วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก มหาทุคตะ

ง่ายแต่ลึก เล่ม ๒ บทที่ ๙ : มหาทุคตะ

แสง ธรรมสว่างล้ำ แสงไหน
แสงส่องออกไปไกล ใหญ่กว้าง
แสงส่องภพภูมิใด เห็นหมด
แสงนี่แหละจักล้าง มืดพ้นมนตร์มาร
ตะวันธรรม

          ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ พอ
สบายๆ ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น ให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใส
แล้วก็หยุดใจไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งอยู่ในกลางท้อง
ของเรา ในระดับที่เหนือจากสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ
          แล้วก็ตรึกนึกถึงดวงใส หยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ หรือ
ตรึกนึกถึงพระแก้วใสๆ หยุดอยู่ในกลางพระแก้วใสๆ อย่าง
ใดอย่างหนึ่งนะ พร้อมกับประคองใจให้หยุดนิ่ง ด้วยบริกรรม
ภาวนา สัมมา อะระหัง อย่างสบายๆ
          ทำใจให้เบิกบาน แช่มชื่น แล้วก็อย่าไปสนใจอากาศจะ
อบอ้าวอย่างไร ที่นั่งจะไม่นุ่มก็อย่าไปสนใจ
          เราจะต้องฝึกหยุดใจให้ได้ในทุกสภาวะอากาศ ทุกสถานที่
เพราะการหยุดใจนำมาซึ่งความบริสุทธิ์ผ่องใสของใจทำให้เรา
เข้าถึงความสุขที่แท้จริง และเป็นทางมาแห่งบุญของเราด้วย
บุญที่เกิดจากการหยุดใจนี้จะไปดึงดูดทุกๆ บุญที่เราทำผ่านมา
ให้มาบังเกิดขึ้นภายในตัวเรา บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและ
ความสำเร็จในชีวิตของเราในทุกๆ ระดับ มีบุญมากอุปสรรคก็
น้อย มีบุญน้อยอุปสรรคก็มาก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุญและบาป
เท่านั้น จับหลักตรงนี้เอาไว้ให้ได้
          ตอนนี้เราก็ประคองใจให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงดวงธรรมภายใน
ให้ได้ ถ้ายังเข้าไม่ถึง ชีวิตยังไม่สมบูรณ์ ยังไม่ปลอดภัยอย่าง
แท้จริง เราจะต้องมีหลักยึดของใจไว้ตลอดเวลา ภายนอก
เคลื่อนไหว ภายในหยุดนิ่ง ข้างนอกแม้เคลื่อนไหวอย่างไร
ก็ตาม ข้างในต้องหยุดนิ่ง กิจกรรมในโลกมนุษย์ส่วนใหญ่มักจะ
เคลื่อนไหว แต่ใจเราก็อย่าให้ไหวตาม อย่างนี้ชีวิตจึงจะสมบูรณ์
ความทุกข์จะได้ไม่ครอบงำใจเรา แม้ทุกข์มากเราก็จะทุกข์น้อย
กว่าคนอื่นเขา ทุกข์น้อยก็จะไม่มีทุกข์
          การปฏิบัติธรรม จะต้องทำให้ได้ทุกวัน อย่าได้ขาดเลย
แม้แต่เพียงวันเดียว ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วยไข้ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
ก็ตาม อย่าให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม

     การปฏิบัติธรรม คือ กรณียกิจ กิจที่ควรกระทำ
หรือต้องทำ เป็นงานที่แท้จริงของชีวิตที่เราเกิด
มาเป็นมนุษย์ นอกนั้นเป็นงานรองลงมา
ถ้าเรามัวแต่ทำมาหากินอย่างเดียว แม้มีทรัพย์เป็น
แสนล้านก็จะไม่ได้พบกับความสุขที่แท้จริงเลย
มีแต่ความสุขหลอกๆ ที่มีคนมาพะเน้าพะนอ
หรือเรามีวัตถุสนองความต้องการของใจได้บ้าง
แต่มันก็ไม่สมบูรณ์ การปฏิบัติธรรมนี้ แม้ทรัพย์
ภายนอกจะน้อย แต่ชีวิตของเราจะเต็มเปี่ยม
ไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนยากจนเลย

          เหมือนขอทานคนหนึ่งในสมัยพุทธกาลเรียกว่า มหาทุคตะ
(สุปปพุทธกุฏฐิ) ท่านได้ฟังธรรมจากพระบรมศาสดา แล้วก็ได้บรรลุ
ธรรมเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ชีวิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
มีความสุข มีความเบิกบาน ที่มีพระรัตนตรัยปรากฏในกลางกาย
          ความรู้สึกว่า เราขาดแคลนหรือยากจนมันหมดไป เหมือน
เรามีทรัพย์มากมายมหาศาลกว่าเศรษฐีคนใดในเมืองหรือใน
โลก มันอิ่มอกอิ่มใจมาก มีความเบิกบานมาก ความรู้สึกน้อย
เนื้อต่ำใจ คับแค้นใจก็หมดสิ้นจากใจ ไม่มีความรู้สึกชนิดนั้น จน
กระทั่งเรื่องนี้ไปถึงท้าวสักกเทวราช หรือพระอินทร์ผู้ปกครอง
ภพดาวดึงส์ เพราะอาสนะที่เคยนุ่มนวลกลับแข็งกระด้าง ท่าน
ก็เลยสอดส่องทิพยจักษุลงมาในเมืองมนุษย์
          เมื่อทราบว่า ต้นเหตุเกิดขึ้นเพราะมหาทุคตะได้พ้นจาก
ภาวะความรู้สึกว่ายากจน แม้ขาดแคลนโลกียทรัพย์ แต่กลับ
มีความรู้สึกว่าร่ำรวยและรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ เบิกบาน ก็อยากจะ
ไปทดสอบดู ถึงกับต้องลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทั้งๆ ที่
ไม่อยากจะลงมา เพราะในเมืองมนุษย์เป็นสถานที่ที่ไม่เป็นที่
บันเทิงของชาวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะกลิ่นกายของมนุษย์
มันเหม็นเหมือนเอาสุนัขเน่ามาผูกคอ แต่ก็สามารถดึงดูดให้
พระอินทร์ผู้ปกครองเทวดาทั้งหลายลงมาเพื่อทดสอบดู
          มาเห็นหน้าตามหาทุคตะดูเบิกบาน ดูไม่ออกเลยว่าเป็น
ขอทาน หรือเป็นคนยากจนที่สุดในเมือง แต่ก็อยากจะทดลอง
ดูว่า โดยปกติขอทานทั่วไปจะปรารถนาทรัพย์ ถ้าให้ทรัพย์แค่
ปริมาณมากกว่าที่ขอทานเคยได้รับ ก็จะสร้างความเบิกบานใจ
แก่ขอทานเป็นอย่างยิ่ง แต่วันนี้จะทดลองให้ทรัพย์มากกว่านั้น
จึงได้กล่าวกับมหาทุคตะผู้ได้บรรลุพระธรรมกายภายในเข้าถึง
พระรัตนตรัยในตัวว่า “ขอเพียงท่านมหาทุคตะกล่าวว่า พระ
รัตนตรัยไม่มีจริงและก็ไม่ดีจริง อยากจะได้ทรัพย์อะไร เราจะ
หามาให้”
          มหาทุคตะถามกลับไปว่า “ท่านเป็นใคร ทำไมถึงมา
พูดอย่างนี้กับเราผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย ใจเราไม่ได้ง่อนแง่น
คลอนแคลนในพระรัตนตรัยเลย เพราะเราเป็นอันหนึ่งอันเดียว
กับพระรัตนตรัย เราหายสงสัยแล้วในการที่ว่า พระรัตนตรัยมี
จริงหรือ ดีจริงไหม เพราะเราเป็นตัวพระรัตนตรัยเอง รู้ว่ามี
จริง แล้วก็ดีจริงๆ”
          พระอินทร์เห็นว่าหลบไม่พ้น จึงบอกว่า “เราคือท้าวสักก
เทวราช”
          มหาทุคตะกล่าวว่า “ท่านก็เป็นถึงพระราชาแห่งเทวดา ก็
รู้อยู่ ทำไมมาถามอย่างนี้ ให้ออกไปไกลๆ” ในที่สุดพระอินทร์
ก็เสด็จกลับดาวดึงส์ไปด้วยความปลื้มปีติ เพราะว่าได้รับคำตอบ
จากผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ยืนยันอย่างองอาจ มีปีติและ
ก็เบิกบาน

ความพร้อมไม่มีในโลก

          การเข้าถึงพระรัตนตรัยนี้เป็นกรณียกิจ เป็นงานที่แท้จริง
ของเราที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อชีวิตเราจำเป็นจะต้องดำรง
อยู่ด้วยปัจจัย ๔ ซึ่งจะต้องได้มาจากการทำมาหากิน เราก็อย่า
มัวไปทำมาหากินอย่างเดียว ควรทำทั้งสองภารกิจกับจิตใจ
ให้ควบคู่กันไป ชีวิตจึงจะสมบูรณ์

          ถ้าหากเราจะรอคอยให้ชีวิตมีความพร้อม
จะต้องรวยก่อน ต้องว่างก่อน ต้องปลดกังวล
เสียก่อนแล้วค่อยทำ บางทีความตายก็มาพราก
เราไปเสียก่อน เราไม่มีโอกาสจะอยู่ถึงวันที่เรา
พร้อม แล้วความพร้อมอย่างนั้นมันเป็นความ
ฟุ้งฝัน บางคนก็ได้มาจริง บางคนก็ไม่ได้ แต่ส่วน
ใหญ่แล้วก็จะไม่ได้อย่างที่ตัวหวังเอาไว้ เพราะ
ฉะนั้นเราจะต้องพร้อมเสมอในการที่จะทำสอง
อย่างควบคู่กันไป

          วันใดที่เราได้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว วันนั้นจะเป็นวัน
มหาปีติ จะมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงชีวิตของ
เราไปสู่ภาวะของผู้รู้ บัณฑิต นักปราชญ์ ที่จะดำเนินชีวิตได้
อย่างถูกต้อง เป็นแสงสว่างให้กับทุกๆ คนที่เข้าใกล้
          ดังนั้นให้ลูกทุกคนตั้งใจปฏิบัติธรรมทุกวันเลย อย่าไปคำนึง
ถึงเรื่องดิน อากาศ ฟ้า ความพร้อม ความปลอดกังวลจาก
เครื่องพันธนาการของชีวิต หรือจะไปคอยตอนแก่อะไรอย่างนี้
          การทำสมาธิตอนแก่มันสู้ทำตอนมีเรี่ยวมีแรงไม่ได้ เพราะ
มนุษย์มีข้อจำกัด ตอนเราสูงอายุ เรามีความพร้อมเรื่องทรัพย์
เป็นอิสระทางการเงิน แต่ว่าไม่เป็นอิสระจากโรคภัยไข้เจ็บ และ
ความอ่อนแอของร่างกาย เพราะสังขารมีความเสื่อมไปเป็น
ธรรมดา
          การปฏิบัติธรรมก็ต้องอาศัยความแข็งแรงของร่างกายด้วย
ถ้าร่างกายไม่มีความพร้อมจะปฏิบัติธรรมให้ดีเยี่ยมนั้น ไม่ใช่
ง่าย จะมีผู้เฒ่าบางท่านเท่านั้นที่สมหวังจากการปฏิบัติธรรมใน
บั้นปลายของชีวิต แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะข้อจำกัดของมนุษย์ ที่สังขารมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
          ดีที่สุดก็คือในวัยที่เรายังแข็งแรงอยู่ แม้จะยังไม่เป็นอิสระ
ทางการเงิน หรือความปรารถนาของเราก็ตาม แต่ความแข็งแรง
นี้เป็นลาภอันประเสริฐสำหรับชีวิตของผู้รู้ เมื่อทราบว่าเกิดมา
เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ก็จะอาศัยความแข็งแรงประกอบกรณียกิจ
กิจที่เป็นงานที่แท้จริงของชีวิตในทุกๆ ภพชาติที่เกิดมาเป็น
มนุษย์คือการปฏิบัติธรรม ฝึกใจของเราให้หยุดนิ่ง

เราไม่ได้แล้วใครจะได้

          ลูกทุกคนเป็นผู้มีบุญ ได้มาถึงจุดที่เรามีความพร้อมที่จะ
ปฏิบัติธรรม
          เรามีบุญ ที่รู้ว่าพระรัตนตรัยมีอยู่ในตัวของเราจริงๆ เป็น
ของดีจริง เราสามารถเข้าถึงได้ด้วยความเพียร และการทำถูก
หลักวิชชา
          ลูกมีบุญ ที่รู้ว่าเราจะเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เพื่อ
ที่จะเข้าไปถึงพระรัตนตรัยในตัว
          มีบุญที่รู้โนฮาว (know-how) หยุดเป็นตัวสำเร็จ ความรู้
วิธีการว่า ทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
          มีบุญทุกอย่าง แม้ติดขัดปัญหาอะไรก็ยังมีครูบาอาจารย์
คอยเป็นกัลยาณมิตรให้ คอยตอบคำถามที่เป็นข้อสงสัยในการ
ปฏิบัติธรรมของเรา
          ในยามที่เราท้อใจที่ปฏิบัติธรรมไม่ได้ผลทันตาเห็น ก็ยังมี
กัลยาณมิตรคอยปลุกประโลมใจ ให้กำลังใจที่จะให้เรามีความ
เพียรในการปฏิบัติต่อ
          เรามีเพื่อนสหธรรมิกเป็นจำนวนมาก ที่มีใจแน่วแน่อยาก
จะเข้าถึงธรรมะในตัว มีหลายท่านที่มีประสบการณ์ภายในเป็น
เครื่องยืนยันว่า พระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ภายในตัวของมนุษย์จริงๆ
ซึ่งเพื่อนสหธรรมิกหรือพี่น้องวงธรรมะของเรานี่แหละ ก็จะเป็น
กำลังใจให้กับเรา
          เพราะฉะนั้น ลูกทุกคน จะพูดไม่ได้ หรือไม่ควรแม้แต่จะ
คิดว่า เรามีบุญน้อย มีวาสนาน้อย คงจะปฏิบัติเข้าถึงได้ยาก
เราไม่ควรจะคิดอย่างนี้เลย
          ถ้าบุญน้อยเราจะไม่ได้ยินได้ฟังหรือมาอยู่ในหมู่คณะที่
เขาปฏิบัติธรรมจนมีประสบการณ์ภายในเป็นเครื่องยืนยันว่า
สิ่งดีๆ นี้มีอยู่จริงๆ ในตัวของเรา แล้วพี่น้องวงธรรมะของ
เรานั้นไม่ใช่ว่ามาจากครอบครัวของชาวพุทธอย่างเดียว ที่มา
จากครอบครัวที่ไม่ใช่ชาวพุทธก็มี ที่เป็นกลางๆ ไม่มีศาสนา
ก็มี แล้วก็ลงมือปฏิบัติอย่างที่ลูกทุกคนปฏิบัตินี่แหละ แล้วก็
เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว
          ความเชื่อแม้แตกต่างกันภายนอก จากการได้ยิน ได้ฟัง
ได้รับการอบรมสั่งสอนมา ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงพระ
รัตนตรัยในตัว เพราะสัจธรรมก็คือสัจธรรม ความจริงก็คือความ
จริง ความเชื่อก็คือความเชื่อ
          นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ลูกทุกคนมีบุญเพียงพอที่จะเข้าถึง
ถ้ามีความเพียรและทำให้ถูกหลักวิชชา ให้มีสติ สบาย สม่ำเสมอ
หมั่นสังเกต แล้วก็สมัครใจที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้
มีเพียงอย่างนี้แค่นี้เท่านั้น ลูกทุกคนก็จะต้องสมหวังกันอย่าง
แน่นอน

          เลิกคิดได้แล้วว่า เรามีบุญน้อยวาสนา
น้อย หรือว่ามรรคผลนิพพาน หรือการบรรลุ
ธรรมาภิสมัยนั้นมันหมดสมัยไปแล้ว นั่นมันคำ
กล่าวของคนเกียจคร้านที่ไม่มีความเพียร หรือผู้
ที่อยู่ในวงเหล้าขี้เมาต่างๆ หรือผู้ที่เพลิดเพลิน
ในโลก ไม่มีความรู้จริง ก็พูดคุยกันไปอย่างนั้น
แต่ธรรมาภิสมัย หรือมรรคผลนิพพาน หรือพระ
รัตนตรัยในตัว ไม่ได้เป็นอย่างนั้น สิ่งนี้ยังมีอยู่
รอคอยการเข้าถึงเท่านั้น เพราะฉะนั้นความ
เพียรและการปฏิบัติอย่างถูกหลักวิชชาจึงจะ
ทำให้สมปรารถนาได้

          ถ้าลูกหยุดใจได้ จนกระทั่งเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว จน
หายสงสัยแล้วว่า มีจริงและดีจริง อย่างนี้จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ใน
โลก จะอยู่ในป่า ป่านั้นก็ร่มรื่น จะอยู่ในภูเขา ภูเขานั้นก็ร่มรื่น
จะอยู่ในถ้ำถ้ำนั้นก็ร่มรื่นถ้าถูกเขาไปปล่อยที่เกาะเกาะนั้นก็
ร่มรื่น อยู่บนเรือเดินสมุทร เรือนั้นก็ร่มรื่น จะอยู่บ้านไหน บ้าน
นั้นก็ร่มรื่น จะไปสู่ตระกูลอื่น ตระกูลอื่นก็รุ่งเรือง
          เพราะฉะนั้น การเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวจึงเป็นหลัก
ของชีวิต ฝึกกันให้ได้ ทำกันให้สม่ำเสมอ สมัครใจที่จะเข้าถึง
มีสติคู่กับสบาย สม่ำเสมอ และก็หมั่นสังเกต ทำอย่างนี้ แค่นี้
เท่านั้น ลูกก็จะสมปรารถนาอย่างแน่นอน สมัครใจ สติ สบาย
สม่ำเสมอ สังเกต ก็จะสมปรารถนา
วันอาทิตย์ที่ ๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๘

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา หนังสือง่ายแต่ลึก 2 บทที่ 9 www.dhamma01.com

1 thought on “วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก มหาทุคตะ”

  1. น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานทรงคุณค่า
    จากหลวงพ่อธัมมชโย#คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *