่า สุขที่แท้จริงมีลักษณะอย่างไร อยู่ตรงไหน จะเข้าถึงได้
อย่างไร ความสุขมีอารมณ์อย่างไร มีอาการอย่างไร ยังไม่รู้กันเลย
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงผ่านมาหมดแล้ว จึงได้สรุปรวมว่า
นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นนอกจากใจหยุดใจนิ่งไม่มี
เสียดายขี้เกียจนั่งสมาธิกัน ไม่รู้ว่าขี้เกียจไปทำไม ซึ่งนั่ง
มันดี มันสบาย ไม่ต้องคิดอะไรเลย แค่นั่งเฉย ๆ แค่นั้นเอง แค่นี้
ทำไม่ได้ แล้วจะไปช่วยอะไรได้
นั่งเสียเถิดประเสริฐนัก เพราะที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงมี
พระรัตนตรัยเท่านั้น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๓ อย่างนี้
เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของตัวเราและของสรรพสัตว์สรรพสิ่ง
ทั้งหลาย
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา
คำตอบคุณครูไม่ใหญ่ เล่ม ๑
https://www.dhamma01.com/book/48
๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *