อรูปภพ

อรูปภพ (ร่างกายเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ จึงพอใจในภาวะที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปกาย)

เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพื่อแสวงหาสิ่งที่ทำให้ใจเราบริสุทธิ์ ที่สุด  บริสุทธิ์จนกระทั่งพบกับตัวตนที่แท้จริง ที่มั่นคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง และมีความสุขอย่างแท้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพบว่า พระรัตนตรัยเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด และมีอยู่ภายในตัวของพวกเราทุกๆ คน เป็นธรรมที่สงบ ละเอียด ประณีต ลึกซึ้ง เราจะนึก คิดหรือคาดคะเนเอาไม่ได้เลย เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึง หากเราสามารถ ปรับใจที่หยาบให้ละเอียดลุ่มลึกไปตามลำดับ จนกระทั่งเข้าไปถึงแหล่งของสติแหล่งของ ปัญญา ซึ่งอยู่ในกลางกายฐานที่ ๗ เราก็จะรู้เห็นไปตามความเป็นจริงของธรรมทั้งหลาย ได้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สาเลยยกสูตร ว่า
“พราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย ถ้าผู้มีปกติประพฤติธรรม มีปกติประพฤติเรียบร้อย พึงหวังว่า โอหนอ หลังจากตายเพราะกายแตก ขอให้เราเข้าถึง ความเป็นเพื่อนกับพวกเหล่าพรหมชั้นปริตตสุภา ชั้นอัปปมาณสุภา ชั้นสุภกิณหา ชั้นเวหัป ผลา ชั้นอวิหา ชั้นอตัปปา ชั้นสุทัสสา ชั้นสุทัสสี ชั้นอกนิฏฐะ พึงเป็นผู้เข้าถึงอากาสานัญจา ยตนะ เข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ เข้าถึงอากิญจัญญายตนะ เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ ข้อที่หลังจากตายเพราะกายแตกไป เขาพึงเข้าถึงความเป็นเพื่อนกับพวกพรหมทั้งหลาย ย่อม เป็นไปได้โดยแท้ เพราะเขาเป็นผู้มีปกติประพฤติธรรม มีปกติประพฤติเรียบร้อยอย่าง นั้น”

การที่ไปเกิดในพรหมโลกนั้น เกิดจากการที่ได้บำเพ็ญตบะธรรมอย่างกลั่นกล้า เจริญสมาธิภาวนา อย่างยิ่งยวดจนตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสมาธินอกตัวของพวกดาบส ฤาษี โยคีทั้ง หลายก็ตาม หรือพรหมโลกที่นักบวชในพระพุทธศาสนา ได้บรรลุเป็นพระอนาคามี แต่ยัง ไม่หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ ก็จะได้ไปอุบัติในสุทธาวาสพรหมโลก ๕ ชั้น ชั้นใดชั้นหนึ่ง ดังที่หลวงพ่อได้อธิบายไปแล้ว

ส่วนใหญ่แล้ว พรหมโลกมักจะเป็นสุคติขั้นสูงสุดของนักบวชนอกศาสนา แม้ว่าท่านเหล่านั้น ปรารถนาจะหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ แต่เพราะไม่รู้จักมัชฌิมาปฏิทาคือเส้นทางสายกลางที่ จะไปสู่อายตนนิพพานว่าเป็นอย่างไร ไม่รู้จักอริยสัจ ๔ และอริยมรรคมีองค์ ๘ จึงไม่มีนัก บวชนอกพุทธศาสนาคนใดที่มีความเพียรพยายาม แล้วสามารถไปสู่อายตนนิพพานได้ ไป ได้สูงสุดก็แค่อรูปภพ หรือเป็นอรูปพรหม โดยเฉพาะ อรูปภพ ๔ ชั้น ที่หลวงพ่อจะได้นำมาเล่า ให้พวกเราได้เรียนรู้กัน

* คำว่าอรูปพรหม ไม่ได้หมายความว่า พรหมผู้ไม่มีรูปร่าง ท่านมีรูปกาย มีความสวยงามยิ่งกว่าพรหมในรูปภพเสียอีก ท่านสง่างามกว่า และประณีตกว่า เพราะท่านได้กายที่ใกล้เคียงลักษณะมหาบุรุษเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่ง เป็นกายที่สมบูรณ์แบบที่สุด ถ้าสูงขึ้นไปจากอรูปภพก็จะเป็นอายตนนิพพาน เหมือนคำว่า อมนุษย์ ไม่ได้หมายว่าไม่มีมนุษย์ เพียงแต่ว่าไม่ใช่มนุษย์เท่านั้นเอง อรูปพรหมก็ไม่ได้ หมายความว่าไม่มีรูปพรหม แต่แปลว่า ไม่ใช่รูปพรหม

ผู้ที่จะได้ มาบังเกิดในอรูปภพนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักบวชนอกพุทธศาสนา  ในสมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนา ยุคสมัยนั้น บรรดาโยคี ฤๅษี สิทธาทั้งหลาย ตลอดจนชีไพร ดาบส ที่ประพฤติพรตพรหมจรรย์บำเพ็ญตบะภาวนา ตามตำรับตำราที่สืบต่อกันมา เฝ้าอุตส่าห์ บำเพ็ญเพียรไปจนกระทั่งได้สำเร็จจตุตถฌานซึ่งเป็นรูปฌานขั้นสูงสุดแล้ว ก็ยังไม่พอใจ ปรารถนาจะได้บรรลุฌานชั้นสูงขึ้นไปอีก โดยคิดในใจว่า ตัวตนคืออัตภาพร่างกายนี้ มีทั้ง ทุกข์โทษหาประมาณมิได้ เช่น มนุษย์ทั้งหลายจะให้โทษทำร้ายกัน ทำการฆ่าประหัต ประหารซึ่งกันและกัน ก็เพราะว่ายังมีตัวตนเป็นสำคัญ หากตัวตนนี้ไม่มีแล้วไซร้ มนุษย์ก็ จะไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน อย่ากระนั้นเลย ควรที่เราจะปรารถนาทำตัวตนนี้ให้หายไปเสียเถิด

เมื่อผู้มี อำนาจฌานสูงรำพึงอยู่อย่างนั้น ก็บังเกิดความพอใจในภาวะที่ไม่มีตัวตน ไม่มีรูปกาย มิได้ มีอาลัยในสรีระร่าง ครั้นออกจากจตุตถฌานแล้ว ก็ปรารถนาอยู่แต่ในความไม่มีรูป อุตส่าห์ เจริญภาวนาบำเพ็ญสมถกรรมฐานต่อไป จนกระทั่งได้สำเร็จอรูปฌาน เมื่อละโลก ก็ตรงไป อุบัติเป็นพรหมตามอำนาจอรูปฌานที่ตนได้บรรลุ ได้นามว่า อรูปพรหม

เริ่มตั้งแต่ สูงขึ้นจากอกนิฏฐสุทธาวาสภูมิขึ้นไป ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ ก็จะถึงเขตของ อรูปภพชั้นแรก หรือเรียกอีกอย่างว่า อากาสานัญจายตน ภูมิ เป็นที่สถิตอยู่แห่งอรูปพรหมผู้วิเศษ ที่เกิดจากอรูปฌานสมาบัติที่อาศัย อากาสบัญญัติซึ่งไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหมผู้วิเศษเหล่านี้ เป็นผู้ถือปฏิสนธิด้วยอากา สานัญจายตนวิบากจิต

ผู้ที่สถิตอยู่ ในอรูปพรหมโลกชั้นนี้ ล้วนแต่ได้สำเร็จอรูปฌานที่ ๑ คือเมื่อคราวที่ท่านได้สำเร็จจตุตถ ฌานแล้ว ก็มีความปรารถนาในภาวะที่ไม่มีรูปกาย เพราะตระหนักว่าร่างกายนี้มีทุกข์โทษ นัก จึงอธิษฐานเอาอากาสบัญญัติซึ่งไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์

นักปฏิบัติ ผู้ได้จตุตถฌาน ท่านจะภาวนาว่า “อากาโส อนนฺโต” เฝ้าภาวนาอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ด้วย ใจที่ประกอบไปด้วยพลังของสมาธิที่แน่วแน่ ในที่สุดก็ได้สำเร็จอากาสนัญจายตนฌาน เมื่อ ได้สำเร็จอากาสานัญจายตนฌานแล้ว ก็มีใจผ่องใส ครั้นดับขันธ์ลง ก็ตรงมาอุบัติเป็นอรูป พรหมในอากาสานัญจายตนภูมิแห่งนี้ เสวยความสุขอันประณีตไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย คือ มีอายุยืนนานถึง ๒๐,๐๐๐ มหากัป

พ้นจากอากาสานัญจายตนภูมิขึ้นไป ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ ก็เป็น อรูปพรหมชั้นที่ ๒ ชื่อว่าวิญญาณัญจายตนภูมิ เป็นที่สถิตของอรูปพรหมผู้วิเศษ ซึ่งเกิดจากอรูปฌานสมาบัติที่อาศัยวิญญาณอันไม่มีที่สิ้น สุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหมเหล่านี้ท่านถือปฏิสนธิด้วยวิญญาณัญจายตนวิบากจิต จึงเสวยสุข อันประณีตละเอียดอ่อนมาก มีอายุยืนนานด้วยอำนาจแห่งอรูปฌานกุศลอันแรงกล้าที่ได้ เคยบำเพ็ญมา อรูปพรหมเหล่านี้ล้วนแต่ได้สำเร็จอรูปฌานที่ ๒ มาแล้วทั้งนั้น

วิธีการที่ จะให้ได้มาบังเกิดในอรูปพรหมชั้นนี้คือ นักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เมื่อได้สำเร็จอากาสานัญ จายตนฌานซึ่งเป็นอรูปฌานที่ ๑ แล้ว ต่อมาก็พิจารณาต่อไปว่า อากาสานัญจายตนฌานนี้ ยังเป็นอรูปฌานขั้นต่ำ ยังใกล้ชิดกับรูปฌานอยู่ จึงคลายความพอใจในอากาสานัญจายตน ฌาน ตั้งอกตั้งใจพยายามทำความเพียรให้ยิ่งขึ้นไป ถือเอาวิญญาณอันแผ่ไปทั่วอากาศไม่มี ที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์ และตั้งหน้าอุตสาหะภาวนาตามที่สั่งสอนสืบต่อกันมาช้านานว่า “วิญญาณํ อนนฺตํ”

เมื่อ ภาวนาอยู่อย่างนี้เรื่อยไป พลังแห่งสมาธิจิตก็แก่กล้าขึ้น สติก็ตั้งมั่นหนักยิ่งขึ้น จิตมีความ มั่นคงแนบแน่นในวิญญาณบัญญัติ และพ้นจากอากาสานัญจายตนฌาน ก้าวเข้าสู่วิญญา ณัญจายตนฌาน เมื่อสำเร็จอรูปฌานที่ ๒ นี้แล้ว จิตใจก็ผ่องใสเพราะสำเร็จสมประสงค์ ครั้นละสังขาร ก็มาอุบัติเป็นอรูปพรหมในวิญญาณัญจายตนภูมิ เสวยประณีตสุขไปจนกว่า จะถึงอรูปพรหมายุขัย คือ ๔๐,๐๐๐ มหากัป

สูงขึ้นไป อีก ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน์ จะถึง อรูปพรหมชั้นที่ ๓ ชื่อ อากิญจัญญายตนภูมิ เป็นภูมิที่อยู่ของอรูปพรหมผู้เกิดจากฌานที่ อาศัยอารมณ์ “นตฺถิ กิญฺจิ” ซึ่งเป็นนัตถิภาวะบัญญัติ ไม่มีวิญญาณเหลืออยู่แม้แต่น้อย หมายความว่า อรูปพรหมชั้นนี้ เป็นที่อยู่ของอรูปพรหม ที่ปฏิสนธิด้วยอากิญจัญญายตน วิบากจิต

ผู้ที่จะมา บังเกิดเป็นพรหมอยู่ในอากิญจัญญายตนภูมิได้นั้น ต้องเป็นผู้สำเร็จอากิญจัญญายตนฌาน คือ พวกโยคี ฤาษีบางท่านบำเพ็ญพรตภาวนาจนได้วิญญาณัญจายตนฌานแล้ว ก็เพียร พยายามบำเพ็ญต่อไปยิ่งขึ้น ถือเอาความว่างเปล่าเป็นอารมณ์ ซึ่งเรียกว่า นัตถิภาวะบัญญัติ เมื่อภาวนาว่า “นตฺถิ กิญฺจิ” จิตก็มีความมั่นคงแนบแน่นในนัตถิภาวะบัญญัติ ทำให้พ้น จากวิญญาณัญจายตนฌาน ก้าวขึ้นสู่อากิญจัญญายตนฌานสำเร็จสมปรารถนา  ครั้นทำละโลก จึงมาอุบัติในอรูปพรหมชั้นอากิญจัญญายตนภูมิ เสวยสุขในอรูปฌานที่ ๓ ยาวนานถึง ๖๐,๐๐๐ มหากัป

นี่เป็น ภาพรวมของผู้ที่ได้ไปอุบัติในอรูปภพคร่าวๆ ถ้าหากจะอธิบายถึงรายละเอียดปลีกย่อย ของอรูปพรหมแต่ละชั้น ก็คงต้องใช้เวลานานมาก เอาเป็นว่ารับฟังไว้เท่าที่ควรรู้ ซึ่งยัง เหลืออรูปภพอีกชั้นหนึ่งคือเนวสัญญานาสัญญายตนะ ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดในภพสาม ที่ยัง ไม่ได้พูดถึง ต่อไปนี้ให้ตั้งใจทำภาวนากันให้ดี ให้มีดวงตาเห็นธรรมกันทุกคน

*   ภูมิวิลาสินี (พระพรหม โมลี)

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13774
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *