การสร้างธุดงคสถานมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาประเทศอย่างไร

คำถาม: การสร้างธุดงคสถาน มีความจำเป็นอย่างไร และมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาประเทศไทยอย่างไร?

คำตอบ: ให้จำเอาไว้ว่า งานทั้งหลายในโลกนี้ไม่มีอะไรยาก แม้แต่จะเป็นงานสร้างดาวเทียมไปดวงดาวดวงอื่น ไปโลกพระจันทร์หรือไปไหนก็ตาม งานอะไรในโลกนี้ไม่มียาก
        ที่ยากที่สุดคือเรื่องการอบรมคน เมืองไทยของเราไม่เจริญเท่าที่ควร เพราะยังมีประชาชนไทยอีกเป็นจำนวนมาก ที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากธรรมะยังเข้าไปอยู่ในใจไม่พอ ถ้าธรรมะมีอยู่ในใจพอละก็ เมืองไทยเจริญเป็นแนวหน้าของบรรดาประเทศที่พัฒนาไปตั้งนานแล้ว
        การเปิดธุดงคสถาน เป็นเรื่องของการสร้างสถานที่สำหรับอบรมจิตใจคนให้มีธรรมะ โดยสร้างบรรยากาศให้เหมือนปลีกตัวไปหาความสงบตามลำพัง เพื่อพิจารณาหาข้อบกพร่องของตนเองและหาวิธีแก้ไขโดยใช้ธรรมะ คนเราถ้าอบรมจิตใจดีแล้ว ก็ไม่ต้องห่วงว่าการพัฒนาประเทศจะเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าคนจิตใจดี ก็จะไม่คอร์รัปชั่น เมื่อคนไทยไม่คอร์รัปชั่นกันทั้งประเทศ เมืองไทยก็เจริญเอง เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่าอยู่ธุดงค์นี่ช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างไร ตอบว่า นี่แหละกำลังพัฒนาประเทศละ ถูกเป้าหมายด้วย
        เมื่อตอบเรื่องนี้แล้วก็ขอเล่าเลยไปอีกเรื่องหนึ่งด้วย คือเมื่อหลายปีมาแล้วหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ใหม่ๆ ได้มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งมาที่วัดพระธรรมกาย โดยเจตนา โดยลักษณะอาการแล้ว เขาเตรียมจะมารื้อวัด เขามาถามปัญหาหลายข้อ มีอยู่ข้อหนึ่งเขาตั้งปัญหามาว่าอย่างนี้
        “หลวงพ่อครับ ประเทศไทยกำลังพัฒนาอุตสาหกรรม ถ้าหน่วยงานไหนๆ ในประเทศไม่ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นไปในทางเดียวกัน ก็ได้ชื่อว่าบ่อนทำลายประเทศไทย อยากจะทราบว่าพระภิกษุช่วยอะไรในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศบ้าง เพราะถ้าไม่ช่วยก็ต้องถือว่าพระภิกษุเป็นผู้บ่อนทำลายประเทศไทยเหมือนกัน” ถามมาอย่างนี้ ไม่ตอบก็โดนรื้อวัด ถามอย่างนี้ตีความได้ 2 ประเด็น คือ
        1. ถามแบบตีรวน ก่อนจะตีจริง
        2. ถามเพราะเขาไม่รู้จริงๆ
        ในฐานะที่เป็นพระภิกษุก็ต้องทำใจ คิดว่าเขาไม่รู้จริงๆ ก่อนทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเขาอาจจะถามแบบตีรวนก็ได้ ก็ตอบด้วยจิตเมตตาไปว่า พระภิกษุไม่มีเงินทองไปลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมหรอก แต่ว่าพระภิกษุในประเทศไทย มีความสามารถในการช่วยโรงงานอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งคือ ทุกๆ ปี ตามวัดต่างๆ จะมีลูกตาสี ตาสา ลูกชาวไร่ชาวนา รวมทั้งชาวบ้านชาวเมืองด้วย มาบวชปีละไม่น้อย รวมทั้งประเทศปีละเป็นแสน
        คนเหล่านี้อย่าคิดว่าเขามีความรู้ทางโลกมากนะ เกือบครึ่งเกือบค่อน เรียนแค่ ป.4 ยังไม่อยากจะจบ เมื่อเข้ามาบวชแล้วอย่างน้อย เขาก็รู้จักที่สูงที่ต่ำ รู้บุญรู้บาป รู้ควรรู้ไม่ควร แล้วก็รู้จักวิธีอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มากอย่างสงบสุข เพราะได้ฝึกตัวในขณะที่อยู่วัดแล้ว มีบางท่านสามารถซาบซึ้งธรรมะเบื้องสูงยิ่งๆ ขึ้นไปได้
        ที่สำคัญที่สุด ธรรมะในพระพุทธศาสนานั้น สอนให้คนขยันขันแข็ง และรับผิดชอบในหน้าที่การงานทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อพระภิกษุทุกวัดในประเทศไทย นอกจากช่วยกันสอนให้ประชาชนขยันขันแข็งและรับผิดชอบในการทำงานแล้ว ยังสอนให้เขารู้จักที่จะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่เป็นคณะอย่างสงบสุข ทางวัดฝึกเขาจนกระทั่งเขาเป็นคนมีคุณภาพออกไปทำงานตามโรงงานต่างๆ อย่างนี้ จะถือว่าพระภิกษุช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศได้ไหม?
        เขานั่งไปพัก แล้วบอกว่าได้ “ถ้าอย่างนั้นวัดของหลวงพ่อ คงไม่โดนรื้อนะ” ผมเคยอธิบายให้นักศึกษาฟังอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็ขอถวายเรื่องนี้ให้กับหลวงพ่อหลวงพี่ทั้งหลายพิจารณาด้วยว่า …ถ้าเจอปัญหาอะไรทำนองนี้ล่ะก็ อย่าเพิ่งตอบอะไรง่ายๆ ไป
        เดี๋ยวจะเสียหายแก่พระศาสนา เพราะดูเผินๆ แล้ว เอ๊ะ! พระพุทธศาสนาไม่เห็นช่วยอะไรในอุตสาหกรรม ความจริงช่วยนะ ก็ช่วยส่งคนดีๆ ไปให้ทำงานไงล่ะ ไม่อย่างนั้นขืนคนงานไปสไตรค์ทุกวันๆ จะเป็นอย่างไร โรงงานถูกสไตรค์เข้าแต่ละที เจ้าของขาดทุนยุบยับ ประเทศไหนๆ เขาก็ไม่อยากมาลงทุนในเมืองไทย ที่อยู่ได้ตลอดรอดฝั่งมานี่ เพราะหลวงปู่่หลวงตา ท่านช่วยกันสอนลูกศิษย์ของท่านมาให้ เพราะฉะนั้นโรงงานต่างๆ ในเมืองไทย ถึงแม้จะมีการสไตรค์อะไรกันก็ไม่รุนแรง เมื่อเทียบกับต่างประเทศต้องถือว่าไม่มีเลย
        ขอฝากไว้ให้คิดถึงด้วยว่า จริงๆ แล้วทุกตารางนิ้วในผืนแผ่นดินไทย ที่จะไม่มีธรรมะเข้าไปแทรกอยู่นั้นไม่มีหรอก ทุกหนทุกแห่งมีธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแทรกอยู่ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราจะสามารถยกมาอธิบายได้หรือไม่เท่านั้น

โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก)
วันที่
ที่มา
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *