มหานรก ๘ ขุม

มหานรก ๘ ขุม

ธรรมดาของชีวิตมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ชีวิตหลังความตายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ไม่ได้สั่งสมบุญไว้ แต่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้มีบุญที่ได้สั่งสมไว้อย่างดีแล้ว เพราะการตายเป็นเพียงการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิใหม่เท่านั้นเอง ผู้เป็นบัณฑิตเห็นว่าการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะทุกข์อกทุกข์ใจ เมื่อมีญาติอันเป็นที่รักจากไป การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกภายใน เป็นการเพิ่มเติมความมั่นใจ ในการเดินทางไปสู่สัมปรายภพ เพราะพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันอบอุ่นและปลอดภัยที่จะนำไปสู่สุคติ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทิฏฐิสูตร ว่า
“จตูหิ ภิกฺขเว ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต
เอวํ นิรเย กตเมหิ จตูหิ กายทุจฺจริเตน วจีทุจฺจริเตน
มโนทุจฺจริเตน มิจฺฉาทิฏฺฐิยา อิเมหิ โข ภิกฺขเว จตูหิ
ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้  เหมือนถูกนำมาโยนลงในนรก ธรรม ๔ ประการ คือ บุคคลผู้มีกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต และเป็นมิจฉาทิฏฐิ  ผู้ที่ประพฤติธรรม ๔ ประการนี้เหมือนถูกโยนลงในนรก”

* นรกเป็นอบายภูมิที่รองรับผู้มีบาปในตัวมาก เป็นดินแดนสำหรับคนบาป เมื่อละโลกไปแล้วจะต้องไปทนทุกข์ทรมาน เสวยวิบากกรรมที่ตัวเองทำเอาไว้ นรกที่อยู่ลึกที่สุด คืออเวจีมหานรก ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่มหาตาปนนรก ตาปนนรก มหาโรรุวนรก โรรุวนรก สังฆาตนรก กาฬสุตตนรก สัญชีวนรก แต่ละขุมนี่ใหญ่มาก เป็นภพๆ หนึ่งที่กักขังสัตว์นรกเอาไว้เหมือนเป็นเมืองนรก แต่เขาเรียกว่า ขุมนรก แล้วยังมีนรกขุมย่อยๆ อีกมากมาย  ขุมเล็กเรียกว่า อุสสทนรก จะอยู่ล้อมรอบขุมใหญ่ๆ ทั้ง ๘ ล้อมรอบขุมละ ๔ ทิศ ทิศละ ๔ ขุม รวมแล้วก็เป็น ๑๒๘ ขุม ขุมเล็กเป็นบริวารของขุมใหญ่ เหมือนดาวล้อมเดือน จะมีดาวดวงเล็กๆ เป็นบริวารของดาวดวงใหญ่อย่างนั้นแหละ

นรกขุมย่อยๆ ที่เรียกว่ายมโลกนั้น เป็นที่รองรับผู้ทำบาปในระดับบาปไม่มากพอที่จะไปตกในอุสสทนรกหรือมหานรกทั้ง ๘ ขุม ยมโลกนรกนี้จะล้อมรอบมหานรกทั้ง ๘ เอาไว้อีกชั้นหนึ่ง อยู่ห่างออกไปทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง ทิศละ ๑๐ ขุม รวมแล้วเป็น ๓๒๐ ขุม  เมื่อรวมมหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม และยมโลกนรกอีก ๓๒๐ ขุม ก็เป็น ๔๕๖ ขุม

นรก ๔๕๖ ขุมนี้ เรียกว่านิรยภูมิ เป็นหนึ่งในอบายภูมิทั้ง ๔ เป็นกามภพชั้นตํ่า คือภูมิที่ปราศจากความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต มีแต่ไฟลุกท่วมตัว การตกไปในอบายภูมิ จึงเป็นดินแดนที่หาความเจริญไม่ได้ ถ้าหากเราประมาทพลาดพลั้ง แล้วพลัดไปเกิดในนิรยภูมิ ก็ต้องรับกรรมและทนทุกข์ทรมานอยู่เป็นเวลานานตามแต่กรรมที่ทำเอาไว้ ท่านถึงกล่าวว่า อปาเยสุ หิ กมฺมเมว ปมาณํ อกุศลกรรมที่ทำเอาไว้เป็นเครื่องวัดอายุของสัตว์ในอบายภูมิ

ลักษณะการถูกทรมานของมหานรกแต่ละขุม ก็มีลักษณะแตกต่างกันไป ตามแต่กรรมชั่วที่เคยทำเอาไว้ในสมัยที่เป็นมนุษย์ ตั้งแต่
ขุมที่ ๑ สัญชีวมหานรก คือนรกที่ไม่มีวันตาย สัตว์นรกจะถูกนายนิรยบาลเอาดาบนรกฟาดฟันกายให้ขาดเป็นท่อนๆ บางทีก็เอามีดเอาขวานมาถาก เฉือนเนื้อทีละน้อยๆ จนสิ้นใจตาย ทันใดนั้นเองก็มีลมกรรมพัดโชยมาถูกต้องกาย ให้กลับฟื้นขึ้นมาเป็นสัตว์นรกเหมือนเดิมอีก นายนิรยบาลเห็นดังนั้น ก็จะลงโทษให้ได้รับความเจ็บปวดจนกระทั่งถึงตายอีก รับกรรมอยู่อย่างนี้นานถึง ๕๐๐ ปีนรก

ขุมที่ ๒ กาฬสุตตนรก เป็นนรกด้ายดำ นายนิรยบาลจะเอาเส้นด้ายดำมาตีเป็นเส้นตามร่างกายของสัตว์นรก ที่จับให้นอนบนแผ่นเหล็กแดงที่ร้อนระอุ แล้วเอาเลื่อยมาเลื่อย เอาขวานมาผ่า หรือเอามีดมาตัดตามเส้นที่ตีเอาไว้ แม้จะดิ้นทุรนทุรายอย่างไรก็ไม่หลุด ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก สัตว์นรกจะถูกเลื่อยตัดร่างกายจนตาย แล้วก็กลับฟื้นขึ้นมาใหม่ ทรมานอยู่อย่างนี้ จนกว่าสัตว์นรกจะหมดกรรม ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง ๑,๐๐๐ ปีนรก

ขุมที่ ๓ สังฆาตนรก หมายถึงนรกที่ถูกภูเขาเหล็กบดขยี้ร่างกายให้ได้รับทุกขเวทนาอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกขุมนี้มีรูปร่างหน้าตาประหลาด บางตนมีหน้าเป็นวัวแต่ตัวเป็นมนุษย์ หรือหน้าเป็นมนุษย์แต่ตัวเป็นช้าง เป็นเสือ สัตว์นรกจะถูกนายนิรยบาลเอาโซ่เหล็กร้อนระอุมัดคอเอาไว้ ฉุดกระชากลากมาลากไป แล้วเอาค้อนเหล็กทุบกระหนํ่าลงบนศีรษะ ร่างกายก็ป่นปี้จนกระดูกแหลกละเอียด พอตายแล้วก็มีลมกรรมพัดมาให้ฟื้นคืนชีพอีก ต้องใช้กรรมอย่างนี้นานถึง ๒,๐๐๐ ปีนรก ที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อเป็นมนุษย์ ไร้ความเมตตากรุณาต่อสัตว์ ชอบทำการทารุณเบียดเบียนผู้อื่น

ขุมที่ ๔ โรรุวนรก ที่ได้ชื่ออย่างนี้เพราะเต็มไปด้วยเสียงร้องระงมครวญครางอย่างน่าเวทนา ศีรษะ มือ เท้าของสัตว์นรก จมลงไปในดอกบัวเหล็ก นอนควํ่าหน้า เปลวไฟก็เผาไหม้ดอกบัวเหล็กพร้อมกับสัตว์นรก จะตายก็ไม่ตาย ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นจนหมด ๔,๐๐๐ ปีนรก เพราะในอดีตชอบนำสัตว์มาทรมาน หรือเคยเป็นตุลาการผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีความโดยขาดความยุติธรรม หรือเป็นเพราะไปลักขโมยสมบัติของพระศาสนา

ขุมที่ ๕ มหาโรรุวนรก คล้ายๆ กับนรกขุมที่ ๔ แต่มีเสียงร้องครวญครางมากกว่า ได้รับทุกข์ทรมานมากกว่า สัตว์ในขุมนี้ต้องเข้าไปยืนในดอกบัวเหล็กที่คมกริบ มิหนำซ้ำยังร้อนแรงด้วยไฟนรกอีกด้วย เผาไหม้สัตว์ตั้งแต่เท้าจนถึงศีรษะ เปลวไฟเข้าไปในทวารทั้ง ๙ จะตายก็ไม่ตาย ได้รับทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นนานถึง ๘,๐๐๐ ปีนรก เพราะกรรมในอดีตได้ตัดศีรษะสัตว์และมนุษย์เอาไว้มาก ทำโจรกรรมด้วยความอาฆาต พยาบาท ปล้นสมบัติในพระศาสนา ปล้นทรัพย์สินของผู้มีพระคุณ พ่อแม่ครูบาอาจารย์และผู้ทรงศีลทั้งหลาย
ขุมที่ ๖ ตาปนรก สัตว์นรกจะได้รับความเร่าร้อนอย่างน่าเวทนา เพราะถูกหลาวเหล็กที่ร้อนโชติช่วงด้วยเปลวไฟ เสียบแทงสัตว์ทั้งหลายไว้ และยังมีสุนัขนรกตัวใหญ่เท่าช้างสาร รุมทึ้งจนเหลือแต่กระดูก ชดใช้กรรมอยู่อย่างนี้ถึง ๑๖,๐๐๐ ปีนรก

ขุมที่ ๗ มหาตาปนรก เป็นขุมที่สัตว์นรกได้รับความเร่าร้อนเหลือประมาณ ด้วยการถูกบังคับให้ขึ้นไปบนภูเขาเหล็กที่ร้อนลุกเป็นไฟ แล้วถูกลมกรดที่ร้อนแรงพัดกระหนํ่าสัตว์ให้ตกลงมาข้างล่าง ซึ่งมีขวากหนามเหล็กที่ร้อนแดงด้วยไฟนรก ปักเรียงรายอยู่ เสียบทะลุร่างกาย ดูแล้วน่าหวาดเสียวสยดสยอง ต้องทนทรมานอย่างนี้ถึงครึ่งอันตรกัป การนับเวลาจากที่มนุษย์อายุยืนเป็นอสงไขยแล้วถอยลงเหลืออายุ ๑๐ ปี แล้วกลับอายุยืนขึ้นไปถึงอสงไขยนั้นนับเป็นเวลาเป็น ๑ อันตรกัป ฉะนั้น ครึ่งอันตรกัป ก็ถือว่ายาวนานมากทีเดียว

ขุมที่ 8 (ขุมสุดท้าย) อเวจีมหานรก เป็นนรกที่สัตว์ถูกทรมานโดยไม่มีการหยุดพักเลย อยู่ลึกที่สุดและเสวยวิบากกรรมยาวนานที่สุดถึง ๑ อันตรกัป กรรมที่ทำให้เกิดในขุมนี้ เพราะทำอนันตริยกรรมเอาไว้ ตั้งแต่ฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต และทำลายสงฆ์ให้แตกกัน

นอกจากนี้ยังมี โลกันตนรก สำหรับผู้ที่ทำกรรมชั่วมากเป็นพิเศษ เช่นเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ นรกขุมนี้จะอยู่เลย ๓ เท่าของภพ ๓ จากปากจักรวาล ตรงนั้นจะมีความมืดมนอนธการ ไม่มีแสงเดือนแสงดาวให้เห็น มืดสนิทและเย็นยะเยือก โลกันตนรกคือนรกที่อยู่สุดโลกสุดจักรวาล จะเห็นแสงสว่างก็ต่อเมื่อมีพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลก แสงสว่างแห่งพุทธธรรมจะโชติช่วงไปทั่วหมื่นโลกธาตุ ส่องสว่างไปถึงโลกันตนรก

ขุมนรกร้อนที่สุดไม่มีที่ไหนเกินอเวจีมหานรก แต่ถ้าเย็นที่สุดก็คือโลกันตนรก ซึ่งสัตว์นรกในขุมนี้มีรูปร่างใหญ่โตมาก เล็บมือเล็บเท้ายาวเฟื้อย ต้องใช้เล็บมือเท้าเกาะอยู่ที่ขอบจักรวาล ห้อยโหนตัวไปมาเหมือนค้างคาวห้อยหัวอยู่ตามกิ่งไม้ ห้อยโหนไปก็บ่นเพ้อรำพึงรำพันกับตัวเองว่า “ทำไมเราถึงมาทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่คนเดียวหนอ”  เพราะมืดสนิทจนไม่เห็นสัตว์นรกที่อยู่ใกล้ๆ แม้คว้าไปถูกมือเพื่อนซึ่งเป็นสัตว์นรกด้วยกัน ก็สำคัญผิดว่าเป็นอาหาร ต่างคนต่างกัดกินเลือดกินเนื้อกัน จนพลัดตกลงไปข้างล่างที่เป็นทะเลนํ้ากรด ร่างกายสัตว์นรกจะถูกนํ้ากรดกัดจนเปื่อยแหลกเหลวไปทันที

เมื่อสัตว์นรกดังกล่าวสิ้นใจตายก็กลับมาเกิดเป็นสัตว์นรกอีก ต่างรีบตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไปเกาะขอบจักรวาลตามเดิม ทนทรมานอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะครบช่วงหนึ่งพุทธันดร ที่เป็นเช่นนี้เพราะทำกรรมบาปหยาบช้า มีความเห็นผิด อกตัญญูต่อบิดามารดา เป็นผู้มีดวงใจมืดบอด ใครทำคุณด้วยก็มองไม่เห็น แถมยังทำร้ายผู้ทรงศีล ด้วยอำนาจกรรมนี้ ทำให้ต้องมาอยู่ในสถานที่อันมืดมิดในโลกันตนรกนี้

คงจบเรื่องมหานรก ดินแดนสำหรับคนบาปเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน สิ่งที่น่าศึกษาที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านี้ยังมีอีกมาก ให้ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้มากๆ  ถ้าเข้าถึงวิชชาธรรมกายเมื่อไร ก็จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด ตอนนี้เราศึกษาจากภาคปริยัติแล้ว ก็ให้ศึกษาภาคปฏิบัติให้แจ่มแจ้ง ต้องรู้เองเห็นเองจึงจะทำให้เรามีกำลังใจในการทำความดีมากยิ่งขึ้น คาถาสำหรับการเข้าถึงธรรม หลวงพ่อก็ได้ให้ไว้แล้วว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะไม่ขี้เกียจนั่งธรรมะอีกแล้ว”  ถ้าทำให้ได้อย่างที่ท่องและทำให้ถูกวิธี รับรองว่าต้องเข้าถึงธรรมกายกันหมดทุกคน

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/13533
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับปรโลก

กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article
สารบัญ หนังสือธรรมะเพื่อประชาชน

1 thought on “มหานรก ๘ ขุม”

  1. น้อมกราบอนุโมทนาบุญกับโอวาท
    คำสอนและธรรมทานอันทรงคุณค่า
    หลวงพ่อธัมมชโย #คุณครูไม่ใหญ่
    ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง สาธุครับ
    🏵️🌺🌸💮🌼🌷🌷🌼💮🌸🌺🏵️

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *