วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก นิ่งแล้วต้องขยาย

วิธีนั่งสมาธิ จากหนังสือ ง่ายแต่ลึก ๒ บทที่ ๒๒ นิ่งแล้วต้องขยาย
ทำถูกแล้วนิ่งไว้ กลางดวง
เฉยต่อสิ่งทั้งปวง อย่างนั้น
ตรงกลางจักค่อยกลวง ทะลุโล่ง
พระผุดเป็นชุดชั้น หลายชั้นเป็นตอนตอน
ตะวันธรรม

       (เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ……..)
       …ทำใจให้ใสๆ นะ หลับตาเบาๆ พอสบายๆ หลับตา
สักค่อนลูก คล้ายๆ กับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าไปบีบเปลือกตา
อย่ากดลูกนัยน์ตา
       อย่ากดลูกนัยน์ตานะ ต้องจำตรงนี้เอาไว้ให้ดี เดี๋ยวเวลา
ปฏิบัติจริงๆ แล้วมันลืม หลับพอสบายๆ ถ้าหลับตาเป็นเดี๋ยว
เราจะเห็นภาพภายใน เห็นแสงสว่าง เห็นสิ่งที่มีอยู่จริง เพราะ
ฉะนั้นหลับตาให้เป็น แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด
บริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม
       ให้ปลด ปล่อย วาง ทำใจให้ว่างๆ แล้วก็สมมติว่า ภายใน
ร่างกายของเรานั้นปราศจากอวัยวะ ไม่มีปอด ตับ ม้าม ไต
หัวใจ เป็นต้น สมมติให้เป็นปล่อง เป็นช่อง เป็นโพรง เป็นที่
โล่งๆ ว่างๆ กลวงภายใน คล้ายๆ ท่อแก้ว ท่อเพชรใสๆ
ทำไปตามขั้นตอนอย่างนี้นะ
       แล้วก็นึกว่า ร่างกายของเราขยายไปเรื่อยๆ ทำความรู้สึก
ก็ได้ รู้สึกว่าร่างกายของเราพองโตขยายไปจนสุดขอบฟ้าไปเลย
ทำบ่อยๆ จะมีความรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ภายในศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ ของเรา มีแต่ดวงใสๆ กลมรอบตัว เหมือนดวงแก้ว
กายสิทธิ์ ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตำหนิ
ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว มีแต่ความใส ความบริสุทธิ์ ใสเหมือน
เพชร แล้วก็สว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน แต่ว่า
แสงนั้นไม่เคืองตา นุ่มเนียน ละมุนละไม เหมือนแสงจันทร์ใน
คืนวันเพ็ญ ทำความรู้สึกอย่างนี้ไปก่อนนะ แต่สำหรับผู้ที่ใจยัง
ไม่ละเอียดก็ค่อยๆ ทำไป
       หรือจะนึกถึงองค์พระใสๆ ใสเป็นเพชรนะ ให้เจิดจ้า
เหมือนเพชรต้องแสงเกตุดอกบัวตูม เหมือนดอกบัวสัตตบงกช
ที่มีลักษณะป้อมๆ ขนาดกำลังพอดี ตั้งอยู่บนจอมกระหม่อม
บนพระเศียรที่มีเส้นพระศกหรือเส้นผมขดเวียนเป็นทักษิณาวรรต
หมุนขวาตามเข็มนาฬิกา เรียงรายอย่างมีระเบียบ ใสบริสุทธิ์
ประดุจเพชรเหมือนกัน
       เราก็มองลงไป จะเห็นบ่าทั้งสอง หัวไหล่ ต้นแขน ไล่ไปถึง
ข้อมือถึงฝ่ามือที่หงาย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้าง
ซ้าย วางไว้บนหน้าตักขององค์พระที่ใสบริสุทธิ์ ในท่าขัดสมาธิ
ขาขวาทับขาซ้าย เมื่อเรานึกถึงท่านซึ่งเป็นตัวแทนของพุทธ
รัตนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ถ้าดวงใสๆ ก็แทน
ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ เราจะนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่พระ
มงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายก็ได้ให้เรา
มองดู อย่างไหนเหมาะกับเรา คือนึกแล้วง่าย เราก็เอาอย่างนั้น
       เราจะเห็นว่า การทำสมาธิไม่ได้ยากอะไรเลย เป็นเรื่อง
ง่ายๆ สบายๆ แล้วก็ปลอดภัย เรียบง่าย สบาย ปลอดภัย
ไม่มีพิษมีภัยจากการทำสมาธิ เหมือนพระเดชพระคุณหลวงปู่
ที่อยู่ในโพรงต้นโพธิ์ ท่านก็ยืนยันว่า การทำใจให้เกิดสมาธิ ให้
ใจตั้งมั่น มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด สามารถทำได้กันทุกคน ขอ
ให้เข้าใจหลักวิชชา เรียบง่าย สบาย ปลอดภัย ถ้าเราทำให้มัน
ง่าย มันก็จะง่าย
       ตอนนี้เรานึกถึงดวงหรือองค์พระก็ได้ ในช่วงที่เราจะกลั่น
จิตกลั่นใจของเราให้ใสๆ เพื่อให้ใจของเราเหมาะสมที่จะเป็น
ภาชนะรองรับบุญใหญ่ก็ดี รองรับพระของขวัญก็ดี หรือจะไปดึงดูด
เชื่อมโยงกับบุญเก่าก็ดีใจต้องใส ต้องหยุด ต้องนิ่ง อย่างสบายๆ
ถ้าเราฝึกตรงนี้ได้ ไม่ช้าเราก็จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว แล้ว
เราก็จะได้มีโอกาสศึกษาวิชชาธรรมกาย ซึ่งเป็นความรู้ของพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า
       และหลังจากนั้นเราก็มีอุปกรณ์ในการที่จะไปศึกษาค้นคว้า
ความรู้ที่มีบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก จะเป็นเรื่องกฎแห่งกรรมก็ดี
เรื่องอบาย ทุคติ วินิบาต นรก หรือสุคติโลกสวรรค์อะไรต่างๆ
เหล่านั้น มันก็อยู่ในวิสัยที่เราจะไปศึกษาได้

       สำคัญฝึกตรงนี้ให้ได้กันเสียก่อน ให้หยุดนิ่ง
ต้องฝึกกันทุกวัน ถึงขั้นหลงใหลนั่นล่ะ เหมือน
เรารักสิ่งใด อยากจะได้สิ่งนั้นมากๆ ต้องถึงขั้น
หลงใหล ถ้าไม่ได้ยอมตาย ต้องอย่างนั้น การ
ปฏิบัติธรรมถึงจะก้าวหน้า เดี๋ยวสิ่งที่ยากก็จะง่าย
สิ่งที่ง่ายอยู่แล้วก็ยิ่งเปิดเผยความจริงออกมา
แล้วในที่สุดก็เข้าถึงได้

       ตอนนี้เราหยุดใจนิ่งๆ อยู่ในกลางดวงใสๆ หรือหยุดใน
กลางองค์พระใสๆ ให้ใสเหมือนกับเพชร หรือเหมือนดวงดาว
ในอากาศ ที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือดวงจันทร์ในคืน
วันเพ็ญ หรือดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ตรึกนึกถึงดวงใสบริสุทธิ์
กลมรอบตัวเหมือนดวงแก้วกายสิทธิ์ ทำความรู้สึกอย่างนี้นะ
       ให้ใจคลอเคลียอยู่กับความใสของดวงใสๆ หรือองค์พระ
ใสๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วเวลาเรานึกก็ต้องนึกเบาๆ
ค่อยๆ นึก อย่าไปใช้กำลังในการนึกคิด หรือถ้าหากว่าเรา
อดใช้กำลังไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปนึก ทำใจให้นิ่งอย่างเดียว นิ่งอย่าง
สบาย ใจก็เบิกบาน แช่มชื่น
       นิ่ง…ขยายไม่ใช่นิ่งแล้วแคบ ถ้าเรานิ่งเป็นจะขยาย ถ้านิ่ง
ไม่เป็นมันจะแคบ นิ่งแคบมันจะเป็นตอนที่เราตั้งใจมากเกินไป
ไปบีบ ไปเค้น บีบเค้นใจของเรา อย่างนี้ผิดหลักวิชชา อย่าฝืน
ดันทุรังทำต่อ นิ่งแล้วต้องขยาย ต้องรู้สึกสบาย แม้จะยังไม่เห็น
อะไรก็ตาม อยากให้ลูกทุกคนได้ตรงนี้ เข้าใจตรงนี้นะ เพราะ
ฉะนั้นก็ต้องค่อยๆ วางใจเบาๆ เหมือนขนนกที่ล่องลอยไป
ในอากาศ แล้วค่อยๆ ตกไปในพื้นดินก็ดี พื้นน้ำก็ดี ต้องเบา
อย่างนั้นนะ

นึกง่ายๆ

       เวลาจะนึกถึงดวงหรือองค์พระ ให้นึกง่ายๆ คล้ายกับ
เรานึกถึงดอกบัวที่เราบูชาพระเจดีย์อย่างนั้น พอเรานึกภาพ
ดอกบัว ดอกบัวก็เกิด บางคนชัดมาก บางคนชัดน้อย แต่ที่นึก
ไม่ออกเป็นไม่มี พอเรานึกถึงดอกบัว เราก็นึกเห็นได้ นั่นแหละ
คือภาพทางใจ ที่เราเรียกว่า “เห็น”
       เห็นอย่างนั้นไปก่อน แต่มันยังไม่สมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
จะได้ ๒๐, ๓๐ เปอร์เซ็นต์ จาก ณ จุดตรงนั้นก็จะค่อยๆ นิ่ง
ไปเรื่อยๆ นิ่ง นุ่ม ละมุนละไม ใจไม่ไปที่ไหนเลย และพอถึง
จุดๆ หนึ่ง มันนิ่งจริงๆ นิ่งเหมือนเราวางของเอาไว้อยู่กับที่
อย่างนั้น ตอนนี้เราจะขยาย เบา สบาย ภาพที่เห็นรัวๆ รางๆ
ก็จะชัดขึ้นมาเลย ชัดมาในระดับที่เรามีความปลื้มปีติว่า เออ
เรานึกเห็นได้จริงๆ นะ ที่นึกเห็นได้อย่างสบาย ไม่ใช่นึกเห็น
ได้อย่างลำบาก จะมาอยู่ในระดับนี้
       แล้วพอเรานิ่งหนักเข้าไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจากนึกเห็นจะแปร
เปลี่ยนมาเป็นการเห็นจริงๆ เห็นเหมือนกับเราลืมตาเห็นวัตถุ
ภายนอก เหมือนจำลองหรือซีร็อกซ์เข้าไปเลย จะชัดอย่างนั้น
แต่บางทียังไม่ใส หรือบางทีใสแต่ยังไม่สว่าง ก็ต้องค่อยๆ
ให้มีชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลางให้เยอะๆ ต้องทำบ่อยๆ
ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก อย่าไปทอดทิ้งการฝึกหยุดนิ่ง ต้องฝึกให้ปะติด
ปะต่อกันสม่ำเสมอทุกวัน
       โดยเฉพาะการบ้านที่ให้ไปนั่นแหละสำคัญมาก จะช่วย
เพิ่มชั่วโมงหยุด ชั่วโมงนิ่ง ชั่วโมงกลาง และความคุ้นเคยกับ
สิ่งที่เรานึก ภาพก็จะชัดขึ้นมาเรื่อยๆ บางทีอาจจะชัดขึ้นมา
แวบหนึ่ง แค่นาทีหนึ่ง พอเราไม่ทอดทิ้งการฝึก มันก็นานเป็น
๕ นาทีบ้าง ๑๐ นาทีบ้าง และก็มากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง
ชัดเจน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ นี่สำหรับการฝึกฝนของบางท่านนะ
แต่บางท่านพอใจนิ่งแล้ว บุญเก่ากับบุญใหม่เชื่อมโยงกันถูก
ส่วนก็จะสว่างพรึบเลย อย่างนี้ก็มี แต่ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ ที่
บุญเก่าทำมามาก ตามมาส่งผล แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกก็
จะเป็นไปตามขั้นตอนที่หลวงพ่อว่า
       ปีใหม่นี้อยากให้ลูกทุกคนฝึกให้ได้ ให้สม่ำเสมอ ตั้งแต่
เริ่มต้นปีใหม่เรื่อยไปเลย อย่าให้ขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียว
ทำให้สม่ำเสมอทุกวัน เพื่อที่ว่าเมื่อครบ ๓๖๕ วันแล้ว เมื่อ
เรานึกย้อนหลังจะได้มีปีติปลาบปลื้มใจที่เราทำความดี เพราะ
ทำได้สม่ำเสมอ และมันก็จะมีผลให้ใจเราละเอียด สั่งสมความ
ละเอียดเพิ่มขึ้น จนกระทั่งไปถึงจุดที่เราละเอียดจริงๆ มันจะ
ต้องฝึกไปเรื่อยๆ นะ

หาบุญได้ใช้บุญเป็น

       เวลาในโลกนี้ เดี๋ยววัน เดี๋ยวคืน เดี๋ยวก็จะหมดเวลาแล้ว
เราเกิดมาสร้างบารมีนะ เกิดมาสร้างบารมีจริงๆ ไม่ใช่เกิดมา
เพื่อหมกมุ่นอยู่ในโลกนี้ หรือแสวงหาทรัพย์เพียงอย่างเดียว โดย
ไม่แสวงหาบุญ หรือที่พึ่งภายใน ถ้าเราแสวงทรัพย์ เราก็จะได้
แต่ทรัพย์ บางคนได้พอกินพอใช้ บางคนก็ได้ไปเรื่อยๆ และ
ก็เพลินกันไปจนกระทั่งหมดเวลา
       บุญเก่าที่เราทำมา เรายังเอามาใช้ได้ไม่ครบถ้วนบริบูรณ์
ตามวัตถุประสงค์ ที่จริงส่วนหนึ่งเราควรจะเอามาใช้ดูดทรัพย์
เพื่อนำมาเลี้ยงสังขาร เพื่อเอาสังขารไปแสวงหาพระรัตนตรัย
ในตัว ทรัพย์ที่ได้มาก็เอามาสร้างบารมี นี่วัตถุประสงค์เป็นอย่างนี้
อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า เราใช้บุญเก่าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์
เพราะฉะนั้นบุญเก่าที่เรามีอยู่ ต้องใช้ให้เป็น หาบุญได้ ใช้บุญ
เป็น เรื่องนี้สำคัญ ถ้าใช้ไม่เป็นมันก็จะสูญเสียกันไปเปล่าๆ
       แต่ถ้าพอเราได้บุญมา และเราก็ใช้บุญไปอย่างสนุกสนาน
เพลิดเพลิน โดยเราไม่รู้ตัวว่าทุกอนุวินาทีเรากำลังใช้บุญเก่า
ทำให้เรามีชีวิตดำรงอยู่ เราจะไปสู้รบปรบมืออะไรกับใครก็ต้อง
ใช้บุญทั้งนั้นจึงจะเอาชนะเขาได้ เมื่อใช้ไปก็มีวันหมด ชีวิตมัน
เป็นอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นบุญเขามีเอาไว้ใช้สนับสนุนการทำ
หยุดทำนิ่ง เพื่อให้เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัว เข้าถึงแผนผังของ
ชีวิต ความจริงของชีวิต จะได้หลุดพ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาส
ของพญามาร เขามีเอาไว้เพื่อการนี้เท่านั้น
วันพุธที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา หนังสือง่ายแต่ลึก ๒ บทที่ ๒๒ www.dhamma01.com

1 thought on “วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก นิ่งแล้วต้องขยาย”

  1. น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานทรงคุณค่า
    จากหลวงพ่อธัมมชโย#คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *