วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก อันดับแรกเพื่อตัวเราก่อน

วิธีนั่งสมาธิ จากหนังสือ ง่ายแต่ลึก ๒ บทที่ ๒๕ อันดับแรกเพื่อตัวเราก่อน

เพียรให้มั่นเถิดไซร้ สายกลาง
ลูกน่ะมาถูกทาง แน่แท้
แม้ดึกจวบฟ้าสาง ก็สู้
ทำดั่งนี้ดีแล้ อย่าได้สงสัย
ตะวันธรรม

       ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ พอ
สบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ตั้งแต่ใบหน้า
ศีรษะ ทั้งเนื้อทั้งตัวกระทั่งถึงปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ให้ผ่อนคลาย
ให้หมด อย่าให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเราเกร็ง ตึง หรือ
เครียด แล้วก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่
๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้อง ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
       ให้หยุดใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ สบายๆ แล้วก็นึกถึงบริกรรม
นิมิต เป็นเครื่องผูกใจเรา ไม่ให้ซัดส่ายไปที่อื่น แล้วก็นึกถึง
พุทธปฏิมากร พระแก้วขาวใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรที่เจียระไน
แล้วแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ในกลางกาย หรือใครคุ้น
กับนึกถึงดวงใสๆ หรือพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ อยู่ที่กลาง
กายก็ได้ หรือจะไม่นึกอะไรเลย อยากเอาใจหยุดนิ่งเฉยๆ ที่
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่างเดียวก็ได้
       คือจะนึกเป็นภาพ หรือไม่นึกเป็นภาพก็ได้ วัตถุประสงค์
เพื่อต้องการให้ใจมาหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้
เพราะตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน เป็นทางหลุด
ทางพ้นจากกิเลสอาสวะ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ทั้ง
หลายได้เริ่มต้นที่ตรงนี้ เป็นสถานที่เดียวที่ปลอดภัยจากภัยใน
อบาย ภัยในวัฏฏะ ภัยแห่งความทุกข์ทรมานของชีวิต และเป็น
ที่เดียวที่เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขที่แท้จริงที่เราแสวงหา
และเป็นที่ที่เราควรเอาใจมาผูกพันไว้ที่ตรงนี้
       เมื่อเราไม่อาจหลีกเลี่ยงการผูกพัน หรือเครื่องพันธนาการ
ของชีวิตได้ เราก็ต้องผูกพันอย่างบัณฑิตนักปราชญ์ คือมีความ
รอบรู้ว่า ควรผูกพันกับสิ่งใด ที่จะทำให้ดับทุกข์และเข้าถึงความ
สุขที่แท้จริงของชีวิตได้
       ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราได้ผูกพันกับสิ่งภายนอกตัว จะ
เป็นคน สัตว์ สิ่งของ ตำแหน่งหน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง
แม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ เราก็เคย
ผูกพันกันมาแล้ว และเราก็พบว่าสิ่งเหล่านั้นก็ยังไม่ทำให้เราเกิด
ความพึงพอใจอันสูงสุด เพราะไม่ช้าเราก็เบื่อ และแม้เบื่อก็ไม่รู้
จะทำอย่างไรที่จะให้หลุดออกจากตรงนั้นได้ ก็ต้องทนอยู่แบบ
แกนๆ กันไปอย่างนั้น เพราะฉะนั้นในกาลเวลาที่ผ่านมา เรา
ได้เคยผูกพันกันมาแล้ว และพอถึงวันนี้เราก็รู้แล้วว่า มันก็งั้นๆ
แหละ ไม่เกิดประโยชน์อันใด ตรงกันข้ามหากเราผูกพันกับ
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้จะให้ความพึงพอใจอย่างสูงสุด
กับเรา อย่างที่ไม่มีสิ่งใดจะให้ได้
       จากประสบการณ์ของผู้ที่หยุดใจได้ที่ศูนย์กลางกายฐาน
ที่ ๗ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ ต่างก็
ไม่เคยรู้จักและไม่เคยเจอกันเลย แต่เมื่อใจหยุดนิ่งอยู่ภายใน
แล้วประสบการณ์ภายในสากลก็เกิดขึ้น ถ้อยคำสากลก็เกิดขึ้น
เหมือนก๊อปปี้ลอกเลียนแบบกันมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยเจอะเจอ
กันมาก่อน ไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวกันมาก่อน
       นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า เราก็สามารถที่จะมีประสบการณ์
สากลตรงนี้ได้ แล้วก็ยืนยันว่าสิ่งนี้มีจริง แล้วก็ดีจริง ควรที่เรา
จะให้โอกาสตัวเองมาทำใจหยุดใจนิ่งที่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อ
เรารู้ว่าสิ่งนี้คือ สิ่งที่ควรแสวงหา เราก็มาแสวงหาให้ถูกที่ใช้วัน
เวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ เพื่อการนี้ให้มากๆ สม่ำเสมอ
ควบคู่ไปกับภารกิจในชีวิตประจำวัน ให้สองอย่างนี้ดำเนินไป
ด้วยกัน โดยเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
       ถ้าเราฝึกใจให้หยุดนิ่ง ได้เข้าถึงแหล่งแห่งความโล่ง โปร่ง
เบา สบาย มีความสุข เห็นแสงสว่าง ดวงธรรม กายภายใน หรือ
องค์พระแล้ว ความสุขที่เป็นพื้นฐานของใจที่ติดเรามา เหมือน
เราเอาตัวจุ่มลงไปในน้ำ น้ำก็ติดกายเรามาก็ยังความชุ่มชื่นให้
กายใจเราเกิดขึ้นได้ เมื่อใจมีพื้นฐานแห่งความสุขนี้ เราจะคิด
จะพูดหรือจะทำธุรกิจการงานอันใดก็ราบรื่น ไม่มีอะไรมาเป็น
อุปสรรคของชีวิต แม้ยังไม่สมหวังทันที แต่ความรู้สึกว่าผิด
หวังมันไม่มี เพราะเราไม่ได้คาดหวังอะไร ก็ดำเนินชีวิตไปบน
พื้นฐานใจที่มีความสุขเป็นปกติ ดวงปัญญาก็จะเกิดขึ้นมาพอ
เหมาะกับปัญหาที่มี แล้วก็ค่อยๆ แก้ไขกันไป คลี่คลายกันไป
เราก็จะดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ด้วยความผาสุก
       อีกทั้งจะเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีสำหรับเพื่อนมนุษย์ ที่
เกิดมาแสวงหาเช่นเดียวกับเรา เราจะยังประโยชน์ตนและ
ประโยชน์ผู้อื่นให้เกิดขึ้นได้ ในการพบปะกับเพื่อนมนุษย์ใน
แต่ละครั้ง สิ่งที่ควรคิด ควรพูดและควรกระทำก็จะบังเกิดขึ้น
และเมื่อมีการขยายจากเราไปสู่เพื่อนมนุษย์แล้วก็ขยายกันต่อๆ
กันไป สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ เมื่อสันติสุขภายในของ
แต่ละคนขยายมาเป็นสันติภาพภายนอก
       เพราะฉะนั้น สิ่งที่ลูกทุกคนได้ให้โอกาสตัวเองปฏิบัติธรรม
ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ วันอาทิตย์มารวมกัน
อย่างนี้ก็ถูกต้อง เป็นการใช้เวลาอย่างมีคุณค่าที่สุด
       ตอนนี้เราก็รวมใจให้หยุดนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ แล้วอย่าไป
กังวลว่า มันจะมืดจะสว่าง สิ่งที่เราต้องทำ คือฝึกใจให้หยุดนิ่ง
หน้าที่เรามีเพียงแค่นี้ เนื่องจาก หยุดเป็นตัวสำเร็จ ที่จะทำให้
เราเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา และพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ
ท่านอบรมสั่งสอนแล้วก็ยืนยันว่า “หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่
เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์”
       ก็ถือว่าเป็นบุญลาภของเราที่ได้ยินถ้อยคำนี้ เพราะเราไม่
ต้องเสียเวลาไปค้นคว้า ซึ่งไม่แน่ว่าบารมีขนาดเราจะค้นพบไหม
แต่บารมีธรรมขนาดพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ท่านค้นพบ แม้
มีบารมีเต็มเปี่ยม ก็ยังต้องสละชีวิตเพื่อแสวงหาสิ่งนี้ ท่านค้น
พบแล้ว แล้วก็มีมหากรุณาเดินตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ก็นำความรู้นี้มาแบ่งปันกัน
       เรามีบุญมากที่ได้ยินได้ฟังถ้อยคำนี้แล้ว ส่วนวาสนาขึ้น
อยู่กับเราได้ทำตามคำสอนของท่านไหม ถ้าเราศึกษาเข้าใจ
เรียนรู้แล้วก็นำมาปฏิบัติ ก็จะได้บรรลุธรรมตามที่ท่านได้บรรลุ
       ที่ท่านบอกว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่เบื้องต้นจนกระทั่ง
เป็นพระอรหันต์ ก็แปลว่า เราไม่ต้องทำอะไรที่นอกเหนือจากนี้
หยุดใจนิ่งอย่างเดียว พอถูกส่วนก็จะเห็นไปตามลำดับ
       การฝึกสมาธิหรือฝึกใจให้หยุดนิ่งนี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ล้าสมัย
ไม่ใช่หัวโบราณ ไม่ใช่ผูกขาดเฉพาะนักบวช แต่ว่าเป็นปกติที่
เป็นของสากลที่ทุกคนทำได้และต้องทำด้วย เพราะฉะนั้นฝึก
ใจให้หยุดนิ่งๆ นะลูกนะ
       ประสบการณ์อะไรเกิดขึ้นมา ก็ให้พึงพอใจในทุกๆ
ประสบการณ์มืด เราก็เป็นมิตรกับความมืด เห็นแสงสว่างภายใน
ก็ไม่ลิงโลดใจ ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป ให้ทำใจนิ่งเฉยๆ ประดุจผู้
เจนโลกที่เห็นปรากฏการณ์ของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น
ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไปเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีลาภ-เสื่อม
ลาภ มียศ-เสื่อมยศ มีคนสรรเสริญ-มีคนนินทา มีสุข-มีทุกข์
อะไรอย่างนี้เป็นต้น
       ประสบการณ์ภายใน ก็คือโลกภายใน เมื่อมีมืดก็มีสว่าง
หน้าที่ของเราคือหยุดนิ่งเฉยๆ เป็นผู้เฝ้าดูอย่างผู้ที่เต็มเปี่ยม
ไปด้วยสติปัญญาเหมือนผู้เจนโลกดังกล่าวนั่นแหละ ดูไปเรื่อยๆ
นี่คือวิธีเร่งรัดที่เร็วที่สุด ไม่มีวิธีใดที่จะง่าย ตรง ลัด ประหยัดสุด
ประโยชน์สูงได้ถึงขนาดนี้ เพราะคำว่า หยุดเป็นตัวสำเร็จ ตั้งแต่
เบื้องต้นจนกระทั่งเป็นพระอรหันต์ คำนี้แหละ จะเป็นกุญแจไข
ไปสู่แสงสว่างของชีวิต ไปสู่ชีวิตในระดับที่เราเกิดความพึงพอใจ
สูงสุด จะปีติและภาคภูมิใจ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระ
พุทธศาสนา ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้
ไตร่ตรองด้วยสติปัญญา แล้วนำมาปฏิบัติด้วยตัวของตัวเอง
       แล้วเราจะอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งว่า ปรากฏการณ์ภายในที่
บังเกิดขึ้น เมื่อเราหลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย แล้วแสงสว่าง
ภายในบังเกิดขึ้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เหนือกว่าความมหัศจรรย์
ใดๆ ในโลกนี้ว่า จากการมองผ่านแสงสว่างไปอย่างง่ายๆ
สบายๆ โดยไม่คิดอะไรเลย จะทำให้เราพบแหล่งกำเนิดแห่ง
แสงสว่างที่เป็นดวงใสๆ คล้ายดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งกำเนิด
ของแสงแดดหรือแสงสว่างภายนอก
       ความสว่างภายในจะแตกต่างจากความสว่างภายนอก ที่
นุ่มเนียนละมนุตาละมนุใจ แล้วก็สว่างจนกระทั่งไม่ทราบว่าจะ
ไปเปรียบเทียบกับแสงสว่างใดๆ และความใสบริสุทธิ์ของดวง
ธรรมที่ปรากฏเกิดขึ้นในกลางกายฐานที่ ๗ นี้ ก็นำมาซึ่งความ
บริสุทธิ์ของใจ ซึ่งเราจะรู้สึกได้ด้วยตัวของเราเองว่า ใจของเรา
เกลี้ยงเกลาขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น น่ายกย่องขึ้น นี้คือความอัศจรรย์
เป็นรางวัลสำหรับผู้ที่มีความเพียร
       ภายหลังจากนั้นก็จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นให้เราได้ศึกษา ได้
เรียนรู้เพิ่มขึ้นอีกมากมาย ความลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย เมื่อ
เรามองผ่านแสงสว่างนั้นจนมีปรากฏการณ์บังเกิดขึ้น กระทั่งถึง
พระรัตนตรัยในตัว
       เมื่อเรามาถึง ณ จุดนั้น เราจะยิ่งมีความเคารพรักในพระ
บรมศาสดา ที่พระองค์พร่ำสอนว่าพระรัตนตรัยเท่านั้นคือที่พึ่ง
ที่ระลึกอันสูงสุด เพราะเราเข้าถึงความเป็นพระรัตนตรัยภายใน
แล้วนั่นแหละ
       คือเข้าถึง พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ
       รัตนะ แปลว่า แก้ว, สิ่งที่ประเสริฐสุด
       พุทธรัตนะ หมายถึง ผู้รู้ที่ใสเป็นแก้ว ใสกว่าเพชร ใสเกิน
ใส เป็นผู้รู้ที่ประเสริฐสุด ไม่มีสิ่งใดที่ยิ่งไปกว่านี้หรือเสมอเหมือน
       ธรรมรัตนะ คือ แหล่งกำเนิดแห่งความรู้อันบริสุทธิ์ ประเสริฐ
สุด ที่ขยายออกมาเป็น ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
สังฆรัตนะ คือ พระธรรมกายละเอียด หรือ พุทธรัตนะ
ละเอียด หรือเป็นกายละเอียดของพุทธรัตนะที่ซ้อนอยู่ในกลาง
ธรรมรัตนะ หน้าที่รักษาดวงธรรมหรือความรู้นั้นเอาไว้ คล้ายๆ
พระสงฆ์ทรงจำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ รักษา
เอาไว้ไม่ให้สูญหายไป
        สามอย่างนี้แยกออกจากกันไม่ได้ จะต้องไปพร้อมๆ กัน
อุปมาเหมือนเพชรที่มีทั้งแววดี สีดี เนื้อดี อยู่ในก้อนเพชรเม็ด
เดียวกัน อันนี้ก็อยู่ในรัตนะอันเดียวกัน ที่เราคุ้นกันว่า ไตรรัตน์
หรือพระรัตนตรัย ทั้งหมดนี้อยู่ในตัวของเรานี่แหละ ถ้าถึงตรงนี้
จึงจะได้ชื่อว่า เป็นชาวพุทธที่แท้จริง เพราะว่าได้เข้าถึงพระในตัว
       น่ามหัศจรรย์ที่ว่า พระในตัวที่เราเข้าถึงนี้ ที่เป็นระดับ
พุทธรัตนะ จะนำมาซึ่งความสุข ความบริสุทธิ์ ความเห็นแจ้ง
ความรู้แจ้ง มหากรุณา และความมหัศจรรย์ใจจะบังเกิดขึ้นใน
ทุกๆ ครั้งที่เข้าถึง ปกติคนเราดูสิ่งเดียวนานๆ ก็จะเบื่อ แต่ดู
พุทธรัตนะภายในทั้งหลับตาลืมตาจะไม่มีวันเบื่อหน่ายเลย มี
แต่ความสุขสดชื่น สมหวัง ไม่อิ่ม ไม่เบื่อ ในการที่จะเฝ้ามองดู
ด้วยความปีติสุข เบิกบาน
       ถ้าเราเข้าถึงองค์พระภายในได้ เราก็เป็นชาวพุทธที่สมบูรณ์
แม้ยังไม่ได้เข้าใกล้ความเป็นพระอริยเจ้าก็ตาม แต่เราก็รู้ว่าอะไร
คือที่พึ่งที่ระลึก อะไรไม่ใช่ แล้วจะเกิดดวงปัญญาและกำลังใจว่า
จะต้องยึดสิ่งนี้สิ่งเดียวเป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึก คือเป็นที่ยึด
ที่เกาะของใจเรา ให้ความอบอุ่น ปลอดภัย มีความสุข สดชื่น
เบิกบาน ที่เราควรระลึกนึกถึงท่าน หรือคิดถึงท่านอยู่เรื่อยๆ
เหมือนชายหนุ่มรักหญิงสาว หญิงสาวรักชายหนุ่ม ใหม่ๆ ก็จะ
อย่างนั้น คือจะคิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก นี่ก็จะคิดอย่างนั้น
       แต่คิดในระดับเห็นเป็นภาพขึ้นมาแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
กับรัตนะทั้งสามภายในใจก็จะตั้งมั่นมีอารมณ์ดี อารมณ์เดียว
อารมณ์แห่งความสุข สดชื่น บริสุทธิ์ แล้วก็ยิ่งใหญ่อยู่ในตัว
ไม่มีความรู้สึกว่ายากจนหรือขาดแคลนอะไรเลย มันมีความอิ่ม
อยู่ในตัว สิ่งที่ต้องการก็เพียงแค่ปัจจัย ๔ มาหล่อเลี้ยงขันธ์๕
เท่านั้น นอกนั้นก็เฉยๆ จะมีหรือไม่มีก็ไม่ได้คิดอะไร มันเฉยๆ
เพราะว่ามีพระรัตนตรัยในตัว

       เพราะฉะนั้น เราอย่าเพิ่งรีบตายนะ ให้หา
พระธรรมกายภายใน คือพระรัตนตรัยภายใน
ให้ได้ก่อน อย่าให้วันคืนล่วงเลยผ่านไป โดยที่
ใจไม่มาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ เราสูญเสียเวลากับ
สิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารของชีวิตมามากมายแล้ว วัน
เวลาที่เหลืออยู่มีจำกัด เราจะหมดเวลาของชีวิต
วันไหนไม่ทราบ ไม่มีนิมิตหมาย ดังนั้นวันเวลา
ที่เหลืออยู่นี้ก็ควรให้ความสำคัญกับการฝึกใจ
ให้หยุดนิ่ง โดยไม่มีข้อแม้ ข้ออ้าง หรือเงื่อนไข
ใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อตัวของเราเองเป็นอันดับแรก
แล้วก็เพื่อผู้อื่นเป็นลำดับถัดไป นี่คือสิ่งที่เราต้อง
หมั่นมาพิจารณาไตร่ตรองอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะ
เป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิตก็ตาม

        แล้วก็หมั่นสอนลูกหลานให้ฝึกใจหยุดนิ่งตั้งแต่ยังเยาว์วัย
เพื่อจะได้ไม่เก้อเขิน เมื่อต่อไปเธอเจริญวัยขึ้น เป็นวัยรุ่น วัย
หนุ่มสาว สิ่งเหล่านี้ก็จะติดตัวเธอไปแม้บางช่วงของวัยจะทำให้
เผลอไผลไปบ้าง แต่ภายหลังก็จะย้อนหวนกลับคืนมาระลึก
นึกถึงช่วงเวลาชีวิตที่ดีที่สุด ที่พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือพระ
อาจารย์ หลวงปู่ หลวงตาได้เคยอบรมพร่ำสอน แนะนำตั้งแต่
เยาว์วัย ก็เท่ากับว่า เราได้ทิ้งมรดกธรรมเอาไว้ให้กับลูกหลาน
ของเรา แม้เราจะจากโลกนี้ไปก็จากไปด้วยรอยยิ้มที่งดงาม หมด
ห่วงหมดกังวล เมื่อเรากลับสู่เทวโลกแล้ว เล็งแลด้วยทิพยจักษุ
ลงมาก็ยังชื่นใจ ปลื้มใจ เก็บเกี่ยวผลแห่งบุญนั้นตลอดเวลา แม้
มีเพียงกายทิพย์ก็ตาม
       เพราะฉะนั้น ตอนนี้ประโยชน์ตนคือตัวเราต้องทำให้ได้
ก่อน คนที่ได้ในวันนี้ก็คือคนที่ไม่ได้มาก่อนในวันที่ผ่านมา เราก็
เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งก็จะเป็นเช่นเดียวกับท่านเหล่านั้น
วันนี้ยังไม่สมหวังก็ให้ทำต่อไป พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่ดีสำหรับเรา
       ให้ลูกทุกคนหมั่นตรึก หมั่นนึก หมั่นคิดอย่างนี้ การกระ
ทำอย่างนี้แม้ไม่พูดออกไปให้ใครทราบ แต่ว่าอยู่ในสายตาของ
มนุษย์และเทวดา โดยเฉพาะมนุษย์ ตั้งแต่หมู่ญาติ สมาชิกใน
ครอบครัว ที่ทำงาน ทุกหนทุกแห่ง เขาก็จะเฝ้าสังเกตเราอยู่
โดยที่เราไม่รู้ตัว เราก็จะถูกดูดซับคุณธรรมที่แผ่ขยายจากตัว
ของเราออกไป จะเกิดกระแสเย็นๆ ขึ้น แล้วก็แรงบันดาลใจ
ที่จะทำให้เขาอยากเป็นอย่างเรา ถ้าเรามีความสุขก็จะพลอย
ทำให้เขามีความสุขตามไปด้วย ถ้าเราเย็น เขาก็จะเย็นตามเรา
เพราะฉะนั้นเริ่มต้นที่ตัวของเรา เพื่อตัวเรานะ
        เวลาที่เหลืออยู่นี้ ให้ลูกทุกคนฝึกใจให้หยุดนิ่งๆ นุ่มๆ
เบาๆ สบายๆ ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะ
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา หนังสือง่ายแต่ลึก ๒ บทที่ ๒๕ www.dhamma01.com

1 thought on “วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก อันดับแรกเพื่อตัวเราก่อน”

  1. น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานทรงคุณค่า
    จากหลวงพ่อธัมมชโย#คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *