อสงไขยแปลว่าอะไร เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอย่างไรบ้าง?

คำถาม: 
อสงไขยแปลว่าอะไรครับ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอย่างไรบ้าง?

คำตอบ: 
อสงไขย แปลตามศัพท์ว่า “ไม่พึงนับ” เพราะมันมากเหลือเกิน มากจนนับไม่ได้ แต่ถ้าจะนับให้ได้ก็ประมาณว่าเขียนเลขหนึ่งไว้แล้วเติมศูนย์ลงไปอีก 140 ตัว เขาอ่านว่า “อสงไขย” คุณลองไปนับดูแล้วกันนะ
        ตัวเลขนี้เขาเอามานับอะไรกัน มีอะไรที่มีจำนวนหน่วยตั้งเยอะตั้งแยะอย่างนี้ มีเรื่องเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง
 
        ท่านเนรูห์ พ่อของนางอินทิรา คานธี ท่านได้ศึกษาตำรับตำรามากเข้าๆ ก็มาติดว่า เอ..คำว่าอสงไขย คำนี้บัญญัติไว้ใช้นับอะไรกัน จะนับคนในประเทศอินเดียในสมัยพุทธกาลหรือ มันก็ไม่น่าจะใช่ จะนับอะไรมันก็ไม่มีจำนวนมาก ถึงอสงไขยสักอย่าง แต่ทำไมถึงบัญญัติศัพท์คำนี้ขึ้นมาใช้
        ท่านหาคำตอบไม่ได้ ก็จะไปตอบได้อย่างไร เพราะคำนี้บัญญัติใช้เฉพาะในพระพุทธศาสนา ท่านเนรูห์นับถือศาสนาฮินดู จึงไม่รู้ว่าหน่วยอสงไขยนี่เขาเอามาคำนวณเวลาในการบำเพ็ญบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งต้องใช้เวลายาวนานมาก ยาวกว่าอายุของโลก เวลานี้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายให้เรารู้ว่า โลกเริ่มต้นกันตั้งแต่เป็นหมอกเพลิง แล้วเย็นลงจนในที่สุดเป็นแผ่นดินให้เราได้มาอยู่กันอย่างนี้ รู้กันมาแค่นี้ ถือว่าความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เก่งแล้ว
        แต่ทางด้านพระพุทธศาสนารู้ยิ่งกว่านั้นคือ รู้ว่าโลกเริ่มจากหมอกเพลิง แล้วเย็นลงเป็นแผ่นดิน จนกระทั่งมนุษย์สามารถอยู่บนพื้นโลกได้ แต่อีกหน่อยเมื่อมนุษย์ก่อเวรรบราฆ่าฟันกันมากๆ เข้า โลกก็จะร้อนระอุกลับไปเป็นหมอกเพลิงอีกครั้งหนึ่ง เวลานับจากโลกเป็นหมอกเพลิงแล้วเย็นลง จนกลับไปเป็นหมอกเพลิงอีกครั้งหนึ่ง ท่านเรียกว่า กัปหนึ่ง
        ถามว่ากัปหนึ่งกี่ปี ?  ตอบว่าอย่าไปนับเลย นานมาก แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้อุปมาไว้อย่างนี้
        สมมติว่ามีภูเขาแท่งทึบอยู่ 1 ลูก ลักษณะเหมือนลูกเต๋า แต่เป็นลูกเต๋ายักษ์กว้าง 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ คือ กว้าง 16 กิโลเมตร ยาว 16 กิโลเมตร และสูง 16 กิโลเมตร ในทุกๆ 100 ปี มีผู้เอาผ้าบางเหมือนควันไฟไปลูบ พอลูบทีหนึ่งมันก็จะสึกไปนิดหนึ่ง อีก 100 ปี ก็มาลูบอีกทีหนึ่ง ลูบอย่างนี้ทุกๆ 100 ปี ถ้าเมื่อไรมันสึกไปจนกระทั่งภูเขาลูกนี้ราบเตียนเสมอกับพื้นดิน เมื่อนั้นให้นับว่ากัปหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่ากี่ปี
        พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยที่เกิดเป็นพระโพธิสัตว์และได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งข้างหน้า โดยจะใช้เวลาบำเพ็ญบารมีอย่างน้อยที่สุด 4 อสงไขย แสนมหากัป ลองเขียนเลข 4 ลงไปตัวหนึ่งแล้วเติมศูนย์อีก 140 ตัว แล้วประมาณเวลาว่า โลกเป็นหมอกเพลิงแล้วก็เย็นลง จนมีผู้คนมาอาศัยอยู่ แล้วในที่สุดโลกก็ไหม้กลับไปเป็นหมอกเพลิงอีก ช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้นานเท่าไร นับประมาณเวลาอย่างนี้ไป 4 อสงไขยครั้งกับอีกแสนครั้ง รวมกันเข้าไป นั่นแหละเป็นระยะเวลา น้อยที่สุดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องใช้สำหรับฝึกตนเองให้เป็นคนดี จนกระทั่งสามารถที่จะสอนให้คนอื่นรู้ตามได้อีกด้วย
        ท่านใช้เวลากันนานถึงขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติธรรม เราจึงได้ซาบซึ้งกันนักหนาว่า แหม…เรานี่โชคดีนะ เกิดมาได้พบพระพุทธศาสนา แม้ไม่พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ก็ยังได้เจอคำสอนของพระองค์ นี่ถ้าให้เราไปค้นเองว่าบาปเป็นอย่างไร คงไม่รู้หรอก ขนาดบารมีอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเสียเวลาค้นมาถึง 4 อสงไขย กับแสนมหากัป ถ้าให้พวกเราค้นเอง อย่าว่าแต่ 4 อสงไขยเลย อีกี่ล้านอสงไขยกัป เราก็ค้นไม่เจอ
        ขนาดมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาวางเส้นทางไว้ให้ เรายังสะเปะสะปะคลำไม่เจอเลย ท่านเนรูห์ที่ว่ามีปัญญามาก มาเจอตัวเลขอสงไขยเข้ายังงง…ไม่รู้ใช้ทำอะไร เราศึกษาพระพุทธศาสนาแล้วจะพบเสมอว่า เวลาที่พระอรหันต์ท่านระลึกชาติ ไม่ใช่ระลึกแค่ 2 ชาติ 3 ชาติ หรือ 5 ชาติ 10 ชาติ ล้านชาติ ไม่ใช่ แต่ท่านระลึกชาติ ย้อนไปเป็นกัปเป็นอสงไขยๆ ชาติทีเดียว
        ทำไมทำได้อย่างนั้น ท่านทำได้ เพราะธรรมดา พระอรหันต์ใจท่านใสเป็นแก้ว ใสเป็นเพชร ความสว่างของใจสามารถใช้ส่องย้อนระลึกไปดูอดีตได้ การกระทำต่างๆ ที่เกิดในโลกนี้จริงๆ แล้วถูกบันทึกอยู่ในใจของเรานี่เอง เราเกิดมากี่ชาติ ใจของเราบันทึกไว้หมด แต่เป็นบันทึกละเอียด ซึ่งพอจะอุปมาเทียบเคียงกันได้กับวิดีโอเทปที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพทั้งเสียงนั่นแหล่ะ
        การบันทึกเรื่องราวในใจก็บันทึกเป็นภาพเป็นเสียงเช่นกัน เป็นภาพซ้อนภาพ เสียงซ้อนเสียง เมื่อฝึกสมาธิแล้วมาเจออย่างนี้เข้า จึงไม่แปลกใจเลยเวลาใครเขามาบอกว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ มันบันทึกได้เท่านั้นเท่านี้ อย่ามาคุยเลยว่าคอมพิวเตอร์มันเก่ง คนเราเก่งกว่าบันทึกได้มากกว่านั้นตั้งมากมาย ค่อยๆ ฝึกสมาธิไปแล้วจะรู้เอง

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *